เซลิโพรลอล (Celiprolol)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาเซลิโพรลอล (Celiprolol หรือ Celiprolol hydrochloride)อยู่ในหมวดยาเบต้าบล็อกเกอร์(Beta blocker) ทางคลินิกใช้เป็นยาลดความดันโลหิตสูง และบำบัดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยาเซลิโพรลอลเป็นยารับประทาน และมีการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือดอยู่ในช่วงประมาณ 30–70% ยานี้อยู่ในร่างกายได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ก่อนที่จะถูกกำจัดทิ้งทางอุจจาระและปัสสาวะ

ยาเซลิโพรลอล มีกลไกการออกฤทธิ์ที่บริเวณหลอดเลือดโดยตัวยาจะทำให้หลอดเลือดมีการคลายหรือขยายตัว ส่งผลต่อปริมาณเลือดที่สูบฉีดมาจากหัวใจไหลเวียนได้สะดวกมากขึ้น จนทำให้ความดันโลหิตลดลง รวมถึงลดความเสี่ยงของเส้นเลือด/หลอดเลือดแตก และส่งผลให้หัวใจทำงานเบาลง ยาลดความดันโลหิต กลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ที่รวมยาเซลิโพรลอล ยังทำให้หลอดเลือดบริเวณไตมีการขยายตัว ซึ่งมีผลต่อปริมาณเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงไตเปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการกำจัดของเสียของไตดีขึ้น แต่ยาเซลิโพรลอลมีข้อที่แตกต่างจากยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ตัวอื่นๆคือ ไม่ทำให้อัตราหมุนเวียนของเลือดในบริเวณไตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

การใช้ยาลดความดันโลหิตสูงทั่วๆไปรวมถึงยาเซลิโพรลอล แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยหมั่นตรวจสอบความดันโลหิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอขณะอยู่ในที่พักอาศัย หากพบว่า การใช้ยานี้ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิผลในระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ เช่น ความดันโลหิตไม่ลดลง ผู้ป่วยควรต้องรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์/มาโรงพยาบาลโยไม่ต้องรอถึงวันแพทย์นัด เพื่อแพทย์พิจารณาปรับขนาดรับประทานหรือไม่ก็เปลี่ยนตัวยาในการรักษาตามที่แพทย์จะเห็นสมควร

ยาเซลิโพรลอลมีข้อจำกัดการใช้กับผู้ป่วยอยู่หลายกลุ่ม อาทิเช่น ผู้ป่วยโรค หืด ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะช็อกด้วยโรคของหัวใจ ผู้ป่วยด้วยหัวใจเต้นช้า ผู้ป่วยโรคไตที่มีค่ากำจัดสารครีเอตินินน้อยกว่า 15 มิลลิลิตร/นาที(Creatinine clearance less than 15 mL per minute) ผู้ป่วยโรคฟีโอโครโมไซโตมา(Pheochromocytoma) ผู้ที่มีภาวะเลือดเป็นกรด(Metabolic acidosis) ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ และผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือด ส่วนปลายคือหลอดเลือดบริเวณแขน-ขาตีบตันในขั้นรุนแรง ผู้ป่วยที่กล่าวมาทั้งหมดจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและห้ามใช้ยาเซลิโพรลอล เพราะกลไกการออกฤทธิ์ของยาจะยิ่งทำให้อาการป่วยดังกล่าวทวีความรุนแรงและเป็นผลเสียต่อผู้ป่วยมากขึ้น

สำหรับผู้ที่ได้รับยาเซลิโพรลอลอาจพบเห็นอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)จากยานี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการวิงเวียน รู้สึกร้อนวูบวาบ ง่วงนอนแต่ก็นอนไม่หลับ และอ่อนเพลีย อาการข้างเคียงบางอย่างอาจสร้างความรำคาญในการดำรงชีวิตแต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายเท่าใดนัก

กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ควรหยุดใช้ยาเซลิโพรลอล แล้วรีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน เช่น เกิดอาการหอบหืด มีผื่นคันขึ้นตามตัว ตาพร่ามองภาพไม่ชัดเจน เกิดประสาทหลอน ท้องเสียรุนแรง อาเจียนรุนแรง

ยาเซลิโพรลอล ยังก่อให้เกิดภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)กับยากลุ่มอื่นๆได้หลายประเภท โดยเฉพาะกลุ่มยา Calcium antagonists(Calcium channel blockers), MAOIs, Digitalis, Clonidine, Insulin, และ Mefloquine

ผู้ป่วย/ผู้บริโภคควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาว่าตนเองมียาประเภทใดที่ใช้อยู่ก่อนหน้า เพื่อแพทย์ พยาบาล เภสัชกร ได้ใช้เป็นข้อมูลและปรับแนวทางการบริหารยาเหล่านั้นกับผู้ป่วยได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

เซลิโพรลอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

เซลิโพรลอล

ยาเซลิโพรลอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • รักษาโรคความดันโลหิตสูง
  • บำบัดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina pectoris)

เซลิโพรลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาเซลิโพรลอล มีกลไกการออกฤทธิ์ต่อผนังหลอดเลือดในบริเวณตัวรับ(Receptor)ที่มีชื่อว่า Beta1 และ Beta2 receptors ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบของผนังหลอดเลือดคลายตัวหรือขยายตัวได้กว้าง ปริมาณเลือดจึงไหลเวียนผ่านหลอดเลือดได้สะดวกขึ้น ด้วยกลไกเหล่านี้ จึงทำให้เกิดฤทธิ์การรักษาได้ตามสรรพคุณ

เซลิโพรลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

เซลิโพรลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วยตัวยา Celiprolol HCl(Hydrochloride) ขนาด 200 มิลลิกรัม/เม็ด

เซลิโพรลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาเซลิโพรลอลมีขนาดรับประทาน เช่น

  • ผู้ใหญ่: รับประทานยา 200 มิลลิกรัม ก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2ชั่วโมง วันละ1ครั้ง แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเป็น 400 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง หลังจากเริ่มใช้ยานี้ไปแล้วประมาณ 2–4 สัปดาห์ ควรรับประทานยานี้ช่วงท้องว่าง ก่อนอาหารเช้า ประมาณอย่างน้อย 30 นาที
  • เด็ก: ห้ามใช้ยานี้กับเด็ก

อนึ่ง: กรณีที่ใช้ยานี้แล้วอาการไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยควรต้องรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียง ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาเซลิโพรลอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้ เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคหืด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเซลิโพรลอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาเซลิโพรลอล สามารถรับประทานยาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2เท่าให้รับประทานยาในขนาดปกติ

แต่อย่างไรก็ดี การลืมรับประทานยาเซลิโพรลอล อาจจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นตามมา

เซลิโพรลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาเซลิโพรลอลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น

  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ หัวใจล้มเหลว เกิดภาวะ Raynaud’s syndrome
  • ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น ประสาทหลอน รู้สึกสับสน ฝันร้าย
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น ความรู้สึกสัมผัสเพี้ยน
  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น อาเจียน ท้องเสีย คลื่นไส้
  • ผลต่อระบบสืบพันธุ์: เช่น สมรรถภาพทางเพศถดถอย
  • ผลต่อตา: เช่น ตาพร่า
  • ผลต่อตับ: เช่น เอนไซม์การทำงานของตับในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
  • ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น น้ำตาลในเลือด ต่ำหรือไม่ก็สูง

มีข้อควรระวังการใช้เซลิโพรลอลอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาเซลิโพรลอล เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามรับประทานยานี้ร่วมกับเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ด้วยจะทำให้ผลข้างเคียงจากยานี้รุนแรงขึ้น
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีคำสั่งแพทย์
  • ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง และใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เม็ดยาแตกหัก สีเม็ดยาเปลี่ยนไป
  • หมั่นตรวจสอบความดันโลหิตอยู่เป็นประจำตามแพทย์ พยาบาล เภสัชกร แนะนำ หากพบว่าความดันโลหิตยังสูงโดยที่รับประทานยานี้ตามคำสั่งแพทย์อย่างถูกต้องแล้ว ผู้ป่วยต้องรีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนวันแพทย์นัด เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
  • มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อการตรวจร่างกายและติดตามผลการรักษาจากแพทย์ ตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเซลิโพรลอลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

เซลิโพรลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาเซลิโพรลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • ห้ามใช้ยาเซลิโพรลอลร่วมกับกลุ่มยา Calcium antagonists ด้วยจะทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
  • ห้ามใช้ยาเซลิโพรลอลร่วมกับกลุ่มยา MAOIs เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะ ความดันโลหิตต่ำตามมา
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาเซลิโพรลอลร่วมกับยา Insulin เพราะอาจทำให้เกิดภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำตามมา
  • ห้ามใช้ยาเซลิโพรลอลร่วมกับกลุ่มยา Sympathomimetic อย่างเช่นยา Adrenaline เพราะจะทำให้เกิดฤทธิ์ต่อต้านซึ่งกันและกันจนส่งผลลดประสิทธิผลของยาทั้ง2 ลง

ควรเก็บรักษาเซลิโพรลอลอย่างไร?

ควรเก็บยาเซลิโพรลอลภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้น แสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น

เซลิโพรลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาเซลิโพรลอล มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Selectol (เซเล็กทอล) Sanofi

อนึ่ง ยาชื่อการค้าอื่นของยาเซลิโพรลอล เช่น Cardem, Selectol, Celipres, Celipro, Celol, Cordiax, Dilanorm

บรรณานุกรม

  1. https://www.drugbank.ca/drugs/DB04846[2017,May27]
  2. https://www.drugs.com/uk/pdf/leaflet/870051.pdf[2017,May27]
  3. http://www.medicinenet.com/beta_blockers/article.html[2017,May27]
  4. http://www.mims.com/thailand/drug/info/rizatriptan/?type=brief&mtype=generic[2017,May27]