เนื้องอกรังไข่ (Ovarian tumor)

สารบัญ

บทนำ

รังไข่ เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งมีเฉพาะในผู้หญิง รังไข่นั้นเทียบเท่ากับอัณฑะในผู้ชาย บทบาทของรังไข่จะเด่นชัดในช่วงที่ผู้หญิงเข้าสู่วัยสาว โดยรังไข่จะเริ่มผลิตฮอร์โมนเพศ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางร่างกายของเด็กผู้หญิง ให้มีการพัฒนาไปเป็นหญิงสาว นั่นคือมีการพัฒนาของเต้านม การเจริญของขนที่บริเวณรักแร้และที่หัวหน่าว ตลอดจนทรวดทรงองค์เอวที่เป็นหญิงสาว ในขณะที่มีการเจริญของไข่ และมีการตกไข่เกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน

ก้อนที่รังไข่ หรือเนื้องอกรังไข่ (Ovarian tumor) เป็นโรคที่พบได้บ่อย สามารถพบได้ในหญิงทุกอายุ แต่พบได้น้อยในเด็กและในผู้สูงอายุ โดยทั่วไป สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่

  • ถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากการทำงานของรังไข่ (Functional ovarian cyst)
  • เนื้องอกรังไข่ที่ไม่ใช่มะเร็ง (Benign ovarian tumor)
  • มะเร็งรังไข่ (Malignant ovarian tumor)

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่แพทย์ตรวจพบว่ามีก้อนที่รังไข่ ก็ไม่ต้องตกใจเกินควร เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะไม่ใช่มะเร็ง มีเพียงประมาณ 6% ของเนื้องอกรังไข่ทั้งหมดเท่านั้นที่เป็นมะ เร็ง

ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดเนื้องอกรังไข่?

เนื้องอกรังไข่

ถุงน้ำที่เกิดจากการทำงานของรังไข่ เป็นถุงน้ำที่เกิดตามธรรมชาติในผู้หญิงวัยมีประจำ เดือนทุกคน

เนื้องอกรังไข่ที่ไม่ใช่มะเร็ง ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ ได้แก่ อ้วน, มีประจำเดือนครั้งแรกอายุน้อยกว่าปกติ (ปกติหญิงไทยจะเริ่มมีประจำเดือนเมื่ออายุประมาณ 11-12 ปี), มีบุตรยาก, มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้, กินยาต้านฮอร์โมนเพศหญิง (Tamoxifen), และสูบบุ หรี่

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com เรื่อง มะเร็งรังไข่

เนื้องอกรังไข่มีอาการอย่างไร?

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยที่มีถุงน้ำที่เกิดจากการทำงานของรังไข่ และเมื่อเนื้องอกรังไข่ทุกชนิดมีขนาดเล็ก มักจะไม่แสดงอาการ จะมีอาการต่อเมื่อ เนื้องอกมีขนาดโตขึ้น ซึ่งโดยทั่ว ไปเมื่อมีอาการ อาการของเนื้องอกรังไข่ทุกชนิดจะคล้ายคลึงกัน เพราะเป็นอาการจากมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เหมือนๆกัน

อาการที่มักพบได้บ่อยจากการมีเนื้องอกรังไข่คือ การคลำได้ก้อนด้วยตัวเองที่ท้องน้อย บางรายอาจจะพบว่ามีอาการปวดที่ท้องน้อยได้บ้าง บางรายอาจรู้สึกว่าท้องโตขึ้น หรือมีความผิดปกติของประจำเดือน หรืออาจมาพบแพทย์ด้วยอาการก้อน/เนื้องอกรังไข่กดทับอวัยวะต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงรังไข่ เช่น ปัสสาวะบ่อย ซึ่งเป็นอาการของการที่ก้อนกดทับกระเพาะปัสสาวะ อา การท้องผูก ถ่ายอุจจาระลำบาก ซึ่งเป็นอาการของการที่ก้อนกดทับลำไส้ใหญ่ ในขณะที่ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการจากภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) จากก้อนที่รังไข่เอง ที่สำคัญได้แก่ อาการปวดท้องน้อยอย่างเฉียบพลันจากภาวะรังไข่บิดตัว (Twisted ovarian tumor) ซึ่งอาจร่วมกับมีไข้

อนึ่ง ในกลุ่มผู้ที่ไม่มีอาการ แพทย์ตรวจพบว่ามีเนื้องอกรังไข่จากการตรวจภายในในการตรวจร่างกายประจำปี หรือจากการวินิจฉัยโรคทางสูตินรีเวชอื่นๆ (เช่น มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด) หรือจากการตรวจช่องท้องด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ เพื่อวินิจฉัยโรคต่างๆของช่องท้อง (เช่น โรคของระบบทางเดินปัสสาวะ)

แพทย์วินิจฉัยว่ามีเนื้องอกรังไข่ได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยได้ว่ามีเนื้องอกรังไข่จาก ประวัติอาการ และจากการตรวจภายในที่คลำพบก้อนเนื้อในท้องน้อย ซึ่งแพทย์มักส่งตรวจสืบค้นเพิ่มเติมด้วยอัลตราซาวด์ และ/หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ท้องน้อย หรือช่องท้อง

จะทำอย่างไรเมื่อตรวจพบเนื้องอกรังไข่?

