สาระน่ารู้จากหมอตา ตอน วันสุขภาพตาโลก (World Sight Day)

สาระน่ารู้จากหมอตา

“ วันสุขภาพตาโลก (World sight day)“ เป็นวันพฤหัสที่ 2 ของเดือนตุลาคมทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 8 ตุลาคม ด้วยเหตุที่ทุกคนคงตระหนักถึงความสำคัญของการมีสายตาที่ดีของประชากรโลกในการดำรงชีวิตไปพร้อมๆ กับการมีสุขภาพที่ดี วันนี้จึงเป็นวันที่อยากให้ทุกคนหันมาสนใจสุขภาพตากันบ้าง การใช้งบประมาณเพื่อให้ประชากรมีสายตาที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศถือว่าคุ้มค่าของการลงทุน (most cost effective)

จุดประสงค์หลักของ World sight day ก็เพื่อลดตาบอดในประชากรโลกลงอย่างน้อยร้อยละ 25 โดยมุ่งเน้นไปที่โรคตาที่ป้องกันหรือรักษาได้ องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรโลกขณะนี้ถึง 285 ล้านคน ที่มีความพิการทางสายตา โดยพบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่า ตาบอด (สายตาข้างดีน้อยกว่า 3/60 ลงมา) ถึง 39 ล้านคน และสายตาเลือนราง (low vision) ถึง 246 ล้านคน ในจำนวนผู้ที่มีสายตาพิการนี้ร้อยละ 90 เป็นคนฐานะยากจน และร้อยละ 80 ตาพิการจากโรคที่ป้องกันและรักษาได้ และร้อยละ 65 ผู้มีสายตาพิการอายุ 50 ปีขึ้นไป ในปัจจุบันคนเราอายุยืนขึ้นย่อมจะมีคนตาบอดมากขึ้น มีผู้กล่าวเทียบไว้ว่าทุกวันนี้ทุก 5 วินาที จะมีคนตาบอดเพิ่ม 1 คนและทุกนาทีมีเด็กตาบอดเพิ่ม 1 คน

World sight day เริ่มมาจาก Sight first campaign ของ lion club international พยายามประสานงานป้องกันตาบอดร่วมกับ slogan ของ International Agency for the prevention of blindness (IAPB) ซึ่งตั้งไว้ตั้งแต่ปี 1999 ที่ว่า The right to sight vision 2020 ที่หมายความว่าทุกคนมีสิทธิ์มีสายตาปกติ โดยทั่วกันในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งทำโดยกระตุ้นให้ประชากรตระหนักถึงสุขภาพตา ทุกประเทศพยายามกระจายบุคลากรที่ทำงานทางตาให้ทั่วถึง รวมทั้งจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ที่เหมาะสมในแต่ละชุมชนป้องกันและรักษาโรคที่รักษาได้อันจะทำให้ลดจำนวนคนตาบอดได้โดยประสานไปกับสาธารณสุขมูลฐานและทุกระดับของสาธารณสุข

จาก Sight first Campaign จึงได้เริ่มกิจกรรมของ “ World Sight day “ ครั้งแรกในวันที่ 10 ตุลาคม 2002 (บางรายงานว่าตั้งแต่ 8 ตุลาคม 1998 แต่ยังไม่ทั่วถึง) และถือเอาวันพฤหัสที่ 2 ของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวัน World sight day ราชวิทยาลัยจักษุ ซึ่งประกอบด้วยจักษุแพทย์ทั่วประเทศไทยนำโดยท่าน อาจารย์ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข มีหน้าที่ดูแลสุขภาพตาของคนไทยทุกคน ขอเน้นคือภาระกิจในวันสุขภาพตาโลกโดย

  1. ให้ความรู้ประชาชนถึงสุขอนามัยทางตา สาเหตุตาบอด การดูแลรักษาตา ผ่านทางสื่อต่างๆ อาทิ
  2. สุขภาพตา web ของราชวิทยาลัย ตอบปัญหาโรคตาในโอกาสและสื่อต่างๆ

  3. เนื่องจากต้อกระจกเป็นสาเหตุตาบอดที่สำคัญในบ้านเราร่วมกับกระทรวสาธารณสุข และจักษุแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารสุข รณรงค์การผ่าตัดรักษาต้อกระจกโดยแบ่งทีมจักษุแพทย์เป็น 12 เขต เพื่อเข้าถึงผู้ป่วยเป้าหมาย (สูงอายุที่ตามัวจาแต้อกระจก) รวมทั้งควบคุมคุณภาพการบริการโดยทำงานเชิงรุก ออกหน่วยค้นหาผู้ป่วยตรวจและรักษาผู้ป่วยที่อายุ 60 ปี ขึ้นไป ให้ได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งรณรงค์ลดการรอคอยคิวการผ่าตัดต้อกระจกลง (ปัจจุบันต้องรอคิว 59 วัน)
  4. สื่อถึงรัฐและกระทรวงสาธารณสุขทราบถึงวิธีการและให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