เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ (Beta-Lactamase inhibitors)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 8 พฤศจิกายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์อย่างไร?
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์อย่างไร?
- เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- สะตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome)
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
- โรคติดเชื้อ ภาวะติดเชื้อ (Infectious disease)
- เชื้อดื้อยา ซูเปอร์บั๊ก (Superbug)
- เบต้า-แลคแทม (Beta-Lactam antibiotic)
บทนำ
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์(Beta-Lactamase inhibitors)เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ต่อต้านแบคทีเรียชนิดที่ผลิตเอนไซม์ที่สามารทำลายโครงสร้างของยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม เช่น กลุ่มเพนิซิลลิน(Penicillin) การใช้ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ มีข้อด้อยอยู่บางประการคือ ไม่สามารถใช้ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้ด้วยตนเอง จะต้องใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดอื่น เพราะยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์จะทำหน้าที่ช่วยป้องกันมิให้ยาปฏิชีวนะที่ใช้ร่วมกันถูกแบคทีเรียทำลายนั่นเอง
ในทางคลินิก จะนำกลุ่มยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ มาช่วยบำบัดอาการโรคที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียประเภท/ชนิดแกรมลบ (Gram-negative bacteria) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทน/ดื้อต่อยาปฏิชีวนะที่มีโครงสร้างเคมีประเภทเบต้า-แลคแทม(Beta lactam, สารเคมีที่เป็นโครงสร้างของยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม เช่น Penicillin โดยเรียกยาปฏิชีวนะกลุ่มนี้ว่า Beta lactam antibiotic) อย่างยากลุ่ม เพนิซิลลิน นั่นเอง
รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ จะเป็น ยาฉีด หรือ ยารับประทาน ที่ต้องผสมร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดอื่น โดยอาจจะจำแนกยาในหมวด/กลุ่มเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ ออกเป็นรายการย่อยดังนี้
1. ยา Tebipenem: จัดเป็นยารุ่นที่ 1 ของกลุ่มยา Carbapenem โดยออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ แบคทีเรียชนิด Mycobacterium tuberculosis
2. ยา 6-Methylidene Penam 2: จัดเป็นยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์รุ่นใหม่ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านทานเอนไซม์เบต้า-แลคแทมมากกว่ายา Clavulanate ถึง 70 เท่า
3. ยา Clavulamic acid หรือ Clavulanate: ปกติมักใช้ร่วมกับยา Amoxicillin หรือ กับ ยา Ticarcillin
4. ยา Sulbactam: มักใช้ร่วมกับยา Ampicillin หรือยา Cefoperazone
5. ยา Tazobactam: ใช้ร่วมกับยา Piperacillin
นอกจากนี้ ยากลุ่มเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ ยังแบ่งเป็นยาอีกกลุ่มย่อยที่เรียกว่า “Non-beta-lactam Beta-Lactamase inhibitors” ซึ่งมีรายการยาย่อยดังนี้
1. ยา Avibactam: ใช้ร่วมกับยา Ceftazidime และปัจจุบันได้ขยายผลโดยนำมาใช้ร่วมกับ Ceftaroline
2. ยา Relebactam: เป็นยาที่อยู่ระหว่างการศึกษาประสิทธิผลในทางคลินิก โดยจะนำไปรักษาอาการปอดบวม และการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ
อนึ่ง กลุ่มแบคทีเรียชนิดที่สามารถตอบสนองกับยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ เช่นMycobacterium tuberculosis, Staphylococcus, Enterobacteriaceae, Haemophilus influenzae, Neisseria gonorrhoeae, Klebsiella pneumoniae, Citrobacter, และ Morganella
ทั้งนี้ การเลือกใช้ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ ชนิดใดในการรักษาโรค แพทย์จะต้องใช้ข้อมูลหลายประการมาประกอบกัน เช่น
- การติดเชื้อเกิดที่อวัยวะหรือระบบอวัยวะใดของร่างกาย
- ผู้ป่วยแพ้ยาในสูตรตำรับยานั้นๆหรือไม่
- ระดับความรุนแรงของโรค
- อายุ เพศ โรคประจำตัว ของผู้ป่วย
- ยาอื่นๆที่ผู้ป่วยใช้อยู่ ทั้งนี้เพื่อเพื่อป้องกันภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เพื่อ ป้องกันและบำบัดรักษาอาการป่วยเนื่องมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ตอบสนองกับยากลุ่มนี้ เช่น
- การติดเชื้อ/โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
- การติดเชื้อของอวัยวะในช่องท้อง(เยื่อบุช่องท้องอักเสบ)
- การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง(เยื่อหุ้มสมองอักเสบ)
- การติดเชื้อในกระแสเลือด(ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ)
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือในอวัยวะของระบบสืบพันธุ์ในสตรี
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ มีกลไกการออกฤทธิ์โดย ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า เบต้า-แลคแทมเมส(Beta lactamase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่แบคทีเรียสร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านฤทธิ์ของยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม เช่น Penicillin จึงส่งผลให้แบคทีเรีย ไม่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะนั้นๆ จากกลไกดังกล่าวจึงก่อให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาได้ตามสรรพคุณ
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็น
- ยาชนิดรับประทาน และ
- ยาฉีด
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีขนาดบริหารยาอย่างไร?
