ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (Histamine receptor antagonists)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 7 ตุลาคม 2559
- Tweet
- บทนำ
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์อย่างไร?
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์อย่างไร?
- ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- H 2 receptor antagonist
- ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine drug)
- ยาหยอดตา (Eye drops)
- ยาหยอดหู (Ear drops)
- รูปแบบยาเตรียม (Pharmaceutical Dosage Forms)
บทนำ
ยาฮิสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์(Histamine receptor antagonists)เป็นกลุ่มยาที่ใช้ต่อต้านสารฮีสตามีน(Histamie) ซึ่งถูกจำแนกออกเป็น 4 ประเภทตามชนิดตัวรับ(Receptor)ของสารฮีสตามีน (Histamine receptor)ดังนี้
1. เฮช1 รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (H1 receptor antagonist) หรือเรียกว่า เฮช1บล็อกเกอร์ (H1 blockers): ทางคลินิกได้นำยากลุ่มนี้มารักษาอาการแพ้ของร่างกายหลายแห่ง เช่น อาการแพ้ของผิวหนัง อาการหดเกร็งของหลอดลม อาการคัดจมูก อาการเยื่อตาอักเสบ อาการบวมที่เรียกว่า Angioedema
ชนิดของผลิตภัณฑ์ยากลุ่มนี้มีทั้งชนิดรับประทานและชนิดยาใช้ภายนอกเฉพาะที่ อย่างเช่น ยาทาผิวหนัง ยาหยอดจมูก ยาหยอดตา ยาของกลุ่มนี้มักจะทำให้ผู้ที่ได้รับมีอาการง่วงนอน ทั้งนี้มีสาเหตุจากตัวยาสามารถแทรกซึมผ่านเข้าในสมองได้นั่นเอง จำนวนยาในหมวด H1 receptor antagonist มีมากมาย และถูกแบ่งออกเป็นยารุ่นที่ 1, 2, 3, ตามลำดับของการสังเคราะห์และการค้นพบ ตัวอย่างยาบางรายการในหมวดนี้ ได้แก่ Diphenhydramine, Loratadine, Cetirizine, Fexofenadine, Clemastine
2. เฮช2 รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (H2 receptor antagonist) หรือเรียกว่า เฮช2 บล็อกเกอร์ (H2 blockers): ทางคลินิกนำมายากลุ่มนี้ใช้รักษา โรคกระเพาะอาหารอักเสบ อาการกรดไหลย้อน อาการอาหารไม่ย่อย รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยากลุ่มนี้ มีทั้งยาชนิดรับประทานและยาฉีด ตัวอย่างกลุ่มยาในหมวดนี้ ได้แก่ Ranitidine, Cimetidine, Famotidine, และ Nizatidine
3. เฮช3 รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (H3 receptor antagonist): ยากลุ่มนี้มีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างจากยาในกลุ่ม H1 และ H2 receptor antagonist กล่าวคือ ตัวยาจะช่วยคงระดับการทำงานและช่วยป้องกันการเสื่อมของสมอง ปัจจุบันยาในกลุ่มนี้ ยังอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนา ตัวอย่างยาของหมวดนี้ ได้แก่ Clobenpropit, Ciproxifan, Conessine, และ Pitolisant
4. เฮช4 รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (H4 receptor antagonist): เป็นกลุ่มยาที่ถูกค้นพบหลังสุด ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้นำมาใช้รักษาทั้งอาการแพ้ และอาการหอบหืด ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ คือ Thioperamide
เราอาจพบเห็นยากลุ่มฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ มีใช้ทั้งในสถานพยาบาล และมีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป อย่างไรก็ตามการใช้ยาในกลุ่มนี้ก็ควรต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- รักษาอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ลมพิษ คัดจมูก ระคายเคืองตา
- รักษาและป้องกันอาการโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ภาวะกรดไหลย้อน บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- ลดอาการเมารถ-เมาเรือ
- ช่วยสงบประสาท/ยาคลายเครียด และมีฤทธิ์ทำให้นอนหลับ
- บรรเทาอาการวิตกกังวล
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์แต่ละชนิด/กลุ่ม จะออกฤทธิ์ตามตำแหน่งของตัวรับที่จำเพาะเจาะจงตามเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย จึงออกฤทธิ์ได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับตัวรับแต่ละตัว อย่างเช่น การออกฤทธิที่ ตัวรับ H1 และ H2 receptor สามารถส่งผลยับยั้งอาการแพ้ต่างๆ ลดการหลั่งกรดที่เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือกรดไหลย้อน จากกลไกดังกล่าว จึงเป็นที่มาของฤทธิ์ในการรักษาตามสรรพคุณ
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาชนิดรับประทาน
- ยาฉีด
- โลชั่นทาผิว
- ยาหยอดจมูก
- ยาหยอดตา
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
การบริหารยา/ใช้ยาในกลุ่มฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ มีความจำเพาะและเหมาะสมต่ออาการที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละอาการ/แต่ละโรค ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาการป่วยของผู้ป่วย อายุ โรคประจำตัว สภาวะการตั้งครรภ์ ประวัติการแพ้ยา ฯลฯ ซึ่งแพทย์จะนำมาประกอบกัน แล้วจึงพิจารณาการเลือกใช้ชนิดและขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นกรณีๆไป การใช้ยากลุ่มนี้อย่างปลอดภัยจึงต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น ดังนั้น บทความนี้ จึงขอไม่กล่าวถึงขนาดการบริหารยากลุ่มนี้ ในบทความนี้
