หมอสมศักดิ์ชวนคุย ตอน 10 ข้อสงสัยด้านสุขภาพ ที่ไม่จริง
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 8 ตุลาคม 2564
- Tweet
ปัจจุบันเป็นยุค 5G ไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างรวดเร็ว ฉับไหว เปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง การสื่อสารทำได้อย่างรวดเร็ว จึงอาจส่งผลให้เกิดการส่งต่อข้อมูลทางสุขภาพที่รวดเร็ว โดยไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้รับและส่งต่อไปนั้นจริงหรือไม่จริง ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องตามมา วันนี้ผมสรุป 10 ข้อสงสัยด้านสุขภาพ ที่มีการส่งต่อกันมากมาย แต่อาจไม่จริงครับ ต้องติดตาม
1. การดื่มปัสสาวะเพื่อใช้รักษาโรค และบำรุงสุขภาพ ความจริงแล้วปัสสาวะของคนเรานั้นไม่ควรนำมาดื่ม มาล้างตา หยอดตา หรือใส่ผสมอาหารครับ เพราะไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ เลยต่อร่างกายเรา และอาจนำเชื้อโรคมาสู่ผู้ดื่ม หรือใช้ใส่ตาตัวเองได้ การดื่มปัสสาวะนั้นควรเป็นสิ่งที่คนเราควรทำเป็นสิ่งสุดท้าย ถ้าไม่มีน้ำให้ดื่มเลย
2. การยืนกระต่ายขาเดียวได้ไม่นาน แล้วจะบอกว่าเป็นสัญญาณเตือนโรคอัมพาตหลอดเลือดสมอง เรื่องนี้พอมีข้อมูลทางการแพทย์ คือว่า มีการศึกษาในคนญี่ปุ่นจำนวน 1400 คน อายุเฉลี่ย 67 ปี นำมาทดสอบโดยการให้ยืนกระต่ายขาเดียว พบว่าผู้ที่ยืนได้เป็นระยะเวลาสั้นกว่า 20 วินาทีนั้น สัมพันธ์กับการตรวจพบความผิดปกติ มีรอยโรคในสมองที่บอกว่าอาจเกิดจากการขาดเลือดมาเลี้ยงจุดเล็ก หรือเกิดจากการแข็งตัวของหลอดเลือดฝอยในสมอง ซึ่งพอมีการเผยแพร่ข้อมูลนี้ตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมาก็มีการส่งต่อข้อมูลว่า ผู้ที่ยืนกระต่ายขาเดียวได้ไม่นาน บ่งชี้ว่าเป็นโรคอัมพาตหลอดเลือดสมอง ซึ่งความจริงแล้วคงไม่สามารถรีบสรุปแบบนั้นได้ เพราะสาเหตุของการยืนกระต่ายขาเดียวไม่ได้ ก็มีจากหลากหลายสาเหตุ เช่น โรคข้อ ผลข้างเคียงของยากันชัก ภาวะตามัว การได้ยินที่ไม่ปกติ เป็นต้น และการฝึกยืนกระต่ายขาเดียวก็ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคอัมพาตหลอดเลือดสมองครับ
3. การใช้กัญชารักษาหายได้สารพัดโรค ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กระแสการใช้กัญชามารักษาโรค หรืออาการผิดปกติต่างๆ นั้นเป็นกระแสที่แรงมาก เกิดเป็นนโยบายของพรรคการเมือง และเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขในขณะนี้ มีการเปิดให้บริการการรักษาด้วยกัญชาในหลายสิบโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย สร้างความหวังให้กับผู้ป่วยโรคต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งการใช้กัญชาทางการแพทย์นั้น สร้างความตื่นตัวให้กับแพทย์เช่นเดียวกัน มีการออกมาให้ความรู้จากสมาคม วิทยาลัย ราชวิทยาลัยทางการแพทย์ต่างๆ จำนวนมากว่า ผลของการศึกษาเกี่ยวกับการนำกัญชามาใช้รักษาโรคต่างๆ นั้น ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนมากนัก ไม่เหมือนตามที่เป็นข่าวออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อโรงพยาบาลต่างๆ มีการเปิดให้บริการคลินิกการใช้กัญชาทางการแพทย์ ประชาชนทั่วทั้งประเทศก็มีความหวังอย่างมาก ว่าหลายๆ โรคที่เป็นอยู่นั้นจะหาย หรือดีขึ้นจากการใช้กัญชา แต่พอไปพบแพทย์ให้ประเมินจริงๆ แล้ว ก็พบว่าอาจไม่ได้ประโยชน์ ก็ไม่ได้รับกัญชามาใช้ ก่อให้เกิดความผิดหวังที่ต่างไปจากความคาดหวัง หรือบางส่วนก็เกิดเรื่องร้องเรียนว่าแพทย์ไม่ยอมให้กัญชามารักษา เป็นต้น
เรื่องผลดีของกัญชาในการนำมารักษาโรคนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากว่าจะดีจริงหรือไม่ แต่ถ้าพูดตามหลักการทำการศึกษาวิจัยที่แพทย์เราใช้กันมานั้น ก็ต้องบอกว่าหลักฐานทางการศึกษานั้นยังมีไม่มากเพียงพอ คงต้องรอกันไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการเกิดกระแสแบบนี้ และเป็นนโยบายของกระทรวงด้วย ผมดูแล้วก็มีประโยชน์ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวของแพทย์ เกิดการศึกษาอย่างเป็นระบบ แล้วหวังว่าผลของการศึกษาที่มีผู้ป่วยจำนวนมากเข้าร่วมศึกษานั้น จะนำมาซึ่งข้อสรุปว่ากัญชาทางการแพทย์นั้นได้ประโยชน์จริงหรือไม่ ดีในโรคหรือภาวะอะไรบ้าง ดังนั้นในช่วงนี้ผมอยากบอกว่า ใจเย็นๆ ครับ ถ้าท่านใดต้องการใช้ ก็ต้องพบแพทย์ ไม่อยากให้หาซื้อมาใช้เองนะครับ และเมื่อพบแพทย์แล้ว แพทย์บอกว่าไม่ได้ประโยชน์ ไม่ควรใช้ ก็ควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์นะครับ
