ลิ้นหัวใจติดเชื้อ หรือ เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ (Infective endocarditis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 2 พฤษภาคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อมีสาเหตุจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ?
- ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้ออย่างไร?
- รักษาลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้ออย่างไร?
- ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
- ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/ เยื่อบุหัวใจติดเชื้อรุนแรงไหม?/มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ใครมีการพยากรณ์โรคแย่?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- กลุ่มยาแก้ปวดและยาพาราเซตามอล (Analgesics and Paracetamol)
- นาลอกโซน (Naloxone)
- ความดันในกะโหลกศีรษะสูง (Increased intracranial pressure)
- พาราเซตามอล (Paracetamol)
- โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder หรือ MDD)
- ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และโรคซึมเศร้า (Stress, Depression and Depressive disorder)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ (Infective endocarditis)คือ โรคเกิดจากเยื่อบุหัวใจ และ/หรือลิ้นหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อซึ่งเกือบทั้งหมดติดจากเชื้อแบคทีเรีย ส่วนน้อยมากจากโรคเชื้อรา ลิ้นหัวใจติดเชื้อเป็นโรครุนแรงที่ต้องรีบด่วนมาโรงพยาบาลเพราะเป็นสาเหตุถึงตายได้ โดยอาการสำคัญ คือ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย มีผื่นผิวหนัง และ/หรือจุดเลือดออกใต้เยื่อตา ที่ผิวหนัง และ/หรือใต้เล็บ ปวดข้อ ปวดเนื้อตัว เจ็บคอ อาจหอบเหนื่อย คลื่นไส้อาเจียน เจ็บหน้าอก โดยพบเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย
เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อพบทั่วโลก ไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ พบทุกวัยตั้งแต่เด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)จนถึงผู้สูงอายุ แต่พบสูงขึ้นในอายุตั้งแต่ 50-60 ปีขึ้นไป มีรายงานอัตราเกิดในประเทศที่เจริญแล้วพบในแต่ละปีประมาณ 3-9 รายต่อประชากร 1 แสนคน แต่ยังไม่มีรายงานแน่ชัดในประเทศกำลังพัฒนา, และในผู้ป่วยที่ใส่อุปกรณ์ช่วยการทำงานที่หัวใจพบอัตราเกิดได้ประมาณ 13-19%, ทั้งนี้เพศชายพบบ่อยกว่าเพศหญิงประมาณ 3 เท่า
ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อมีสาเหตุจากอะไร?
เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อเกิดจากเซลล์เชื้อโรคที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด เมื่อเลือดเข้าสู่หัวใจ เชื้อโรคเหล่านี้จะไปจับเกาะที่เยื่อบุหัวใจโดยเฉพาะที่ลิ้นหัวใจและเจริญแบ่งตัวจนเกิดเป็นการติดเชื้อที่เยื่อบุหัวใจ/ลิ้นหัวใจ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย(Bacterial endocarditis) โดยพบบ่อยที่สุดคือ ชนิด Streptococcus และ Staphylococcus, ส่วนน้อยโดยเฉพาะในคนมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ และ/หรือเป็นผู้ติดเชื้อขณะอยู่ในโรงพยาบาลอาจติดจากโรคเชื้อราได้ เช่น ชนิด แคนดิดา(แคนดิไดอะซิส)
ทั้งนี้ ต้นกำเนิดของเชื้อโรคในกระแสเลือดมักมาจาก
- ช่องปาก/ โรคช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ ฟันผุ
- แผลหรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง
- เชื้อในระบบทางเดินหายใจ (โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ) เช่น คออักเสบ/คอหอยอักเสบ
- เชื้อจากระบบทางเดินอาหาร(โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร) เช่น ลำไส้อักเสบ, มะเร็งลำไส้ใหญ่
- เชื้อจากระบบทางเดินปัสสาวะ (โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ)
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ ได้แก่
- ใส่อุปกรณ์รักษาโรคหัวใจในหัวใจ เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker implantation)
- โรคลิ้นหัวใจ
- โรคหัวใจแต่กำเนิด
- เคยมีประวัติเยื่อบุหัวใจอักเสบมาก่อน
- มีสุขอนามัยช่องปากที่แย่
- ใช้สาร/ยาเสพติดด้วยการฉีด
- หลังหัตการทางการแพทย์ และ/หรือทางทันตกรรม โดยเฉพาะที่ทำให้เกิดแผลโดยเฉพาะแผลกับเนื้อเยื่อเมือก และ/หรือกับหลอดเลือด เช่น
- การทำฟัน/ถอนฟัน
- ใส่สายสวนต่างๆ โดยเฉพาะใส่ผ่านทางหลอดเลือด
- การผ่าตัดหัวใจ
- การล้างไตด้วยการฟอกเลือด
- โรคเรื้อรังที่ส่งผลให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น เบาหวาน เอชไอวี ติดสุรา มะเร็งลำไส้ใหญ่
ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อมีอาการอย่างไร?
อาการของเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อ เป็นอาการที่คล้ายโรคติดเชื้อทั่วไป ไม่มีอาการเฉพาะโรค ซึ่งอาการต่างๆอาจเกิดอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเป็นวัน(ติดเชื้อเฉียบพลัน), หรือค่อยๆมีอาการนานเป็นสัปดาห์(ติดเชื้อแบบกึ่งเฉียบพลัน), หรือมีอาการไม่มากแต่เป็นอยู่นานเป็นเดือน(ติดเชื้อแบบเรื้อรัง) ทั้งนี้ขึ้นกับ ความรุนแรงของสาเหตุ, ชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ, และสุขภาพเบื้องต้นของแต่ละผู้ป่วย
อาการต่างๆ เช่น
- มีไข้ มีได้ทั้งไข้สูง หรือ ไข้ต่ำ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค อาจร่วมกับ หนาวสั่น, เหงื่อออกมากผิดปกติ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
- เจ็บหน้าอก
- เจ็บคอ
- ไอ
- ปวดหัว
- ปวดเนื้อตัว ปวดข้อทั่วตัว
- ปัสสาวะเป็นเลือด หรือ ปัสสาวะสีคล้ำเหมือนน้ำปลา
- อาจคลื่นไส้อาเจียน
- ภาวะซีด
- เลือดออกใต้เยื่อตา
- มีอาการทางผิวหนัง เช่น
- ผิวหนังขึ้นผื่นทั่วตัว
- มีเลือดออกใต้เล็บ
- มีตุ่ม/ผื่นสีแดงกระจายทั้ง 2 ฝ่ามือ
- กรณีรุนแรง จะเกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กมาก(Embolus/สิ่งหลุดอุดหลอดเลือด)ซึ่งลิ่มเลือดเหล่านี้จะติดเชื้อร่วมด้วยเสมอ ที่กระจายจากลิ้นหัวใจเข้าหลอดเลือดทั่วร่างกายจนไปอุดตันหลอดเลือดขนาดเล็กของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายจนอวัยวะต่างๆเหล่านั้นขาดเลือด รวมทั้งก่อให้เกิดการติดเชื้อ/ฝี-หนองในอวัยวะนั้นๆ เช่น สมอง ปอด ม้าม ไต
- อาการทางสมอง เช่น อาการของอัมพาต: โรคหลอดเลือดสมอง
- อาการทางปอด เช่น ปอดอักเสบ/ ปอดบวม
- อาการทางม้าม เช่น ม้ามโต และเกิดฝีที่ม้าม
- อาการทางไต เช่น ไตอักเสบติดเชื้อ
- ตรวจร่างกายพบ
- เสียงหัวใจเต้นผิดปกติ
- ม้ามโต
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการต่างๆดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ และโดยเฉพาะในผู้มีปัจจัยเสี่ยง ดัง กล่าวใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ต้องรีบด่วนไปโรคพยาบาลฉุกเฉิน/ทันที เพราะโรคนี้เป็นสาเหตุการตายได้อย่างรวดเร็ว และประสิทธิผลของการรักษายังขึ้นกับการได้รับการรักษาทันท่วงที
แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้ออย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อได้จาก
- ซักถามประวัติอาการผู้ป่วย ประวัติปัจจัยเสียงต่างๆ เช่น โรคประจำตัว การรักษาที่ผ่านมา การผ่าตัด การใส่สายสวนต่างๆ การทำฟัน การใช้ยาเสพติด
- ตรวจวัดสัญญาณชีพ
- การตรวจร่างกาย โดยเฉพาะ ฟังเสียงเต้นของหัวใจ, ตรวจคลำตับและม้าม
- การตรวจเอคโคหัวใจ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีเคจี
- ตรวจเลือด ดูค่าต่างๆ เช่น
- ค่าความสมบูรณ์ของเลือด, ภาวะซีด, ภาวะติดเชื้อ/ ตรวจซีบีซี/CBC
- ค่าน้ำตาล, ค่าการทำงานของ ตับ ไต
- ค่าเกลือแร่ในเลือด
- การตรวจเพาะเชื้อจากเลือด
- การตรวจปัสสาวะ รวมถึงการตรวจเพาะเชื้อจากปัสสาวะ
- อื่นๆ: ตามอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจภาพหัวใจ และ/หรือ อวัยวะที่มีอาการด้วย เอกซเรย์, อัลตราซาวด์, ซีทีสแกน (เอกซเรย์คอมพิวเตอร์) และ/หรือเอมอาร์ไอ เช่น ปอด, สมอง
- การตรวจเพาะเชื้อจากฝี/หนองที่เกิดในอวัยวะต่างๆ เช่น ที่ผิวหนัง
รักษาลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้ออย่างไร?
การรักษาหลักของโรคเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อ คือ การรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อได้ครบถ้วน, การรักษาสาเหตุ, และ รักษาประคับประคองตามอาการ/การรักษาตามอาการ
ก. ให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำ:
- ให้ยาปฏิชีวนะกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย
- ให้ยาต้านเชื้อรา กรณีติดโรคเชื้อรา
ข. รักษาสาเหตุ: ซึ่งจะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามแต่ละสาเหตุ เช่น รักษาควบคุม เหงือกอักเสบ, ฟันผุ, เบาหวาน, ลำไส้อักเสบ, ผ่าตัดรักษา โรคลิ้นหัวใจ เป็นต้น (แนะนำอ่านรายละเอียดวิธีรักษาโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุได้จากเว็บ haamor.com)
ค. การรักษาตามอาการ: เช่น สูดดมออกซิเจนเมื่อมีปัญหาทางการหายใจ, ให้สารน้ำและ/หรือสารอาหารทางหลอดเลือดกรณีกินอาหาร/ดื่มน้ำได้น้อย, ให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้, ให้ยาแก้ปวดตามอาการ เป็นต้น
ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงที่อันตรายของโรคเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อ ได้แก่
ก. เกิดลิ่มเลือดขนาดเล็กๆ’(สิ่งหลุดอุดหลอดเลือด)ที่ติดเชื้อ (Septic embolus)’จำนวนมากมายซึ่งหลุดจากลิ้นหัวใจลอยกระจายเข้าหลอดเลือดทั่วร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือดแดง, และจะไปอุดตันหลอดเลือดของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย จนอวัยวะเหล่านั้นขาดเลือด โดยเฉพาะถ้าลิ่มเลือดขนาดใหญ่และอุดตันหลอดเลือดแดงขนาดใหญ่, และมักร่วมกับการติดเชื้อรุนแรง จนเกิดฝี/หนอง เช่น อัมพาต, ฝีในสมอง, ปอดปวม/ปอดเป็นหนอง/ฝี, ไตวาย, ฝี/หนองในไต, ม้ามโต ติดเชื้อ ฝี/หนองในม้าม, และในที่สุดจะเกิดภาวะช็อกจากการติดเชื้อรุนแรง(Septic shock)ซึ่งเป็นสาเหตุการตายได้สูงมาก
ข. อีกผลข้างเคียงที่รุนแรงและเป็นสาเหตุของการตายได้สูงเช่นกัน คือ การเกิดภาวะ’หลอดเลือดโป่งพอง’จากผนังหลอดเลือดเสียหายจากการอักเสบติดเชื้อ(Septic aneurysm) โดยเฉพาะหลอดเลือดขนาดใหญ่ที่ติดเชื้อได้ทั้งจากเชื้อในกระแสเลือดและ/หรือเชื้อจากสิ่งหลุดอุดหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดนั้นๆโป่งพองขาดประสิทธิภาพในการนำส่งเลือด อวัยวะต่างๆจึงขาดเลือดร่วมกับการติดเชื้อ นอกจากนั้นผนังหลอดเลือดที่โป่งพองนี้จะแตกได้ง่ายจนอาจเป็นสาเหตุเกิดเลือดออกได้มากในอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย จนผู้ป่วยเกิดภาวะช็อกได้ทั้งจากติดเชื้อและจากเสียเลือดมาก
ลิ้นหัวใจติดเชื้อ/ เยื่อบุหัวใจติดเชื้อรุนแรงไหม?/มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อเป็นโรครุนแรงแรงมาก มีการพยากรณ์โรคแย่ โดยการพยากรณ์โรคขึ้นกับ ต้นเหตุ, ความรุนแรงของอาการตั้งแต่แรก, สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยตั้งแต่แรก, และการได้รับการรักษารวดเร็วทันท่วงที, ทั้งนี้มีรายงานอัตราตาย ประมาณ 15%-35% ขึ้นกับปัจจัยต่างๆดังกล่าว
ใครมีการพยากรณ์โรคแย่?
