สมองล้า (Brain fog)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: สมองล้าคือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

สมองล้า(Brain fog) คือ อาการเกิดจากสมองทำงานผิดปกติชั่วคราวจากสมองพักผ่อนไม่พอ, ที่มักมีสาเหตุ เช่น ความเครียด, วิตกกังวล, อ่อนเพลีย/อาการล้า, นอนหลับไม่พอ, การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายโดยเฉพาะเอสโตรเจน, ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ฯลฯ, จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง เกิดปัญหาใน กระบวนการรับรู้และความเข้าใจ, ขี้ลืมโดยเฉพาะความจำระยะสั้น, คิดไม่ออก, นึกคำไม่ได้, สับสน, ไม่มีสมาธิ, การคำนวณผิดพลาด, แต่ไม่มีอาการง่วงกลางวัน หรือ ง่วงซึม, ซึ่งสมองล้าจะหายได้เองเมื่อสาเหตุหมดไป

สมองล้า เป็นอาการพบบ่อยทั่วโลก ไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ แต่ยังไม่มีรายงานสถิติเกิดที่ชัดเจน เพราะผู้ป่วยมักไม่ค่อยมาโรงพยาบาล อาการนี้พบได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว แต่จะพบบ่อยขึ้นในผู้สูงอายุ, พบทุกเพศ พบบ่อยในเพศหญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน และวัยหมดประจำเดือนเพราะเป็นวัยมีการต่ำลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิง

อนึ่ง: ชื่ออื่นของสมองล้า คือ Clouding of conscious, Mental fog

อะไรเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดสมองล้า?

สมองล้า

สมองล้า เกิดจากสมองอ่อนเพลีย/อ่อนล้าจนกระบวนการทำงานด้อยประสิทธิภาพลงในด้าน การรับรู้ ความเข้าใจ และ ความจำ ซึ่งอาการจากสมองล้าจะเกิดชั่วคราวจนกว่าสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจะได้รับการดูแลแก้ไข

ทั้งนี้ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของสมองล้ามีหลากหลาย ได้แก่

ก. ความเครียด โดยเฉพาะความเครียดสะสมเรื้อรัง

ข. นอนหลับกลางคืนไม่เพียงพอ หลับไม่ลึก หลับๆตื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดซ้ำๆ เช่นจาก

  • เมาค้าง
  • โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ
  • นอนกรน

ค. การขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศ โดยเฉพาะเอสโตรเจน เช่น สตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน, วัยหมดประจำเดือน, ช่วงการตั้งครรภ์, หรือในช่วงการปรับการคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมนเพศที่รวมถึง ชนิดและ/หรือปริมาณฮอร์โมนที่ใช้

ง. ขาดสารอาหารต่างๆ ที่พบบ่อย เช่น ภาวะขาดวิตามินบี12

จ. ผลข้างเคียงจากยารักษาโรคบางชนิด: เช่น

  • ยาแก้แพ้
  • ยาเคมีบำบัด
  • ยากลุ่ม แอนตี้มัสคารินิก

ฉ. โรคบางโรคที่มี กระบวนการอักเสบเกิดในร่างกาย, ความผิดปกติของระดับฮอร์โมนที่ไม่ใช่ฮอร์โมนเพศ, ภาวะอ่อนเพลีย/อ่อนล้า, การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด, สมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย, ฯลฯ เช่น

  • ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
  • โรคซึมเศร้า
  • โรคไฟโบรมัยอัลเจีย
  • กลุ่มอาการความล้าเรื้อรัง
  • โรคภูมิต้านตนเอง/ โรคออโตอิมมูน เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง(โรคเอมเอส), โรคลูปัส-โรคเอสแอลอี
  • ไมเกรน
  • โรคซีด
  • โรคเบาหวาน
  • ภาวะขาดน้ำ
  • มีประวัติเคยเป็นโรคโควิด-19

สมองล้ามีอาการอย่างไร?