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้ เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยา/ใช้ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ สามารถรับประทาน/ใช้ยาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทาน/ใช้ยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทาน/ใช้ยาเป็น 2 เท่า
แต่อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทาน/ใช้ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ ตรงเวลา
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์อาจก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น มีอาการง่วงนอนหรือไม่ก็นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ประสาทหลอน มีอาการชัก
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น หิวอาหารบ่อย ปากแห้ง ท้องเสียหรือไม่ก็ท้องผูก
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น ปัสสาวะขัด
- ผลต่อตา: เช่น ตาพร่า
มีข้อควรระวังการใช้ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยากลุ่มนี้
- ระวังการใช้กับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคต้อหิน ผู้ป่วยไทรอยด์ฮอร์โมนสูง(ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ) ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยด้วยโรคตับ โรคไต ผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- การใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งจากแพทย์เท่านั้น ด้วยยาในกลุ่มนี้มี หลายรายการยาที่ไม่อนุญาตให้ใช้กับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์
- ยาส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ สามารถผ่านไปกับน้ำนมของมารดาได้ ดังนั้น ระหว่างการใช้ยากลุ่มนี้ จึงควรเว้นการให้นมมารดากับบุตร เพื่อป้องกันมิให้ทารกได้รับผลกระทบ/ผลข้างเคียงจากยาเหล่านั้น
- ระหว่างการใช้ยานี้หากพบอาการ วิงเวียน ง่วงนอน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิในการควบคุม เช่น การขับรถ การทำงานกับเครื่องจักรกล เพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- หากหลังใช้ยานี้แล้ว พบอาการของการแพ้ยา เช่น อึดอัด/แน่นหน้าอก/หายใจลำบาก มีไข้สูง ขึ้นผื่นทั้งตัว ให้หยุดการใช้ยานี้ทันที แล้วรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- การใช้ยานี้ในเด็ก ควรต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์
- ไม่ควรรับประทานยานี้ร่วมกับสุรา เพราะจะยิ่งทำให้มีอาการ วิงเวียน ง่วงนอนเพิ่มมากขึ้น
- ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ส่วนมาก จะถูกตับเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีและขับออกมากับปัสสาวะ ดังนั้นในผู้ป่วยที่มีปัญหาของไต–ตับ ทำงานผิดปกติ แพทย์ อาจต้องปรับขนาดรับประทานให้เหมาะกับผู้ป่วยเป็นกรณีๆไป
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาต้านฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาต้านฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ร่วมกับยาที่ออกฤทธิ์กดการทำงานของสมอง (CNS depressant,เช่นยา Benzodiazepines, Barbiturate) จะส่งเสริมฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน และฤทธิ์สงบประสาทเพิ่มขึ้น หากต้องใช้ยาร่วมกัน แพทยจะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยา Terfenadine ร่วมกับยาต้านเชื้อรา เช่นยา Ketokonazole อาจส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งเคยมีรายงานกับผู้ป่วยบางรายถึงขั้นเสียชีวิต จึงห้ามใช้ยาทั้ง 2 รายการนี้ร่วมกันโดยเด็ดขาด
- การใช้ยา Ranidine ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin จะทำให้ระดับของยา Warfarin อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น เมื่อใช้ยาร่วมกัน แพทยจะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ Famotidine ร่วมกับยาต้านไวรัส เช่นยา Atazanavir หรือยาต้านเชื้อรา เช่นยา Itraconazole และ Ketoconazole จะส่งผลให้ยาต้านไวรัสและยาต้านเชื้อราถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารลดลง จึงทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยาทั้ง 2กลุ่มนั้นด้อยลงไปด้วย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทยจะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมตามสภาพร่างกายของผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
ควรเก็บรักษาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์อย่างไร?
