สมองพร่องออกซิเจน (Brain hypoxia)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?

สมองพร่องออกซิเจน(Brain hypoxia หรือ Cerebral hypoxia) คือภาวะที่สมองได้รับออกซิเจนจากเลือดน้อยกว่าปกติจนไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้เพื่อการทำงาน(การสันดาป)ของเซลล์สมอง ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆทางสมองขึ้น ซึ่งถ้าสมองพร่องออกซิเจนไม่มากและพร่องในระยะเวลาสั้นๆ อาการผิดปกติทางสมองอาจฟื้นตัวกลับเป็นปกติได้ แต่ถ้าสมองพร่องออกซิเจนมาก/ขาดออกซิเจนและ/หรือพร่อง/ขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน อาการผิดปกติฯมักคงอยู่ตลอดไป ไม่ฟื้นกลับเป็นปกติ และกรณีการพร่อง/ขาดออกซิเจนรุนแรง มักส่งผลให้ผู้ป่วยมี ภาวะชักต่อเนื่อง, อยู่ในสภาพผัก, หรือ ตายจากภาวะสมองตาย, ภาวะหัวใจล้มเหลว, และ/หรือ ภาวะหายใจล้มเหลว

*อนึ่ง: ‘พร่อง’ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายว่า ไม่เต็มตามอัตราเพราะลดหรือขาดไป หรือ ลดไปจากเดิม

สมองพร่องออกซิเจน เป็นภาวะพบเรื่อยๆ ไม่ถึงกับบ่อยมาก แต่ไม่มีการรายงานสถิติเกิดในภาพรวมจากทุกๆสาเหตุร่วมกัน โดยจะรายงานแยกต่างหากตามแต่ละสาเหตุ สมองพร่องออกซิเจนพบได้ทุกอายุตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ โอกาสเกิดในเพศหญิงและเพศชายใกล้เคียงกัน

*****ทั้งนี้ เมื่อ ’สมองไม่ได้รับออกซิเจนโดยสิ้นเชิง หรือ สมองขาดออกซิเจน’ จะส่งผลให้เซลล์สมองตายภายในประมาณ 4 นาที เช่น จากการสูดดมสารพิษ(เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์/ Carbon monoxide) จะเรียกภาวะนี้ว่า ‘Brain Anoxia หรือ Cerebral anoxia’ ซึ่งจะมี อาการ(จะรุนแรงมากกว่า), การวินิจฉัย, แนวทางการรักษา, เช่นเดียวกับภาวะสมองพร่องออกซิเจน แต่การพยากรณ์โรคแย่ ทั่วไปสมองจะไม่ฟื้นกลับเป็นปกติ, โอกาสเกิดสภาพผักสูงมาก, รวมถึงอัตราตายสูงมากเช่นกัน

สมองพร่องออกซิเจนมีอาการอย่างไร?

สมองพร่องออกซิเจน

อาการของสมองพร่องออกซิเจน ได้แก่

ก. สมองพร่องออกซิเจนในระดับไม่รุนแรง: อาการมักเป็นชั่วคราว อาการพบบ่อยได้แก่

  • สูญเสียความทรงจำชั่วคราว
  • ไม่มีสมาธิ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่วตัว โดยเฉพาะ แขน ขา
  • พูดไม่ชัด
  • จำชื่อต่างๆไม่ได้ (Brain block หรือ Mind block)
  • สับสน
  • วิงเวียน
  • ปวดหัว แต่ไม่มาก

ข. อาการรุนแรงจากสมองพร่องออกซิเจน: อาการอาจเกิดถาวร ที่พบบ่อย เช่น

  • ประสาทหลอน
  • ชัก จนอาจถึงขั้นเกิด ภาวะชักต่อเนื่อง
  • เป็นลม
  • โคม่า
  • สมองตาย

สมองพร่องออกซิเจนมีสาเหตุจากอะไร?