ผู้ป่วยโรคเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อที่มีการพยากรณ์โรคแย่ คือ มีอัตราตายสูง ได้แก่
- มาโรงพยาบาลล่าช้า
- ผู้สูงอายุ
- ติดเชื้อดื้อยา
- ติดเชื้อหลายชนิดร่วมกัน
- มีสุขภาพไม่ดีตั้งแต่แรก มีหลายโรคประจำตัวที่ควบคุมได้ไม่ดี
- มีโรคเกิดที่ลิ้นหัวใจตำแหน่งระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายกับท่อเลือดแดง(Aortic valve)
- และ/หรือเกิดกับลิ้นหัวใจหลายตำแหน่ง
- และโดยเฉพาะเมื่อเกิดหนองขึ้นที่ลิ้นหัวใจ
- มีผลข้างเคียงดังกล่าวใน’ หัวข้อผลข้างเคียงฯ’
- เป็นการติดเชื้อที่ ‘ลิ้นหัวใจเทียม’
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อหลังรับการรักษาในโรงพยาบาลและแพทย์อนุญาตให้กลับมาดูแลตนเองต่อที่บ้าน ได้แก่
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ อย่างเคร่งครัด
- กินยา/ใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพและตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำให้สม่ำเสมอทุกวัน
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัด
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง หรือมีอาการที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ไอเป็นเลือด
- กลับมามีไข้
- มีผลข้างเคียงอย่างต่อเนื่องจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันจากยาที่แพทย์สั่ง เช่น วิงเวียนศีรษะ ท้องผูกหรือท้องเสีย
- กังวลในอาการ
ป้องกันลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อได้อย่างไร?
โรคเยื่อบุหัวใจติดเชื้อ/ลิ้นหัวใจติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อย แต่สามารถลดโอกาสเกิดได้โดย
- รักษาสุขภาพช่องปากและฟัน โดยปฏิบัติตามของปฏิบัติพื้นฐานของการดูแลช่องปากและฟัน ได้แก่
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ2ครั้ง ก่อนเข้านอนตอนเย็น และหลังตื่นนอนตอนเช้า
- ทำความสะอาดซอกซี่ฟันอย่างน้อยวันละ1ครั้งก่อนแปรงฟันตอนเย็นก่อนเข้านอน
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน
- ไม่ดื่มสุรา
- ไม่สูบบุหรี่
- พบทันตแพทย์ทุก6เดือน หรือบ่อยตามทันตแพทย์แนะนำ
- เมื่อเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคลิ้นหัวใจติดเชื้อ/เยื่อบุหัวใจติดเชื้อ(ดังกล่าวใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคฯ’) และ กลุ่มผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลิ้นหัวใจติดเชื้อรุนแรงที่อาจถึงตายได้สูง(ดังกล่าวใน’หัวข้อ ใครมีการพยากรณ์โรคแย่’) ควรต้องแจ้ง แพทย์ และทันตแพทย์ ผู้รักษาทุกครั้งเพราะแพทย์/ทันตแพทย์อาจจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะนำก่อนการรักษาที่มีหัตการที่ทำให้เกิดแผลเพื่อป้องกันการเกิดโรคลิ้นหัวใจติดเชื้อรุนแรงจากมีแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดจากหัตการนั้นๆ
บรรณานุกรม
- https://emedicine.medscape.com/article/216650-overview#showall [2021,May1]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Infective_endocarditis [2021,May1]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5240923/ [2021,May1]
- https://www.msdmanuals.com/professional/cardiovascular-disorders/endocarditis/infective-endocarditis [2021,May1]
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/16957-endocarditis [2021,May1]