ควรเก็บยาฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ ภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยากลุ่ม ฮีสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Chlorpheniramine ANB (คลอเฟนิรามีน เอเอ็นบี) | ANB |
Chlorpheniramine GPO (คลอเฟนิรามีน จีพีโอ) | GPO |
Chlorpheniramine Medicpharma (คลอเฟนิรามีน เมดิกฟาร์มา) | Medicpharma |
Chlorpheniramine T Man (คลอเฟนิรามีน ทีแมน) | T. Man Pharma |
Chlorpheniramine T.O. (คลอเฟนิรามีน ที.โอ) | T. O. Chemicals |
Chlorpyrimine (คลอไพริมีน) | Atlantic Lab |
Carinose (คาริโนส) | Community Pharm PCL |
Clarid (คลาริด) | Biolab |
Clarityne (คลาริไทน์) | MSD |
Halodin (ฮาโลดิน) | T. O. Chemicals |
Logadine (โลกาดีน) | General Drugs House |
Lolergy (โลเลอร์จี) | GPO |
Loradine (ลอราดีน) | Greater Pharma |
Loranox (ลอราน็อกซ์) | Charoen Bhaesaj Lab |
Alerest (อาเลเรสท์) | Community Pharm PCL |
Cetrimed (ซิไทรเมด) | Medifive |
Zyrtec (เซอร์เท็ค) | GlaxoSmithKline |
Procodyl (พร็อกโคดิล) | Bangkok Lab & Cosmetic |
Phensedyl (เฟนเซดิล) | Aventis |
Atarax (อาทาแร็กซ์) | GlaxoSmithKline |
Hadarax (ฮาดาแร็กซ์) | Greater Pharma |
Allerdryl (อัลเลอร์ดริล) | Greater Pharma |
Antipru Lotion (แอนติพรู โลชั่น) | BJ Benjaosoth |
Cidine (ซิดีน) | Medifive |
Citidine (ซิทิดีน) | Atlantic Lab |
Siamidine (ไซมิดีน) | Siam Bheasach |
Ulcemet (อัลซิเมท) | T. O. Chemicals |
Cigamet (ซิกาเมท) | General Drugs House |
Manomet (มาโนเมท) | March Pharma |
Stomedine (สโตเมดีน) | Osoth Interlab |
Alserine (แอลเซอรีน) | Union Drug |
Chintamet (จินตาเมท) | Chinta |
Cimet (ไซเมท) | Chinta |
Cimetidine Utopian (ไซเมทิดีน ยูโทเปียน) | Utopian |
Cimet-P (ไซเมท-พี) | P P Lab |
Clinimet (คลินิเมท) | Bangkok Lab & Cosmetic |
G.I. (จี.ไอ.) | T. Man Pharma |
Iwamet (อิวาเมท) | Masa Lab |
Lakamed (ลาคาเมด) | T. Man Pharma |
Peptidine (เปปทิดีน) | A N H Products |
Sertidine (เซอร์ทิดีน) | Chew Brothers |
Shintamet (ชินตาเมท) | YSP Industries |
Sincimet (ซินซิเมท) | SSP Laboratories |
Tacamac (ทาคาแม็ก) | Medicine Products |
Ulcacin (อัลเคซิน) | Utopian |
Ulcine (อัลซีน) | Pharmahof |
Vescidine (เวสซิดีน) | Vesco Pharma |
Cencamat (เซนเคแมท) | Pharmasant Lab |
Cimag (ซิแม็ก) | T P Drug |
Cimetidine GPO (ไซเมทิดีน จีพีโอ) | GPO |