เมื่อแพทย์บอกกับท่านว่า ตรวจพบว่ามีถุงน้ำหรือก้อน/เนื้องอกที่รังไข่ อย่าเพิ่งตกใจ เพราะถุงน้ำหรือก้อนที่รังไข่นั้น อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรรมชาติ และอาจหายได้เอง

กรณีที่แพทย์สงสัยว่า ถุงน้ำหรือก้อนที่รังไข่นั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และอาจหาย ไปได้เอง แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจติดตามในช่วงเวลา 2-12 สัปดาห์ หรืออาจแนะนำให้รับ ประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม แล้วตรวจติดตามอีกหนึ่งเดือน หากก้อนไม่หายไป แสดงว่าก้อนนั้นน่าจะเป็นเนื้องอกของรังไข่จริง แพทย์ก็จะแนะนำวิธีรักษาต่อไป

ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นเนื้องอกรังไข่ แพทย์อาจตรวจเลือดของท่าน ดูค่าสารมะเร็งของมะเร็งรังไข่ (CA 125) เพื่อประกอบการวินิจฉัยว่า ก้อนที่พบมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ลักษณะที่พบทางอัลตราซาวด์ ก็อาจช่วยบ่งชี้ได้ว่า ท่านน่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่ที่ชัดเจนนั้น จำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัด และผลตรวจก้อนเนื้อหลังผ่าตัด ซึ่งเป็นการตรวจทางพยาธิวิทยา

เมื่อไหร่จึงควรสงสัยว่าเนื้องอกรังไข่เป็นเนื้องอกมะเร็ง?

ในผู้ที่มีก้อน/เนื้องอกที่รังไข่ อาการที่บ่งชี้ว่าก้อนที่พบที่รังไข่นั้นน่าจะเป็นมะเร็ง ได้แก่ มีอาการเบื่ออาหาร และน้ำหนักลด ก้อนโตเร็ว ท้องโตขึ้นเร็ว และอาจมีอาการอื่นที่แสดงถึงการกระจายของมะเร็งไปที่อวัยวะอื่นๆ (เช่น ปวดหลัง) นอกจากนี้ จากการตรวจร่างกาย และอัลตราซาวด์ หากพบว่า มีน้ำในช่องท้อง/ท้องมาน มีก้อนที่รังไข่ทั้งสองข้าง ก้อนที่พบมีส่วนที่เป็นเนื้อตัน มีต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องโต หรือพบการกระจายของก้อนไปที่อวัยวะอื่นๆ เป็นต้น ก็อาจเพิ่มความสงสัยว่าก้อนที่พบนั้นมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งรังไข่สูง นอกจากนี้ การตรวจเลือดอาจพบระดับของสารมะเร็งรังไข่ในเลือดที่สูงขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม การพบลักษณะดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะต้องเป็นมะเร็งอย่างแน่ นอน สุดท้ายการวินิจฉัยขึ้นอยู่กับสิ่งที่แพทย์ตรวจพบขณะผ่าตัด และผลการตรวจชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อหลังผ่าตัด

การรักษาเนื้องอกรังไข่ทำได้อย่างไร?

การรักษาเนื้องอกรังไข่ ได้แก่

  • ในกรณีที่เป็นถุงน้ำรังไข่ที่มีขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่คือ ประมาณ 5-7 เซนติเมตรหรือน้อยกว่า แพทย์มักจะนัดติดตามดูว่าถุงน้ำนั้น จะสามารถยุบหายไปได้เองหรือไม่ ซึ่งใช้เวลาในการติดตามประมาณ 2 สัปดาห์ - 3 เดือนแล้วแต่กรณี หรืออาจให้ยาเม็ดคุมกำเนิดรับประทานเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน แล้วนัดตรวจติดตามผลว่า เนื้องอกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
  • ในกรณีที่เป็นถุงน้ำรังไข่ที่มีขนาดใหญ่ คือมากกว่า 5-7 เซนติเมตร แพทย์มักแนะนำการผ่าตัดรังไข่
  • ในสตรีวัยหมดประจำเดือน/วัยทอง ที่มีถุงน้ำที่รังไข่ขนาดเล็กกว่า 5 เซนติเมตร ควรได้รับการตรวจเลือดเพื่อดูระดับของ CA 125 หากมีค่าที่ปกติ อาจไม่จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัด อาจใช้การตรวจติดตามด้วยอัลตราซาวด์เป็นระยะๆ
  • การผ่าตัด การผ่าตัดจะพิจารณาทำในกรณีต่อไปนี้
    • ก้อนที่เป็นถุงน้ำไม่ยุบไปภายหลังการตรวจติดตามดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
    • แพทย์วินิจฉัยว่าก้อนที่รังไข่นั้นเป็นเนื้องอก ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ก็ตาม ซึ่งหมายความว่าก้อนนั้นไม่ใช่ก้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่เกิดจากการทำงานของรังไข่
    • เกิดภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงของก้อนเนื้องอก เช่น การบิดหมุนของก้อน, การแตกของก้อน, การมีเลือดออกจากก้อน ซึ่งภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว อาการของผู้ป่วย คือ ปวดท้องรุนแรง เฉียบพลัน