ด้วยในกลุ่มยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ มีหลากหลายรายการตัวยาย่อย ขนาดรับประทาน/การใช้/การบริหารยานี้ จึงขึ้นกับการพิจารณาของแพทย์ โดยแพทย์จะอาศัยข้อมูลหลายข้อมูลของตัวผู้ป่วย เช่น อายุผู้ป่วย เพศ โรคประจำตัว ยาอื่นๆที่ผู้ป่วยใช้อยู่ รวมถึงเลือกใช้ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ให้ตรงตามอาการ/ ตามชนิดแบคทีเรียที่ก่อโรค และให้มีความปลอดภัยมากที่สุดต่อผู้ป่วย นอกจากนั้น หลายอาการโรคต้องใช้เวลาของการรับประทาน/การใช้ยาให้ครบตามระยะเวลามาตรฐานทางการแพทย์ถึงแม้อาการผู้ป่วยจะดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียนั้นๆ ดังนั้นการบริหารยานี้ จึงต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป บทความนี้จึงขอไม่กล่าวถึงขนาดการใช้ยานี้
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆอย่างเช่น โรคตับ โรคไต รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ตรงเวลา
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น
- ผลต่อตับ: เช่น เกิดดีซ่าน ตับอักเสบ
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น รู้สึกไม่สบายในช่องท้อง
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดภาวะ Stevens-Johnson syndrome
มีข้อควรระวังการใช้เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยากลุ่มนี้
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ระหว่างการใช้ยานี้แล้วอาการป่วยดีขึ้น ห้ามหยุดใช้ยานี้ทันที ต้องใช้ยานี้จนครบคอร์ส(Course)ของการรักษาตามคำสั่งแพทย์
- หยุดการใช้ยานี้ทันทีเมื่อพบเห็นอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง แน่นอึดอัด/หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ใบหน้า-ปาก-คอเกิดอาการบวม กรณีพบเห็นอาการแพ้ยาให้รีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับ, ผู้ป่วยที่มีภาวะระบบทางเดินน้ำดีอุดตัน รวมถึงผู้ที่ติดสุรา
- ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยากลุ่มเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาซัลแบคแทมร่วมกับยา Probenecid อาจทำให้ระดับยาซัลแบคแทมในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงต่อการได้รับอาการข้างเคียงจากยาซัลแบคแทมตามมา หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยา Clavulanate ร่วมกับยา Leflunomide อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดผลเสีย ต่อตับ(ตับอักเสบ)ของผู้ป่วย หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
ควรเก็บรักษาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์อย่างไร?
ควรเก็บ ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ ทั้งชนิด รับประทาน และชนิดยาฉีด ภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส(Celsius) ส่วนชนิดยาน้ำแขวนตะกอนที่ผสมน้ำแล้ว ให้เก็บภายใต้อุณหภูมิ 2- 8 องศาเซลเซียส
เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
เบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเบต้า-แลคแทมเมส อินฮิบิเตอร์ ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Amsubac (แอมซูแบค) | KAPL |
Bacticep (แบคทิเซฟ) | M & H Manufacturing |
Cebactam (ซีแบกแทม) | L.B.S. |
Cefpar SB (เซฟปาร์ เอสบี) | KAPL |
Cefper (เซฟเปอร์) | Biolab |
Prazone-S (พราโซน-เอส) | Venus Remedies |
Rexatam (เรกซาแทม) | NCPC |
Sulam (ซูแลม) | Siam Bheasach |
Sulbacilline (ซัลแบคซิลลิน) | Daewoong Pharma |
Sulbaccin (ซัลแบคซิน) | MacroPhar |
Sulcef (ซัลเซฟ) | Siam Bheasach |
Sulperazon (ซัลเพอราโซน) | Pfizer |
Sulpermed (ซัลเพอรเมด) | Millimed |
Trifamox (ไตรฟามอก) | IBL Laboratories Bago S.A. |
Zosyn (โซซิน) | Pfizer |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/%CE%92-Lactamase_inhibitor#Mechanism_of_action [2016,Oct15]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/amoxicillin-clavulanate-with-arava-189-0-1440-852.html [2016,Oct15]
- https://www.drugs.com/drug-class/beta-lactamase-inhibitors.html [2016,Oct15]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2806661/ [2016,Oct15]
- http://jama.jamanetwork.com/article.aspx?articleid=193481 [2016,Oct15]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Tazobactam [2016,Oct15]