ลำไส้สั้น (Short bowel syndrome)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

ลำไส้สั้น หรือ กลุ่มอาการลำไส้สั้น(Short bowel syndrome ย่อว่า เอสบีเอส/ SBS)คือ โรค /ภาวะ /กลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของลำไส้เล็ก จากพื้นที่ดูดซึมสารอาหารลดลง(ลำไส้เล็กสั้น/ลำไส้สั้น) ส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารทุกชนิดลดลงอย่างรุนแรง ส่งผลต่อเนื่องให้ร่างกายเกิดภาวะขาดสารอาหารทุกชนิด(ทุพโภชนา) ทั้ง โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, รวมถึง น้ำ, วิตามิน, และเกลือแร่/ แร่ธาตุ, ร่างกายจึงขาดพลังงานจนเกิดอาการผิดปกติต่างๆ(ดังได้กล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’)ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา

ทั้งนี้สาเหตุลำไส้สั้นอาจเกิดจาก

  • การผ่าตัดลำไส้เล็กออกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความยาวลำไส้เล็ก โดยความยาวของลำไส้เล็กปกติที่เหลืออยู่ ’ยาวน้อยกว่า 2 เมตร’ จากสาเหตุต่างๆ เช่น อุบัติเหตุในช่องท้อง, มะเร็งลำไส้เล็ก ฯลฯ
  • ลำไส้เล็กอักเสบเรื้อรังรุนแรงจนเนื้อเยื่อลำไส้เล็กถูกทำลายเป็นอย่างมาก
  • ลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ เช่น บีบตัวย่อยอาหารได้ช้ากว่าปกติมาก

ลำไส้สั้น/ กลุ่มอาการลำไส้สั้น หรือ ชื่อภาษาอังกฤษทั่วไป คือ ‘Short gut’ เป็นโรคพบน้อย แต่พบทั่วโลก ไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ พบทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด(ความพิการแต่กำเนิดที่มีลำไส้เล็กสั้นผิดปกติ)จนถึงผู้สูงอายุ ผู้หญิงและผู้ชายพบใกล้เคียงกัน ซึ่งมีรายงานพบโรคนี้ได้ ประมาณ 2-3รายต่อประชากร 1 ล้านคน

อนึ่ง: ลำไส้เล็ก เป็นทางเดินอาหารที่ต่อจากกระเพาะอาหารและมีส่วนปลายเชื่อมต่อกับลำไส้ใหญ่ ความยาวเฉลี่ยประมาณ 6-7เมตร มีหน้าที่ย่อยอาหารกึ่งของเหลว(Chyme)ที่ย่อยมาก่อนจากกระเพาะอาหาร ร่วมกับการดูดซึมอาหาร/สารอาหารทุกชนิดและน้ำเข้าสู่ร่างกาย ลำไส้เล็กแบ่งเป็น 3ส่วน ได้แก่

  • ลำไส้เล็กส่วนต้น/ตอนบน ที่ต่อจากกระเพาะอาหาร เรียกว่า Duodenum ซึ่งมีหน้าที่ดูดซึมธาตุเหล็ก และแร่ธาตุต่างๆ
  • ลำไส้เล็กตอนกลาง ที่ต่อจากDuodenum เรียกว่า Jejunum เป็นส่วนดูดซึม โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต , ไขมัน, และวิตามินต่างๆเกือบทุกชนิด
  • ลำไส้เล็กตอนปลาย จะต่อจาก Jejunum และส่วนปลายจะต่อกับลำไส้ใหญ่ เป็นส่วนที่ดูดซึม วิตามินบี12 และกรดน้ำดี/น้ำดี

กลุ่มอาการลำไส้สั้นมีสาเหตุจากอะไร?

ลำไส้สั้น

สาเหตุของ ลำไส้สั้น หรือ กลุ่มอาการลำไส้สั้น ที่พบบ่อยที่สุด คือ การผ่าตัดเอาลำไส้เล็กส่วนที่เกิดพยาธิสภาพจนไม่สามารถทำงานได้ออกทิ้งไป ซึ่งมักต้องผ่าตัดออกมากจนส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารให้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ทั่วไป คือเหลือยาวไม่ถึง 2 เมตร

ทั้งนี้ การผ่าตัดลำไส้เล็กออกไป มักเป็นการรักษาภาวะ/โรคบางโรค เช่น

  • อุบัติเหตุ/การบาดเจ็บรุนแรงต่อลำไส้เล็ก
  • มะเร็งลำไส้เล็ก
  • ภาวะลำไส้เล็กบิดเกลียว(Volvulus small bowel)
  • ลำไส้เล็กเน่าจากอักเสบและขาดเลือดรุนแรงที่มักพบในเด็กเล็ก(นิยามคำว่าเด็ก)
  • การผ่าตัดกระเพาะอาหารและลำไส้เพื่อรักษาโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • การผ่าตัดรักษาโรคโครห์น

