เท้าเหม็นเป็นเรื่อง (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

เท้าเหม็นเป็นเรื่อง-3

อาการของโรคเท้าเหม็น

  • สิ่งสำคัญ คือ มีกลิ่นเหม็น
  • ส่วนใหญ่จะเป็นที่เท้า ทั้งปลายเท้าและ/หรือส้นเท้า ที่ติดเชื้อ แต่กลางเท้าไม่ค่อยพบ
  • การติดเชื้อทำให้ผิวมีสีขาว เป็นกลุ่มของหลุมเป็นรูๆ (Punched-out pits)
  • หลุมจะอยู่รวมกัน (Coalesce) จนใหญ่ จนเหมือนรอยแผลที่ขรุขระ (Crater-like lesion)
  • ฝ่าเท้าเป็นสีแดงกระจายไปทั่ว
  • บางทีอาจจะเป็นสาเหตุให้เจ็บหรือคันขณะเดิน

การวินิจฉัยโรค มักทำด้วยการขูดผิวหนัง (Skin scrapings) เพื่อแยกให้ชัดเจนว่า ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อราที่ผิวหนัง บางกรณีอาจใช้ไฟส่องบริเวณรอยโรค (Wood light examination) ซึ่งจะให้การเรืองแสงสีแดงเข้ม (Coral red fluorescence) หรือบางทีอาจใช้การตัดชิ้นเนื้อจากผิวหนังไปตรวจ (Skin biopsy) เพื่อตรวจลักษณะทางพยาธิวิทยา (Histopathological features) ของโรคเท้าเหม็น

การรักษาโรคเท้าเหม็นสามารถทำได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทาเฉพาะที่ (Topical antibiotics) และยาฆ่าเชื้อหรือแอนตี้เซ็พติค (Antiseptics) เช่น

  • Erythromycin
  • Clindamycin
  • Mupirocin
  • Fusidic acid
  • Benzoyl peroxide

ทั้งนี้ ควรทายาวันละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ แพทย์อาจจ่ายยา Erythromycin ในรูปของยากิน หรืออาจมีการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน (Injectable botulinum toxin)

โรคเท้าเหม็นเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ โดยการรักษาที่ได้ผลจะสามารถทำให้รอยโรคและกลิ่นหายได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี โรคนี้ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย จึงต้องพยายามดูแลเท้าให้แห้งอยู่เสมอ

สำหรับการป้องกันการเกิดซ้ำ สามารถทำได้ด้วยการ

  • อย่าใส่รองเท้าที่คับอับ
  • สวมรองเท้าบู้ทให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • สวมถุงเท้าที่ซับเหงื่อได้ดี เช่น ถุงเท้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าขนสัตว์ (Wool)
  • สวมรองเท้าแตะที่เปิดด้านหน้า
  • ล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  • ใช้สารระงับเหงื่อ (Antiperspirant) ที่เท้าอย่างต่ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • อย่าสวมรองเท้าซ้ำกัน 2 วัน ให้ผึ่งรองเท้าให้แห้ง
  • อย่าใช้รองเท้าหรือผ้าเช็ดร่วมกับผู้อื่น

แหล่งข้อมูล:

  1. Pitted keratolysis. http://www.dermnetnz.org/topics/pitted-keratolysis/ [2017, July 27].
  2. Pitted Keratolysis. http://emedicine.medscape.com/article/1053078-overview [2017, July 27].