ภาวะแทรกซ้อนของเนื้องอกรังไข่มีอะไรบ้าง?

ภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) ของการมีก้อนที่รังไข่ ได้แก่ การบิดหมุนของก้อน ซึ่งมักพบได้บ่อยในกรณีที่ก้อนมีขนาดประมาณ 6 เซนติเมตรขึ้นไป นอกจากนี้อาจพบว่า มีเลือดออกในก้อน การแตกของก้อน และการติดเชื้อที่ก้อน เป็นต้น

ซึ่งหากเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ จะก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลันและรุน แรง และ/หรือมีไข้ร่วมด้วยได้ และหากท่านมีอาการดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์/ไปโรงพยา บาลทันที

การพยากรณ์โรคของเนื้องอกรังไข่เป็นอย่างไร?

การพยากรณ์โรคของเนื้องอกรังไข่ ขึ้นกับชนิดของเนื้องอก

  • ถ้าเป็นถุงน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอันเนื่องมาจากการทำงานของรังไข่ กรณีเช่นนี้ ก้อนมักจะยุบหายไปได้เองในที่สุด ไม่อันตราย ไม่กลายเป็นมะเร็งรังไข่
  • กรณีเป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง การผ่าตัดรังไข่ มักจะทำให้โรคหายอย่างเด็ดขาด ยก เว้นกรณีที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์ หรือถุงน้ำที่มีของเหลวที่มีลักษณะคล้ายช็อกโกแลตอยู่ข้างใน (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่) ซึ่งกรณีเกิดจากการที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญอยู่ที่รังไข่ อาจมีการกลับเป็นซ้ำได้ ถึงแม้จะไม่ใช่มะเร็งก็ตาม
  • กรณีที่เป็นมะเร็งรังไข่ หากเป็นในระยะเริ่มต้น การผ่าตัดรักษา ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การให้ยาเคมีบำบัด ก็ทำให้การพยากรณ์โรคดีขึ้นมากในปัจจุบัน (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง มะเร็งรังไข่)

จะปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อพบว่าเป็นเนื้องอกที่รังไข่?

การปฏิบัติตัว เมื่อตรวจพบว่ามีก้อน/เนื้องอกที่รังไข่ ที่สำคัญคือ การป้องกันไม่ให้เกิดภา วะแทรกซ้อน (ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ ภาวะแทรกซ้อน) ของก้อนเนื้องอก

ภาวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้ คือภาวะการบิดหมุนของก้อน ซึ่งการป้องกันทำได้โดย การลดกิจกรรมบางประเภท เช่น การวิ่งเร็ว การกระโดด หรือการออกกำลังกายที่ต้องมีการพลิกตัว หรือขยับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีการบิดหมุนของก้อนได้

อาการที่ต้องพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกรังไข่มีอะไรบ้าง?

หากอยู่ในระหว่างการติดตามหรือรอเพื่อที่จะผ่าตัด หากท่านมีอาการดังต่อไปนี้ ให้รีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล ได้แก่ อาการปวดท้องมากอย่างเฉียบพลัน หรือมีอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆจากเดิม และ/หรือมีไข้

บรรณานุกรม

  1. Helm CW, Ovarian Cysts, Medscape, Apr 2011
  2. Management of Suspected Ovarian Masses in Premenopausal Women, Royal College of Obstetricians and Gynaecologists (December 2011)
  3. Levine D, Brown DL, Andreotti RF, et al; Management of asymptomatic ovarian and other adnexal cysts imaged at US: Society Radiology. 2010 Sep;256(3):943-54. Epub 2010 May 26.
  4. Grimes DA, Jones LB, Lopez LM, et al; Oral contraceptives for functional ovarian cysts. Cochrane Database Syst Rev. 2011 Sep 7; 9: CD006134.
  5. Fleischer AC et al, Ovarian Torsion, Medscape, Sep 2011