ส่วนโรคอื่นๆของลำไส้เล็ก ที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอาลำไส้เล็กออก ที่อาจพบได้แต่น้อยกว่าโรคดังได้กล่าวแล้ว เช่น

  • ความพิการแต่กำเนิดที่ไม่มีลำไส้เล็ก หรือมีแต่สั้นมาก
  • โรคโครห์นชนิดรุนแรงที่ยังไม่เคยรักษาด้วยการผ่าตัด

กลุ่มอาการลำไส้สั้นมีอาการอย่างไร?

อาการของลำไส้สั้น หรือ โรค/กลุ่มอาการลำไส้สั้น คือ อาการจากขาดอาหารที่รุนแรง(ภาวะทุพโภชนา)ทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ ทุกชนิด จนร่างกายขาดพลังงาน ที่เกิดจากลำไส้เล็กสั้น หรือลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งอาการที่พบคือ

  • ท้องเสียเป็นน้ำเรื้อรัง และอุจจาระมีไขมันปนซึ่งมักมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ และถ้ารุนแรงต่อเนื่อง จะเป็นเหตุให้ตายได้จากเป็นต้นเหตุให้เกิด
    • ภาวะขาดน้ำรุนแรง
    • ภาวะขาดอาหาร(ทุพโภชนา)รุนแรง ทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และ แร่ธาตุ
  • อาการอื่นๆ เช่น
    • ปวดท้องเรื้อรัง โดยตำแหน่งปวดเกิดได้ทั่วช่องท้อง
    • ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สมากในท้อง
    • มีกรดมากในกระเพาะอาหาร จนเป็นเหตุเกิดอาการแสบร้อนกลางอก/ กรดไหลย้อน
    • อาจคลื่นไส้-อาเจียน
    • เบื่ออาหาร
    • น้ำหนักตัวลดรวดเร็ว
    • บวมน้ำทั้งตัว รวมมือเท้า จากร่างกายขาดอาหาร/สารอาหารโดยเฉพาะขาดโปรตีน
    • อ่อนเพลีย

กลุ่มอาการลำไส้สั้นก่อผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงจาก ลำไส้สั้น หรือ กลุ่มอาการลำไส้สั้น ถ้ารุนแรง จะเป็นสาเหตุให้ตาย ได้ ซึ่งผลข้างเคียงที่พบได้ คือ

  • ภาวะทุพโภชนา ขาดอาหารทุกชนิด รวมถึง วิตามิน แร่ธาตุ ทุกชนิด จนร่างกายขาดพลังงาน
  • ภาวะขาดน้ำ
  • แผลในกระเพาะอาหาร (แผลเปบติค)จากกระเพาะอาหารสร้างกรดมาก
  • มีโรคติดเชื้อทางเดินอาหารเรื้อรัง จากแบคทีเรียในลำไส้เกิดเจริญเติบโตสูงขึ้นมากกว่าปกติ
  • เกิดนิ่วในไต: จากร่างกายขาดสารอาหารที่จะช่วยลดการตกตะกอนของสารเคมีที่จะตกตะกอนในปัสสาวะ จึงส่งผลให้สารเคมีเหล่านี้ตกตะกอนได้ง่ายในปัสสาวะจนเกิดเป็นนิ่วในไตได้ง่าย

ควรพบแพทย์เมื่อไร?

เมื่อมีอาการท้องเสียต่อเนื่องเรื้อรัง ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเกิดร่วมกับ อุจจาระเป็นน้ำ และ/หรือ ปนไขมัน, อ่อนเพลีย, น้ำหนักตัวลด/ผอมลงต่อเนื่อง

แพทย์วินิจฉัยกลุ่มอาการลำไส้สั้นได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัย ลำไส้สั้น/โรคลำไส้สั้น/กลุ่มอาการลำไส้สั้น ได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการโดยเฉพาะการถ่ายอุจจาระและลักษณะอุจจาระ ประวัติการคลอด ประวัติอุบัติเหตุ
  • การตรวจร่างกาย ที่รวมถึงการตรวจวัดสัญญาณชีพ
  • ตรวจเลือดดูค่าสำคัญต่างๆของร่างกาย เช่น
    • ซีบีซี/CBC
    • เกลือแร่ในเลือด
    • สารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีน, วิตามิน, แร่ธาตุ ต่างๆ
    • การทำงานของ ตับ ไต
  • ตรวจปัสสาวะ (ปัสสาวะ-การตรวจปัสสาวะ) ดูความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • การตรวจอุจจาระ ที่รวมถึงการตรวจค่าปริมาณไขมันที่ปนออกมาในอุจจาระ
  • การตรวจภาพช่องท้องด้วย เอกซเรย์ อัลตราซาวด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือเอมอาร์ไอ
  • การตรวจภาพเอกซเรย์ระบบทางเดินอาหารด้วยการกลืนแป้ง
  • อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร อาจร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อที่รอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

มีแนวทางรักษากลุ่มอาการลำไส้สั้นอย่างไร?

