อะโทม็อกซีทีน (Atomoxetine)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ : คือยาอะไร?

ยาอะโทม็อกซีทีน (Atomoxetine) คือ ยาในกลุ่ม Norepinephrine reuptake inhibitor (ยากระตุ้นการทำงานของสมองที่ใช้รักษาโรคทางจิตเวช) ทางการแพทย์นำมาใช้รักษาอาการโรคสมาธิสั้นทั้ง เด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ โดยวางจำหน่ายภายใต้ชื่อการค้า Strattera และได้จดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 - 2017 (พ.ศ. 2549 - 2560) ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นเมื่อได้รับยานี้จะทำให้มีสมาธิมากขึ้น ลดอาการกระวนกระวาย ลุกลี้ลุกลน อยู่ไม่เป็นสุข เป็นต้น สำหรับขนาดและระยะเวลาของการใช้ยานั้นแพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้กำหนดได้เหมาะสมที่สุด รูปแบบของยานี้ที่เป็นยาแผนปัจจุบันจะเป็นยารับประทาน

การดูดซึมของยานี้จากระบบทางเดินอาหารอยู่ที่ประมาณ 63 - 94% ซึ่งเมื่อยาเข้าสู่กระ แสเลือด จะจับกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 98% ตับจะคอยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยาอะโทม็อกซีทีนอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 5.2 ชั่วโมงในการกำจัดยาประ มาณ 50% ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ

อะโทม็อกซีทีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

อะโทม็อกซีทีน

ยาอะโทม็อกซีทีนมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้:

  • รักษาโรค/อาการโรคสมาธิสั้น ทั้งในเด็กที่อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปรวมถึงวัยรุ่นและในผู้ใหญ่

อะโทม็อกซีทีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาอะโทม็อกซีทีนคือ ยาจะเข้าจับกับตัวรับในสมองที่มีชื่อว่า Dopa mine receptors ทำให้ระดับ Dopamine (สารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง) เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังยับยั้งการดูดกลับเข้าเซลล์สมองของสารสื่อประสาทอีกชนิดที่เรียกว่า Norepinephrine จากกลไกเหล่า นี้ที่ทำให้สารสื่อประสาททั้ง 2 ตัวในสมองสูงขึ้น ส่งผลต่อสมดุลของสารเคมีในสมองและทำให้อา การของผู้ป่วยด้วยโรคสมาธิสั้นทุเลาและดีขึ้น

อะโทม็อกซีทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาอะโทม็อกซีทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:

  • ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ขนาด 10, 18, 25, 40 และ 60 มิลลิกรัม/แคปซูล

อะโทม็อกซีทีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาอะโทม็อกซีทีนมีขนาดรับประทาน ดังนี้เช่น

  • ผู้ใหญ่และเด็ก (นิยามคำว่าเด็ก) อายุ 6 ปีขึ้นไปที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 70 กิโลกรัม: เช่นรับประทาน 40 มิลลิกรัม วันละครั้ง หรือแบ่งรับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเช้า – เย็น หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเป็น 80 มิลลิกรัม/วัน เมื่อเวลาผ่านไป 2 - 4 สัปดาห์ แล้วการตอบ สนองของการรักษายังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานสูงสุดอีกแต่ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/วัน
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 70 กิโลกรัม:เช่น รับประทาน 0.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละครั้ง หรือแบ่งรับประทาน 0.25 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละ 2 ครั้งเช้า - เย็น หลังจากนั้น 3 วันแพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเป็น 1.2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละครั้ง หรือแบ่งรับประทาน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี: ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดในการใช้ยานี้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็กกลุ่มนี้จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาอะโทม็อกซีทีน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/ หอบเหนื่อย
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาอะโทม็อกซีทีนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาอะโทม็อกซีทีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

อะโทม็อกซีทีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาอะโทม็อกซีทีนสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้ เช่น

