ลมชักชนิดเหม่อ (Absence seizure)
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 30 กรกฎาคม 2558
- Tweet
- บทนำ
- โรคลมชักชนิดเหม่อคืออะไร?
- อาการชักแบบเหม่อมีลักษณะคล้ายกับอาการอะไรบ้าง?
- เมื่อใดควรพบแพทย์?
- แพทย์ให้การวินิจฉัยโรคลมชักชนิดเหม่อได้อย่างไร?
- แพทย์ต้องส่งตรวจอะไรเพิ่มเติมอีกนอกจากคลื่นไฟฟ้าสมอง?
- การรักษาด้วยยากันชักที่ได้ผลคือยาอะไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อใด?
- การรักษาต้องทานยานานเท่าใด?
- ใครมีโอกาสเป็นโรคลมชักชนิดเหม่อได้บ่อย?
- โรคลมชักชนิดเหม่อมีอันตรายต่อสมองหรือไม่?
- โรคลมชักชนิดเหม่อรักษาได้ผลหรือไม่? มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ผู้ป่วยห้ามทำกิจกรรมใดบ้าง?
- ดูแลเด็กโรคลมชักชนิดเหม่ออย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- ป้องกันเกิดโรคลมชักชนิดเหม่อได้อย่างไร?
- สรุป
- โรคสมอง โรคทางสมอง (Brain disease)
- ลมชัก (Epilepsy)
- เด็ก: โรคเด็ก (Childhood: Childhood diseases)
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง การตรวจอีอีจี (Electroencephalography; EEG)
- ยากันชัก ยาต้านชัก (Anticonvulsant drugs))
- กรดวาลโปรอิก (Valproic acid: VPA)
บทนำ
ลมชัก หรือโรคลมชัก คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการโรคนี้ต้องมีการชักแบบชักเกร็งกระตุกทั้งตัว หมดสติ หรือชักแบบลมบ้าหมู (Generalised tonic-clonic seizure) แต่จริงแล้วการชักมีหลายรูปแบบได้แก่
- การชักเฉพาะส่วนของร่างกายและผู้ป่วยรู้สึกตัวดี (Simple motor seizure)
- การชักแบบสะดุ้ง (Myoclonic seizure)
- รวมทั้ง “การชักแบบ/ชนิดเหม่อ หรือโรคลมชักแบบ/ชนิดเหม่อ (Absence seizure หรือ Petit mal seizure)”
การชัก/ลมชักแบบเหม่อนี้มีลักษณะอย่างไร มีภาวะอะไรที่มีลักษณะคล้ายกัน เกิดจากอะไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นการชัก/ลมชักแบบเหม่อ รักษาหายหรือไม่ ผมจะขอเล่าที่ละประเด็นดังนี้
โรคลมชักชนิดเหม่อคืออะไร?
โรคลมชักแบบ/ชนิดเหม่อคือ การชักรูปแบบหนึ่งซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเหม่อนิ่งเป็นระยะ เวลาสั้นๆ ส่วนใหญ่แล้วระยะเวลาที่มีอาการจะนานประมาณ 15 - 30 วินาทีไม่เกิน 45 วินาที และไม่มีการเสียการทรงตัวหรือล้มลง แต่อาจมีอาการกระพริบตาบ่อยๆช่วงมีอาการ
อนึ่ง โรคลมชักชนิดเหม่อเป็นลมชักชนิดพบได้น้อย มักพบเกิดในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่มาก และพบในผู้ชายบ่อยกว่าในผู้หญิง สถิติที่มีรายงานจากสหรัฐอเมริกาคือพบโรคนี้ได้ประ มาณ 1.9 - 8 รายต่อประชากร 1 แสนคน
อาการชักชนิดเหม่อมีลักษณะคล้ายกับอาการอะไรบ้าง?
อาการชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อนั้นมีลักษณะคล้ายกับการนั่งเหม่อลอยทั่วๆไป และ/หรือคล้ายกับการนั่งหลับ ซึ่งลักษณะที่ต่างกันของทั้ง 3 อาการได้แก่
ดังนั้นการวินิจฉัยโรคลมชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อจะเริ่มจากข้อมูลของอาการดังกล่าว ร่วมกับอาการและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเกิดอาการชักชนิดเหม่อ
เมื่อใดควรพบแพทย์?
ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลโดยเร็วเสมอ ถ้าผู้ปกครองเห็นว่าลูกหรือเด็กหรือผู้มีอา การในบ้านมีอาการผิดปกติสงสัยว่าจะเป็นลมชักชนิดเหม่อ เพราะอาการที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีอา การได้วันละหลายๆครั้ง ดังนั้นถ้าสงสัยก็ให้พาเด็ก/ผู้มีอาการพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลได้เลย เพราะถ้าได้รับการรักษาล่าช้า อาจเกิดผลเสียต่อระดับสติปัญญาของผู้ป่วยได้
แพทย์ให้การวินิจฉัยโรคลมชักชนิดเหม่อได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคลมชักชนิดเหม่อได้โดยการพิจารณาจากอาการผิดปกติของผู้ป่วยอย่างละเอียด และถ้ามีการบันทึกภาพที่เกิดอาการมาให้แพทย์ดูด้วยก็จะทำให้วินิจฉัยได้แน่นอนมากขึ้น
กรณีไม่มีอาการขณะแพทย์ตรวจและแพทย์สงสัย แพทย์ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการชักนี้ได้ด้วยการให้ผู้ป่วยหายใจแรงๆลึกๆติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง (Hyperventilation) และถ้าเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองได้ แพทย์ก็จะส่งตรวจ ซึ่งจะพบความผิดปกติที่มีลักษณะเฉพาะคือ คลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติแบบมีอาการชักชนิด 3 ครั้งต่อวินาที (3 Hz spike and wave)
แพทย์ต้องส่งตรวจอะไรเพิ่มเติมอีกนอกจากคลื่นไฟฟ้าสมอง?
ในการวินิจฉัยโรคลมชักชนิด/แบบเหม่อ นอกจากการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองแล้ว แพทย์อาจส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองหรือเอมอาร์ไอสมองเพื่อหาสาเหตุความผิดปกติในสมอง นอกจากนั้น กรณีวินิจฉัยได้แล้วว่าเป็นโรคลมชักชนิดเหม่อ แพทย์จะมีการตรวจเลือด เช่น เพื่อตรวจการทำงานของตับ ของไต ก่อนให้ยากันชัก
การรักษาด้วยยากันชักที่ได้ผลคือยาอะไร?
แนวทางการรักษาโรคลมชักชนิด/แบบเหม่อคือ การกินยากันชักและการปฏิบัติตนตามแพทย์พยาบาลแนะนำ
ก. ยากันชัก: ยาที่ใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อเช่น ยากันชักที่ชื่อว่า โซเดียมวาวโปเอต (Sodium valproate)
ข. การปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์: ที่สำคัญคือ
- กินยาที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- ไม่หยุดยาเอง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสิ่งทำให้เกิดการขาดสติที่ส่งผลถึงการรักษา
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อใด?
ผู้ป่วยโรคลมชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเสมอเมื่อ
- มีอาการชักรุนแรงขึ้นคือ ชักบ่อยขึ้น เกิดอุบัติเหตุจากการชัก การชักเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม (เช่น เปลี่ยนเป็นชักกระตุก)
- ทานยากันชักแล้วมีอาการผิดปกติหรือสงสัยแพ้ยา (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com 2 บทความคือ เรื่อง ยากันชัก และเรื่อง ยา Valproate)
- เมื่อกังวลในอาการ
การรักษาต้องทานยานานเท่าใด?
ในโรคลมชักชนิดเหม่อ ต้องทานยากันชักอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่งเพื่อควบคุมอาการให้ได้นานอย่างน้อย 2 ปี และแพทย์จะค่อยๆลดยากันชักลง จนอาจหยุดใช้ยาได้เหมือนการรัก ษาในโรคลมชักชนิดอื่นๆทุกชนิด (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โรคลมชัก)
ใครมีโอกาสเป็นโรคลมชักชนิดเหม่อได้บ่อย?
โรคลมชักชนิด/แบบเหม่อพบบ่อยในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ มักพบในช่วงอายุ 4 - 10 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เด็กที่มีประวัติไข้ชักและ/หรือมีประวัติโรคลมชักในครอบครัว มีโอกาสมากกว่าเด็กอื่นๆที่ไม่มีประวัติดังกล่าวที่จะเกิดโรคนี้
อนึ่ง ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรคลมชักชนิด/แบบเหม่อนี้
โรคลมชักชนิดเหม่อมีอันตรายต่อสมองหรือไม่?