แนวทางการรักษา ลำไส้สั้น หรือ โรค/กลุ่มอาการลำไส้สั้น คือ การช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารทุกชนิดอย่างเพียงพอ โดยมีวิธีรักษาหลายวิธีที่ใช้ร่วมกัน และต้องมีความร่วมมือจากผู้ป่วยและครอบครัว, โภชนากร, พยาบาล, และแพทย์หลายสาขา เช่น แพทย์อายุรกรรมระบบทางเดินอาหาร, ระบบโรคติดเชื้อ, ระบบโภชนาการ, และศัลยแพทย์, ซึ่งทั่วไปวิธีรักษา ได้แก่ การให้ สารอาหาร วิตามิน เกลือแร่/ แร่ธาตุ และน้ำ, การใช้ยา, การผ่าตัดเอาลำไส้เล็กที่มีรอยโรคออกไป

ก. การให้สารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ: ซึ่งอาจเป็นการกิน, ให้อาหารเหลวทางสายให้อาหารเข้าสู่ลำไส้เล็กโดยตรง, และ/หรือให้ทางหลอดเลือดดำ ขึ้นกับความรุนแรงของการขาดสารอาหาร, สภาพร่างกายผู้ป่วย, ประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้เล็กส่วนที่เหลืออยู่, รวมถึงดุลพินิจของแพทย์

  • การเพิ่มสารอาหารให้ร่างกายทางปากด้วยการกิน/ดื่ม: เช่น
    • ให้ดื่มน้ำสะอาด/ต่อวันเพิ่มขึ้น
    • ดื่มยาผงเกลือแร่/ โออาร์เอส/ ORS หรือ เครื่องดื่มเกลือแร่ต่างๆที่ไม่มีสารคาเฟอีน/กาเฟอีน
    • อาหารที่บริโภคจะมีลักษณะเฉพาะ ตามคำแนะนำของ แพทย์ โภชนากร พยาบาล เช่น
      • อาหารรสจืด ใยอาหารต่ำ ไขมันและโปรตีนต่ำ
      • เป็นอาหารเหลว(แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง ‘ประเภทอาหารทางการแพทย์’ ในเว็บ haamor.com) ที่ดูดซึมได้ง่าย ที่ไม่ทำให้ท้องเสีย
      • กินมื้อละน้อยๆ ที่ลำไส้เล็กส่วนดีที่เหลือพอดูดซึมได้ แต่เพิ่มเป็นหลายๆมื้อ
  • การให้สารอาหารเหลวทางสายให้อาหารเข้าลำไส้เล็กโดยตรง: เช่น ให้สารอาหารเหลวผ่านทางสายหน้าท้องเข้าลำไส้เล็กโดยตรง เพื่อ
    • ลำไส้เล็กดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
    • ลดความเป็นกรดของอาหารจากกระเพาะอาหารสู่ลำไส้เล็ก ที่จะช่วยให้
      • เซลล์ลำไส้เล็กลดการเกิดแผลเปบติค(แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก)
      • เกิดสมดุลของความเป็นกรดด่างในลำไส้เล็ก ส่งผลให้แบคทีเรียประจำถิ่นในลำไส้เจริญเป็นปกติ ส่งผลต่อเนื่องลดการเกิดโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
  • การให้สารให้อาหารทางหลอดเลือดดำ: ที่อาจให้ร่วมกับการกินอาหารทางปาก อาจให้เพียงชั่วคราว หรือให้แบบถาวร ขึ้นกับประสิทธิภาพการดูดซึมอาหารของลำไส้เล็กที่เหลืออยู่

ข. การใช้ยาต่างๆ: จะมียาหลากหลายชนิดตามอาการผู้ป่วย และ/หรือ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงของโรคนี้ เช่น