อาการสมองล้าที่พบบ่อย คือ

  • รู้สึกอ่อนเพลีย/ล้าเกินเหตุ
  • ขาดสมาธิ ถึงแม้จะรู้ตัวและพยายามตั้งใจให้มีสมาธิก็ตาม
  • ขี้ลืมผิดปกติ ขี้ลืมโดยไม่สัมพันธ์กับอายุ
  • ลืมสิ่งที่จะพูด, นึกคำไม่ออก ทั้งๆที่ใช้ประจำ
  • ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับงานที่ทำได้ถึงแม้จะรู้ตัวและพยายามแล้วก็ตาม
  • สับสน ตัดสินใจทั้งทำ หรือ ไม่ทำ ไม่ได้, แก้ปัญหาไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องเฉพาะหน้าทั้งๆที่เคยทำได้ดี
  • รู้สึกสมองไม่แจ่มใส, มึนงงตลอดเวลา, คิดริเริ่มไม่ได้, ขุ่นมัว
  • หงุดหงิดง่าย, อารมณ์แปรปรวน

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเมื่อ

  • อาการต่างๆเกิดต่อเนื่อง
  • อาการต่างๆเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
  • อาการต่างๆมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สังคม การงาน การเรียน
  • มีปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังกล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ และ/หรือ ควบคุม ดูแล แก้ไข สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงนั้นๆให้ดีขึ้นหรือกลับมาเป็นปกติไม่ได้
  • มีพฤติกรรมผิดปกติต่อเนื่อง ไม่ทำ หรือ จำไม่ได้ในสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ เช่น แปรงฟัน, จำทางกลับบ้านไม่ได้
  • กังวลในอาการเหล่านั้น

แพทย์วินิจฉัยสมองล้าอย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นอาการสมองล้าได้จาก

  • ประวัติอาการต่างๆ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยาต่างๆ ประวัติอุบัติเหตุต่อสมอง ผลกระทบของอาการต่างๆต่อชีวิต
  • การตรวจร่างกายทั่วไป
  • การตรวจร่างกายทางระบบประสาท
  • อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยแยกโรคตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • ตรวจเลือด เช่นดู โรคเบาหวาน, โรคซีด
    • ตรวจภาพสมองด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือเอมอาร์ไอ
    • การตรวจทางจิตเวช

รักษาสมองล้าอย่างไร?

แนวทางรักษาสมองล้า คือ การรักษาและดูแลปัจจัยเสี่ยง/สาเหตุ ที่สำคัญคือ

ก. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อให้

    • พักผ่อนให้เพียงพอ
    • นอนหลับให้เพียงพอ, ต้องมีสุขลักษณะการนอน
    • ลดความเครียด เช่น พยายามเข้าใจชีวิต และเข้าใจความผิดหวังจากสิ่งที่คาดหมาย
    • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’
    • กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกมื้ออาหาร
    • กินวิตามิน แร่ธาตุ เสริมอาหาร ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรก่อนซื้อใช้เอง
    • ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพทุกวัน

ข. รักษา ควบคุม โรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวใน ’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ให้ได้ดี (แนะนำ อ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่รวมถึง วิธีรักษา, การดูแลตนเอง, และการป้องกัน, ได้จากเว็บ haamor.com)

สมองล้ามีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

สมองล้าเป็นภาวะที่ดูแลรักษาให้หายได้ทั้งจากตนเองและจากแพทย์ แต่ถ้าไม่แก้ไข ปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง อาจนำไปสู่

  • การเสียคุณภาพชีวิตและเกิดปัญหาในชีวิต ทั้งในด้าน ครอบครัว การเรียน การงาน สังคม
  • เกิดโรคด้านจิตเวชตามมา เช่น
    • โรคซึมเศร้า
    • โรคสมองเสื่อม

ดูแลตนเองอย่างไร?

การดูแลตนเองเมื่อมีสมองล้า ได้แก่ พยามดูแลแก้ไขสิ่งที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ได้แก่

  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นเดียวกับที่กล่าวใน ‘หัวข้อ วิธีรักษาฯ’
  • รักษา ควบคุมโรคต่างๆที่เป็น สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ ให้ได้ดี
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลเมื่อ
    • อาการมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การงาน การเรียน และ/หรือ
    • อาการแย่ลง มีอาการต่อเนื่อง และ/หรือ
    • กังวลในอาการ

ป้องกันสมองล้าได้ไหม?อย่างไร?

วิธีป้องกันสมองล้า จะเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวแล้วใน’หัวข้อ การดูแลตนเองฯ’ คือ

  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวใน ‘วิธีรักษาฯ’
  • ป้องกัน รักษา ควบคุม โรคต่างๆที่เป็น สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวใน ’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ให้ได้ดี
  • ปรึกษา ครอบครัว ผู้ใหญ่ เพื่อน แพทย์/จิตแพทย์ เมื่อมีปัญหาในการงาน และ/หรือในชีวิต อย่าแก้ไขเองตามลำพัง

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Clouding_of_consciousness [2021,Feb20]
  2. https://www.medicinenet.com/brain_fog/article.htm [2021,Feb20]
  3. https://www.ohsu.edu/womens-health/brain-fog-vs-dementia [2021,Feb20]