สมองพร่องออกซิเจนเกิดได้จากสาเหตุหลากหลายที่ส่งผลให้เกิดการอุดกั้น/อุดตันทางเดินหายใจ/ทางเดินอากาศ เช่น หลอดลมตีบแคบ, มีสิ่งแปลกปลอมอุดกั้น/อุดตันทางเดินหายใจ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ปอด/ร่างกายพร่อง/ขาดออกซิเจนปกติจากอากาศ ส่วนน้อยเกิดจากคุณภาพอากาศเองที่พร่องปริมาณออกซิเจน เช่น สูดดมควันที่รุนแรง

ทั้งนี้ สาเหตุที่พบได้ เช่น

  • ไอรุนแรงจนสำลักเศษอาหารอุดกั้นในระบบทางเดินหายใจ
  • โรคปอดต่างๆในระยะรุนแรงที่มีอาการหายใจลำบากรุนแรงจนร่างกายขาดอากาศ เช่น โรคหืด, โรคซีโอพีดี, โรคปอดบวม
  • สำลักอาหาร น้ำดื่ม เครื่องดื่มเข้าระบบทางเดินหายใจ
  • ผลข้างเคียงจากยาสลบที่ส่งผลให้เกิดการหายใจช้าผิดปกติ หรือออกซิเจนในส่วนผสมของยาสลบลดต่ำกว่าปกติ
  • ความดันโลหิตต่ำมาก
  • การจมน้ำ
  • ผูกคอตาย
  • เสียเลือดมาก
  • โรคซีดรุนแรง
  • การสูดดมสารพิษ เช่น ควันไฟ ก๊าซคาร์บอนมอนน็อกไซด์
  • โรคจากขึ้นที่สูง
  • อุบัติเหตุรุนแรงที่สมอง โดยเฉพาะเมื่อมีภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะรุนแรง
  • โรคหัวใจ: โรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดล้มเหลว สมองจึงขาดเลือด/ขาดออกซิเจน เช่น
    • ภาวะหัวใจล้มเหลวรุนแรง
    • หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
    • ภาวะหัวใจล้ม
  • อัมพาต (โรคหลอดเลือดสมองรุนแรง)
  • ผลข้างเคียงจากยาเสพติดเกินขนาดเพราะยาเสพติดเหล่านี้มีฤทธิ์กดการหายใจที่ระดับสมอง

ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดสมองพร่องออกซิเจน?

สมองพร่องออกซิเจนเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แต่ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดสูงกว่าคนทั่วไป คือ

  • ผู้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่สมอง เช่น ไม่สวมหมวกนิรภัยเมื่อขับจักรยาน เป็นต้น
  • กีฬา/อาชีพบางประเภท เช่น ฟุตบอลอเมริกัน, นักดำน้ำ, นักปีนเขา, นักมวย
  • มีโรคปอดเรื้อรังที่ควบคุมโรคไม่ได้ เช่น โรคหืด, โรคซีโอพีดี, ปอดบวม
  • โรคซีดรุนแรง เพราะจะมีปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือดต่ำซึ่งเม็ดเลือดแดงจะเป็นตัวนำออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆทั่งร่างกายและที่สำคัญคือ สมอง
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่มีผลต่อกล้ามเนื้อหายใจจนส่งผลให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลว เช่น โรคเอแอลเอส
  • ผู้เสียเลือดรุนแรงร่างกายจึงอยู่ในภาวะซีดจากขาดเม็ดเลือดแดง เช่น ถูกยิง ถูกแทง อุบัติเหตุรุนแรง
  • ความดันโลหิตต่ำรุนแรง เช่น จากเสียเลือดรุนแรงจากอุบัติเหตุต่างๆ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

เมื่อมีอาการดังกล่าวใน ‘หัวข้ออาการฯ’ โดยเฉพาะเมื่อเป็นโรคต่างๆหรืออยู่ในภาวะผิดปกติต่างๆดังกล่าวใน ‘หัวข้อ สาเหตุฯ และ ‘หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ควรต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน เพราะการรักษาล่าช้าจะส่งผลให้สมองพร่องออกซิเจนจนอาจขาดออกซิเจนถาวร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดสภาพผัก /ภาวะสมองตาย และเป็นสาเหตุให้ ตายได้สูง

แพทย์วินิจฉัยสมองพร่องออกซิเจนได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยสมองพร่องออกซิเจนได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์จากผู้ป่วยและ/หรือจากญาติ ที่สำคัญ เช่น อาการ เหตุการณ์ต่างๆ/อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก่อนเกิดอาการ โรคประจำตัว ยาต่างๆที่ใช้อยู่
  • การตรวจวัดสัญญาณชีพ
  • การตรวจร่างกายทั่วไป
  • การตรวจร่างกายทางระบบประสาท
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินความรุนแรงของอาการ เช่น
    • ตรวจเลือด ซีบีซี ดูโรคซีด/ภาวะซีด
    • ตรวจเลือดวัดปริมาณออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
  • ตรวจภาพอวัยวะต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือเอมอาร์ไอ เช่น ภาพสมอง เป็นต้น
  • การตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและความรุนแรงของสาเหตุตามอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีเคจี
    • การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง

รักษาสมองพร่องออกซิเจนอย่างไร?