  • ยาแก้ท้องเสีย : เช่น ยา Bile acid sequestrants, Cholestyramine, Atropine, Loperamide, Somatostatin,
  • ยากดการสร้างกรดของกระเพาะอาหาร : เพื่อป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้/แผลเปบติค เช่นยากลุ่ม Proton pump inhibitor , H2 antagonist
  • ยาเพิ่มการย่อยอาหาร: เพื่อเพิ่มการดูดซึมอาหาร เช่น ยา Pancreatic enzyme
  • ยาช่วยเพิ่มการดูดซึมอาหารของลำไส้เล็ก: เช่นยา Teduglutide, ยาในกลุ่ม Growth hormone (Somatropin)

ค. การผ่าตัด: ซึ่งมีหลากหลายวิธี ที่เป็นเทคนิคซับซ้อนเพื่อเพิ่มเนื้อที่การดูดซึมอาหารของลำไส้เล็ก ซึ่งต้องรักษาโดยศัลยแพทย์เฉพาะโรค ส่วนจะเลือกใช้วิธีไหนขึ้นกับ ความรุนแรงของอาการ ที่สำคัญขึ้นกับ

  • การเสียหายของลำไส้เล็ก ที่สำคัญคือ
    • ส่วนที่ยังทำงานมีประสิทธิภาพของลำไส้เล็กที่เหลืออยู่
    • การตอบสนองต่อวิธีรักษาอื่นๆดังกล่าวในข้อ ก. และ ข.
    • เคยมีการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ออกร่วมด้วยหรือไม่
    • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
    • ความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว
    • ดุลพินิจของแพทย์

ซึ่งวิธีผ่าตัด เช่น

  • ผ่าตัดใส่ท่อให้อาหารเหลวเข้าสู่ลำไส้เล็กโดยตรง
  • ผ่าตัดขยายช่องทางเดินอาหารของลำไส้เล็กส่วนที่ยังปกติ
  • ปลูกถ่ายอวัยวะ/การปลูกถ่ายลำไส้เล็กซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์เชื่อว่า น่าจะทำให้หายจากโรคนี้ได้

กลุ่มอาการลำไส้สั้นรุนแรงไหม?

ลำไส้สั้น หรือ โรค/กลุ่มอาการลำไส้สั้น จัดเป็นโรครุนแรง/มีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี ที่ต้องการการดูแลรักษาตลอดชีวิต และผู้ป่วยมักมีอายุสั้นกว่าคนทั่วไป มีรายงานอัตรารอดชีวิตเมื่อได้รับการรักษาเต็มที่ เช่น

  • ในเด็กแรกเกิด เมื่อได้รับการรักษาต่อเนื่องด้วยการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ มีอัตรารอดชีวิตอยู่ได้นาน 4 ปี ประมาณ 70%
  • ในเด็กแรกเกิดที่มีลำไส้เล็กทำงานได้ปกติน้อยกว่า 10% อัตรารอดที่ห้าปี ประมาณ 20%
  • การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ/เปลี่ยนลำไส้ ปัจจุบัน
    • อัตราเสียชีวิตจากการรักษาประมาณ 30%
    • อัตรามีชีวิตอยู่ได้1ปีประมาณ 80-90%
    • อัตรามีชีวิตอยู่ได้ 4 ปีประมาณ 60%

ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

การดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคลำไส้สั้น หรือ กลุ่มอาการลำไส้สั้น ได้แก่

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล โภชนากร แนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) สม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่มีผลต่อคุณภาพชีวิต และภาวะทุพโภชนา ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อต่างๆได้ง่าย
  • ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพสม่ำเสมอทุกวันตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัด
  • ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
    • อาการต่างๆแย่ลง หรือมีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น อุจจาระเป็นเลือด หรือ อาเจียนเป็นเลือด
    • มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่น เวียนศีรษะมากต่อเนื่อง ท้องผูกมากต่อเนื่อง
    • กังวลในอาการ

มีการตรวจคัดกรองกลุ่มอาการลำไส้สั้นไหม?

ปัจจุบัน ยังไม่สามารถตรวจคัดกรองให้พบโรคลำไส้สั้น หรือ กลุ่มอาการลำไส้สั้นตั้งแต่ยังไม่มีอาการ

ป้องกันกลุ่มอาการลำไส้สั้นได้อย่างไร?

เมื่อดูจากสาเหตุ ปัจจุบันยังไม่สามารถป้องกันโรคลำไส้สั้น หรือ กลุ่มอาการลำไส้สั้นได้

บรรณานุกรม

  1. https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/short-bowel-syndrome [2020,April 11]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Short_bowel_syndrome [2020,April 11]
  3. https://emedicine.medscape.com/article/193391-overview#showall [2020,April 11]
  4. https://rarediseases.org/rare-diseases/short-bowel-syndrome/ [2020,April 11]