  • คลื่นไส้
  • ปากคอแห้ง
  • เบื่ออาหาร
  • นอนไม่หลับ
  • อ่อนแรง
  • ปวดหัว
  • ไอ
  • ท้องผูก
  • วิงเวียน
  • สมรรถภาพทางเพศถดถอย
  • ปวดท้อง
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ความดันโลหิตสูง
  • ฝันร้าย
  • อาเจียน
  • ร้อนวูบวาบ
  • ความรู้สึกสัมผัสเพี้ยน
  • ประจำเดือนผิดปกติ (ในสตรี)
  • น้ำหนักตัวลด
  • ซึมเศร้า
  • อารมณ์แปรปรวน
  • บางคนอาจเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตาย
  • ก้าวร้าวขึ้น
  • ตัวสั่น
  • ไมเกรน
  • ชัก
  • ชีพจรเต้นผิดปกติ
  • อาจเกิดภาวะแพ้ยาได้
  • การทำงานของตับผิดปกติ
  • ดีซ่าน
  • ตับอักเสบ
  • ปัสสาวะขัด

*อนึ่ง: สำหรับผู้ที่รับประทานยานี้เกินขนาดจะพบอาการปั่นป่วนในระบบทางเดินอาหาร วิงเวียน ตัวสั่น มีพฤติกรรมผิดปกติ ปากคอแห้ง หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง รูม่านตาขยาย และอาจมีอาการชักเกิดขึ้น ซึ่งหากพบอาการดังกล่าวต้องรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉินเพื่อทำการรักษา แพทย์อาจใช้ยาถ่านกัมมันต์เพื่อช่วยลดการดูดซึมของยาอะโทม็อกซีทีนได้ระดับหนึ่ง

มีข้อควรระวังการใช้อะโทม็อกซีทีนอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาอะโทม็อกซีทีน ดังนี้เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงตั้งแต่ความรุนแรงระดับกลางจนถึงระดับรุนแรงสูง
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่ม MAOIs
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคต้อหิน (Narrow angle glaucoma)
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะตับทำงานผิดปกติ
  • ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ และ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  • หลีกเลี่ยง/ห้ามใช้ยากับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปีด้วยยังขาดข้อมูลทางคลินิกสนับสนุน
  • หยุดการใช้ยานี้ทันทีหากพบอาการดีซ่าน (ตัว/ตาเหลือง) ปัสสาวะมีสีเข้ม หรือเกิดภาวะแพ้ยา
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาอะโทม็อกซีทีนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

อะโทม็อกซีทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาอะโทม็อกซีทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น ดังนี้เช่น

  • ห้ามใช้ยาอะโทม็อกซีทีน ร่วมกับยา Methylene blue ด้วยเสี่ยงกับการเกิดความดันโลหิตสูงจนอาจถึงขั้นตายได้ ต้องเว้นระยะเวลาหลังจากการใช้ Methylene blue ไปแล้วประมาณ 14 วันจึงจะปลอดภัยกับการใช้อะโทม็อกซีทีน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาอะโทม็อกซีทีน ร่วมกับ ยา Cisapride ด้วยอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจนถึงขั้นตายได้
  • การใช้ยาอะโทม็อกซีทีน ร่วมกับยา Diphenhydramine อาจทำให้ปริมาณของยาอะโทม็อกซีทีนในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้นและก่อให้เกิดอาการข้างเคียง/ผลข้างเคียงของยาอะโทม็อกซีทีนติดตามมาเช่น วิงเวียน ปากแห้ง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ เป็นต้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นกรณีๆไป
  • การใช้ยาอะโทม็อกซีทีน ร่วมกับยา Phenylpropanolamine สามารถทำให้ความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป

ควรเก็บรักษาอะโทม็อกซีทีนอย่างไร?

ควรเก็บยาอะโทม็อกซีทีน:

  • เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/ แสงแดด ความร้อน และความชื้น
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

อะโทม็อกซีทีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาอะโทม็อกซีทีน มียาชื่อการค้าอื่นๆ และ บริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
ATTENTROL (แอทเทนทรอล)Sun
ATTERA (แอทเทอรา)Mesmer
AXEPTA (เอ็กเซฟตา)Intas
Strattera (สแตรทเทรา)Eli Lilly

บรรณานุกรม

  1. https://www.mims.com/Thailand/Drug/info/Strattera/?type=brief [2021,June19]
  2. https://www.mims.com/Thailand/Drug/info/Strattera/?type=full#Dosage [2021,June19]
  3. https://www.mims.com/India/Drug/search/?q=atomoxetine [2021,June19]
  4. https://www.drugs.com/cdi/atomoxetine.html [2021,June19]
  5. https://en.wikipedia.org/wiki/Atomoxetine#Pharmacology [2021,June19]
  6. https://www.medscape.com/viewarticle/489321_2 [2021,June19]