Cimetin (ไซเมทิน) | T. Man Pharma |
Ciminpac (ไซมินแพค) | Inpac Pharma |
Duotric (ดูโอทริค) | Asian Pharm |
Gastasil (แก๊สตาซิล) | Heromycin Pharma |
K.B. Cymedin (เค.บี. ไซมิดิน) | K.B. Pharma |
Milamet (มิลาเมท) | Milano |
Promet (โปรเมท) | Millimed |
Setard (ซิทาร์ด) | Charoon Bhesaj |
Simaglen (ซิมาเกลน) | Unison |
Startidine (สตาร์ทิดีน) | Inpac Pharma |
Tagapro (ทากาโปร) | Medicine Products |
Ulcimet (อัลซิเมท) | Polipharm |
Ulsamet (อัลซาเมท) | Burapha |
Acicare (อะซิแคร์) | Unique |
Ranit-VC Injection (รานิท-วีซี อินเจ็คชั่น) | Vesco Pharma |
Xanidine (ซานิดีน) | Berlin Pharm |
Ranidine (รานิดีน) | Biolab |
Ratic (ราติค) | Atlantic Lab |
Zantac (แซนแท็ค) | GlaxoSmithKline |
Histac (ฮีสแท็ค) | Ranbaxy |
Ranicid (รานิซิด) | M & H Manufacturing |
Ranin-25 (รานิน-25) | Umeda |
Rantodine (แรนโทดีน) | Utopian |
R-Loc (อาร์-ล็อค) | Zydus Cadila |
Zanamet (ซานาเมท) | T. O. Chemicals |
Aciloc | Cadila |
Ramag (ราแม็ก) | T P Drug |
Ranid (รานิด) | T. Man Pharma |
Rantac 150 (แรนแท็ก 150) | Medicine Products |
Ratica (ราติกา) | L. B. S. |
Utac (ยูแท็ก) | Millimed |
Axid (เอซิด) | Eli Lilly |
Famosia (ฟาโมเซีย) | Asian Pharm |
Famotidine March Pharma (ฟาโมทิดีน มาร์ช ฟาร์มา) | March Pharma |
Pharmotidine (ฟาร์โมทิดีน) | Community Pharm PCL |
Vesmotidine (เวสโมทิดีน) | Vesco Pharma |
Famotab (ฟาโมแท็บ) | Bangkok Lab & Cosmetic |
Pepfamin (เปปฟามิน) | Siam Bheasach |
Ulfamet (อัลฟาเมท) | T. O. Chemicals |
Agufam (อะกูฟาม) | ST Pharma |
Famoc (ฟาม็อก) | Berlin Pharm |
Famonox (ฟาโมน็อก) | Charoen Bhaesaj Lab |
Famopsin (ฟาม็อพซิน) | Remedica |
Pepcine (เปปซีน) | Masa Lab |
Peptoci (เปปโทซี) | Pharmasant Lab |
Fad (ฟาด) | T. Man Pharma |
Famocid (ฟาโมซิด) | Sun Pharma |
Famopac (ฟาโมแพ็ค) | Inpac Pharma |
Fasidine (ฟาซิดีน) | Siam Medicare |
Pepdenal (เปปดีนอล) | MacroPhar |
Ulceran (อัลซีแรน) | Medochemie |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Histamine_receptor [2016,Sept17]
- https://en.wikipedia.org/wiki/H1_antagonist#Indications [2016,Sept17]
- https://en.wikipedia.org/wiki/H2_antagonist#Class_members [2016,Sept17]
- http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15573868 [2016,Sept17]