แนวทางการรักษาสมองพร่องออกซิเจน ได้แก่

ก. การรักษาเพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด/เพื่อให้สมองได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น เช่น

  • ให้เลือดกรณีมีการเสียเลือดมาก/โรคซีดรุนแรง
  • ให้สูดดมออกซิเจน
  • ใส่ท่อช่วยการหายใจ และอาจรวมไปถึงใช้เครื่องช่วยหายใจ

ข. การรักษาสาเหตุ: ที่จะต่างกันออกไปตามแต่ละสาเหตุ เช่น หัตการทางการแพทย์หรือการผ่าตัด เพื่อ เอาสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจออกไป, หรือเพื่อหยุดภาวะ ตกเลือดของผู้ป่วย ฯลฯ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมแต่ละสาเหตุได้จากเว็บ haamor.com เช่น โรคจากขึ้นที่สูง เป็นต้น)

ค. การรักษาตามอาการ : เช่น

  • ให้ยาลดไข้ กรณีมีไข้สูง
  • ให้ยากันชัก กรณีมีอาการชัก
  • กายภาพบำบัด/กายภาพฟื้นฟูกรณีมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง

สมองพร่องออกซิเจนรุนแรงไหม?มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

สมองพร่องออกซิเจนเป็นภาวะอันตราย/รุนแรง(มีการพยากรณ์โรคไม่ดี) การพยากรณ์โรคขึ้นกับหลายปัจจัย ที่สำคัญ เช่น

  • อาการจากสมองขาดออกซิเจนรุนแรงหรือไม่ ถ้ามีอาการชักร่วมด้วย การพยากรณ์โรคแย่
  • สมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานานเท่าไร
    • ถ้าสมองขาดออกซิเจนไม่มากแต่ต่อเนื่องนานเกิน 8 ชั่วโมง เซลล์สมองมักเสียหายถาวร
    • ถ้าสมองขาดออกซิเจนโดยสิ้นเชิงนาน 4-5นาที เซลล์สมองจะเสียหายถาวร
  • ตำแหน่งของเนื้อเยื่อสมองที่ขาดออกซิเจน เช่น ถ้าขาดออกซิเจนบริเวณก้านสมอง อาการจะวิกฤตที่สุด
  • สุขภาพร่างกายเดิมของผู้ป่วย

ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

การดูแลตนเองเมื่อมีสมองพร่องออกซิเจนและแพทย์แนะนำให้กลับมาดูแลตนเองที่บ้าน ที่สำคัญ ได้แก่

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่ขาดยา ไม่หยุดยาเองโยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • ทำกายภาพบำบัด/กายภาพฟื้นฟูต่อเนื่องตาม แพทย์ นักกายภาพบำบัด พยาบาล แนะนำ
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
    • อาการต่างๆแย่ลง
    • มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่นทั้งตัว วิงเวียนศีรษะมาก
    • กังวลในอาการ

ป้องกันสมองพร่องออกซิเจนได้อย่างไร?

การป้องกันสมองพร่องออกซิเจน ไม่สามารถทำได้ 100% แต่ที่สามารถทำได้คือ การพยายามหลีกเลี่ยงสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง ซึ่งที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ

  • การป้องกันตนเองจากโรคเรื้อรังต่างๆที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ(โรคเอนซีดี) ที่สำคัญคือ
    • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
    • กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในแต่ละวันในปริมาณที่ไม่ทำให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
    • หลีกเลี่ยง อาหาร หวาน มัน เค็ม
    • มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
    • ตรวจสุขภาพประจำปีกับแพทย์ทุกปี
    • รูจักใช้หน้ากากอนามัย
    • กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ
    • ไม่สูบบุหรี่
    • ไม่ดื่มสุรา
    • ไม่ใช้ยาเสพติด
    • ระมัดระวังอุบัติเหตุในการใช้รถ ใช้ถนน
    • ใช้เครื่องป้องกันอุบัติเหตุรุนแรงเสมอตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข และ/หรือกระทรวงแรงงาน เช่น การสวมใส่หมวกนิรภัย, การคาดเข็มขัดนิรภัย

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Cerebral_hypoxia [2020,Sept12]
  2. https://www.ninds.nih.gov/disorders/all-disorders/cerebral-hypoxia-information-page [2020,Sept12]
  3. https://medlineplus.gov/ency/article/001435.htm [2020,Sept12]