เนื่องจากโรคลมชักชนิด/แบบเหม่อนั้นสามารถมีอาการได้บ่อยๆหลายครั้งต่อวัน ถึงแม้อาการจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ (เป็นวินาที) แต่เมื่อเป็นบ่อยก็จะส่งผลให้เด็กมีปัญหาต่อสมองในการเรียนรู้และระดับสติปัญญาอาจลดต่ำลงได้
ส่วนโอกาสการเกิดอุบัติเหตุนั้นพบได้ไม่บ่อย ยกเว้นเกิดอาการชักฯขณะขับรถและสูญ เสียการควบคุมตัวเองและรถ
นอกจากนี้ โรคนี้อาจส่งผลต่อพฤติกรรมเช่น การแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนๆได้
โรคลมชักชนิดเหม่อรักษาได้ผลหรือไม่? มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของโรคลมชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อ โดยทั่วไปเป็นโรคที่มีการพยากรณ์โรคที่ดี สามารถรักษาควบคุมโรคได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์โรคขึ้นกับการที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์เร็วหรือช้า ความสม่ำเสมอของการกินยารักษาตามแพทย์สั่ง และการดำเนินชีวิตประ จำวันตามคำแนะนำของแพทย์หรือไม่
ทั้งนี้ ผลการรักษาประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยตอบสนองดีต่อยา แต่ผู้ป่วย 1 ใน 3 มีอา การต่อเนื่องไปจนถึงผู้ใหญ่ และอาจเกิดการชักแบบชักเกร็งกระตุกทั้งตัวตามมาได้ถ้าขาดยา หรือตอบสนองต่อยาได้ไม่ดี
นอกจากนั้น ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ อันตรายต่อสมอง ถ้ารักษาควบคุมโรคได้ไม่ดี หรือพบแพทย์ล่าช้า ก็อาจทำให้มีระดับสติปัญญาลดต่ำลงได้
ผู้ป่วยห้ามทำกิจกรรมใดบ้าง?
โรคลมชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อมีอันตรายไม่มากนัก เพราะมีการเสียความรู้สึกตัวเพียงระยะเวลาสั้นๆ (เป็นวินาที) และไม่เสียการทรงตัว แต่ก็ไม่ควรขับรถหรือเล่นกีฬาผาดโผน และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ในขณะมีอาการ
ดูแลเด็กโรคลมชักชนิดเหม่ออย่างไร?
การดูแลเด็กโรคลมชักชนิดเหม่อ/แบบเหม่อที่สำคัญคือ
- การเตือน/การดูแลให้เด็กทานยากันชักให้สม่ำเสมอ
- ดูแลเด็กไม่ให้อดนอน
- ดูแลเด็กให้เล่นกีฬาตามความเหมาะสม
- แจ้งคุณครูและโรงเรียนให้ทราบและร่วมมือกันในการดูแลเด็ก
- ถ้าเด็กมีอาการผิดปกติมากขึ้นหรืออาการผิดไปจากเดิมหรือการชักเปลี่ยนรูปแบบไป(เช่น ชักกระตุก) ควรรีบพาไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด
ดูแลตนเองอย่างไร?
เมื่อเป็นโรคลมชักชนิด/แบบเหม่อ การดูแลตนเองได้แก่
ป้องกันเกิดโรคลมชักชนิดเหม่อได้อย่างไร?
ปัจจุบัน เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของโรคลมชักชนิด/แบบเหม่อ จึงยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดโรคนี้
สรุป
โรคลมชักชนิด/แบบเหม่อนี้พบบ่อยในเด็ก จึงต้องฝากผู้ปกครองคุณครูให้หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเด็กๆทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่มีผลการเรียนแย่ลงหรือมีพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม (เช่น การแยกตัว ขาดสมาธิ) ควรนำเด็กปรึกษาแพทย์ เพราะการวินิจฉัยโรคได้เร็วจะทำให้เด็กไม่ได้รับผลเสียมากนักต่อสมอง/สติปัญญา และสามารถหายเป็นปกติได้