4. การใช้สมุนไพรรักษาโรคอัมพาตหลอดเลือดแล้วหายเป็นปกติ ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย การที่ผู้ป่วยเป็นอาการอ่อนแรงจากอัมพาตมาหลายปี จนมีกล้ามเนื้อลีบ แล้วมาทานสมุนไพร ทำให้อาการหายดีเป็นปกติ ไม่มีมูลความจริงแน่นอน การเป็นอัมพาตจนกล้ามเนื้อฝ่อลีบไปแล้ว ต่อให้มียาวิเศษใดๆ การรักษาที่ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถทำให้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อฝ่อลีบหายดีเป็นปกติได้เลย
5. การเจาะเลือดปลายนิ้วในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีอาการของโรคอัมพาตหลอดเลือดสมองแตก โดยไม่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล เรื่องนี้ก็ไม่จริงแน่นอนครับ การเจาะเลือดปลายนิ้วไม่ได้ช่วยทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นแน่นอน การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติสงสัยโรคอัมพาตหลอดเลือดสมอง ต้องรีบพานำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลให้รวดเร็วที่สุด ไม่ให้รอสังเกตอาการหรือเจาะเลือดปลายนิ้วออก เพราะทุกๆ 1 นาทีที่ผ่านไป สมองจะสูญเสียหน้าที่ไป 2 ล้านเซลล์ หรือเทียบเท่ากับชีวิตคนคนนั้นสั้นลงไป 2 วัน
6. การนวดกดจุดสามารถรักษาโรคอัมพาตหลอดเลือดสมองได้ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง การนวดกดจุดไม่สามารถรักษาโรคอัมพาตหลอดเลือดสมองให้หายได้แน่นอน แต่การนวดกุดจุดนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาด้วยวิธีแพทย์ทางเลือกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น เป็นการลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีความสามารถในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
7. การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการชักต้องงัดปากคนชัก กดแขน กดขาไม่ให้ชักเกร็ง เพื่อป้องกันการกัดลิ้น การชักเกร็งของแขนขา ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ผิดอย่างยิ่ง การปฐมพยาบาลหรือการช่วยเหลือผู้มีอาการชักแบบลมบ้าหมูที่ถูกต้อง คือ การจัดท่าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น เช่น การกระทบกระเทือนต่อศีรษะ แขนขา การสำลักอาหาร และถ้าผู้ป่วยปลอดภัยดีแล้ว ก็ควรบันทึกภาพผู้ป่วยขณะมีอาการชัก เพื่อนำมาให้แพทย์ดูว่าเป็นอาการชักจริงหรือไม่ ชักเป็นแบบไหน
8. คนที่มีอาการชัก ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ หรือแต่งงานได้ เรื่องนี้ไม่ถูกต้องเลย คนไข้ชักสามารถแต่งงาน มีเพศสัมพันธ์ได้เหมือนคนทั่วไป แต่กรณีคนไข้ชักเป็นผู้หญิงทานยากันชัก ต้องระวังปัญหายากันชักที่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ จึงต้องมีการวางแผนครอบครัวให้ดี ในกรณีผู้หญิงทานยากันชัก
9. การช่วยเหลือคนชักด้วยการนำพริก มะนาวใส่เข้าปาก เพื่อให้หยุดชัก ขอบอกว่าการช่วยเหลือด้วยวิธีนี้ผิดอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการสำลักอาหาร และอาจก่อให้เกิดทางเดินหายใจอุดตันได้ อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ห้ามทำการช่วยเหลือแบบนี้เด็ดขาด
10. ถ้ามีอาการวิงเวียนศีรษะให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ เหล้า จะทำให้อาการวิงเวียนศีรษะดีขึ้น เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น สังเกตได้จากหน้าแดงขึ้นหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอบอกว่าความเชื่อนี้ ไม่ถูกต้อง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ช่วยทำให้อาการวิงเวียนศีรษะดีขึ้น แล้วก็อาการวิงเวียนศีรษะนั้นไม่ได้เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุทั้งโรคในช่องหู โรคทางสมอง โรคของตา ฤทธิ์ของยา เป็นต้น ดังนั้นการดื่มแอลกอฮอล์ไม่ช่วยแน่นอน
การได้รับข้อมูลต่างๆ มาแล้ว ต้องพิจารณาให้ดีก่อนที่เชื่อ นำไปทำตามคำแนะนำเหล่านั้น หรือการส่งต่อ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าคำแนะนำนั้นเป็นการแนะนำที่ผิด ต้องให้ชัวร์ก่อนจึงแชร์ครับ