ยาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอล (Chloramphenicol eye drop)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 8 กันยายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมหยอดตาควรทำอย่างไร?
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอลอย่างไร?
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลอย่างไร?
- ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยาหยอดตา (Eye drops)
- เยื่อตาอักเสบ (Conjunctivitis)
- คลอแรมเฟนิคอล (Chloramphenicol)
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
บทนำ
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล(Chloramphenicol eye drop) เป็นยาหยอดตาที่ผลิตจากยาปฏิชีวนะที่ชื่อคลอแรมเฟนิคอล(Chloramphenicol) นำมาใช้รักษาการอักเสบและการติดเชื้อแบคทีเรียของตา เช่น ตาแดงจากติดเชื้อแบคทีเรีย เยื่อตาอักเสบ และบาดแผลที่เกิดกับตา ยานี้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) ทางคลินิกมีการใช้ยานี้เป็นเวลานานจนกระทั่งปัจจุบัน
องค์การอนามัยโลกได้ระบุให้ตัวยาคลอแรมเฟนิคอลเป็นยาจำเป็นขั้นพื้นฐานที่สถานพยาบาลควรมีสำรองเพื่อให้บริการกับประชาชน และคณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้บรรจุยาคลอแรมเฟนิคอล เป็นอีกหนึ่งในรายการยาของบัญชียาหลักแห่งชาติ
รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยาคลอแรมเฟนิคอลที่พบเห็น และมีการใช้กันอยู่ ได้แก่ ยาใช้เฉพาะที่ อาทิ ยาหยอดตา ยาหยอดหู ขี้ผึ้งป้ายตา และยาฉีด
ก่อนการใช้ยาคลอแรมเฟนิคอลในทุกรูปแบบ ผู้บริโภคควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจยืนยันความเหมาะสมของการใช้ยานี้ เพราะถึงแม้ยาคอแรมเฟนิคอลจะเป็นยาที่ออกฤทธิ์กว้างขวางในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้อีกหลายชนิดเช่นกัน เช่น เชื้อไวรัส เชื้อรา แพทย์ผู้รักษาเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ประเมินได้ว่า ผู้ป่วยจะเหมาะสมกับการใช้ยานี้หรือไม่
ข้อที่ผู้บริโภคควรทราบก่อนการใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาคลอแรมเฟนิคอล
- สตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยาชนิดนี้ จึงห้ามใช้ยานี้เองโดยไม่ได้เป็นคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง หรือมีระดับเม็ดเลือดในร่างกายต่ำ หรือเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะไขกระดูกทำงานผิดปกติ
- กรณีที่มี ยาหยอดตา ยาป้ายตา ชนิดอื่นใช้อยู่ก่อน ต้องแจ้งแพทย์ เภสัชกร เพื่อพิจารณาปรับแนวทางการใช้ยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยมากขึ้น
- ผู้บริโภค/ผู้ป่วยควรใช้ยานี้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้อาการของโรคตาหายเป็นปกติโดยเร็ว
อนึ่งการใช้ยาหยอดตาชนิดต่างๆที่รวมถึงยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้ เช่น
- ล้างมือก่อนและหลังใช้ยา
- เปิดฝาครอบขวดยา ห้ามมิให้ปลายขวดยาสัมผัส ลูกตา เปลือกตา/หนังตา นิ้วมือทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการปนเปื้อนของสิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคชนิดอื่นไม่ให้เข้าตานั่นเอง
- เงยศีรษะและใช้นิ้วมือดึงลงเปลือกตาล่างเพียงเบาๆ ขณะเหลือกตามองในมุมสูง
- บีบยาหยอดตา หยดยาลงในช่องระหว่างเปลือกตาล่างกับลูกตา
- หลับตาและใช้นิ้วมือคลึงมุมหัวตาเพียงเบาๆ เพื่อให้ตัวยากระจายทั่วตาแล้วรออย่างน้อย 1 นาที จึงค่อยลืมตา
โดยทั่วไป การใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล จะต้องหยอดยาทุกๆ 3 ชั่วโมง เป็นเวลา 48 ชั่วโมง หรือเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งการใช้ยานี้ในช่วงประมาณ 10-15นาทีหลังหยอดยา อาจส่งผลต่อการมองเห็น เช่น มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจึงควรหลีกเลี่ยง การเคลื่อนที่ การขับขี่ยวดยานพาหนะต่างๆ และ/หรือ การทำงานกับเครื่องจักร เพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
*กรณีที่พบอาการแพ้ยา หลังการหยอดตาด้วยยานี้ เช่น หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก มีไข้ ใบหน้าบวม มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง ให้หยุดการใช้ยานี้ทันที แล้วรีบนำผู้ป่วยมาพบแพท/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว ทันที/ฉุกเฉิน
อนึ่ง การใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล อาการป่วยของตา จะค่อยๆฟื้นสภาพและกลับเป็นปกติในเวลาไม่นานประมาณ 3-7วัน กรณีที่อาการของตาไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ยานี้ตามระยะเวลาที่เหมาะสม(ประมาณ 2-3 วัน) หรือ อาการกลับเลวลง ผู้ป่วยควรต้องรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล เมื่อเปิดใช้แล้ว สามารถเก็บต่อเนื่องได้อีก 28 วันเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการใช้ยานี้ที่อาจเกิดการปนเปื้อนสิ่งสกปรก ที่รวมถึงเชื้อโรค และรวมถึงยาที่สัมผัสกับ อากาศ และสภาพแวดล้อม อาจมีอายุการเก็บรักษาได้สั้นลง
ผู้บริโภค/ผู้ป่วยสามารถพบเห็นการใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลได้ในสถานพยาบาลต่างๆ และมีจำหน่ายตามร้านขายยาโดยทั่วไป และหากผู้บริโภค/ผู้ป่วยต้องการทราบข้อมูลการใช้ยานี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามจากแพทย์ผู้ทำการรักษา หรือขอคำแนะนำได้จากเภสัชกรตามร้ายขายยาทั่วไป
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช่เพื่อ รักษาตาอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เยื่อตาอักเสบ
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีกลไกการออกฤทธิ์โดย ตัวยาคลอแรมเฟนิคอล จะยับยั้งการสังเคราะห์สารโปรตีนที่เป็นตัวตั้งต้นของสารพันธุกรรมในแบคทีเรีย หรือที่เรียกว่า ไรโบโซม(Ribosome) นอกจากนี้ ตัวยานี้ยังป้องกันการเชื่อมโยงสารโปรตีนที่มีการสังเคราะห์ไว้แล้ว จึงทำให้แบคทีเรียไม่สามารถเจริญเติบโต และตายลงในที่สุด จากกลไกดังกล่าวส่งผลให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
ยาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็น ยาหยอดตาขนาดความเข้มข้น 0.5%
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น
- ผู้ใหญ่: หยอดตาข้างที่ติดเชื้อแบคทีเรีย ครั้งละ 2 หยดทุกๆ 3 ชั่วโมง เป็นเวลา 48 ชั่วโมง หรือใช้ยาตามคำสั่งแพทย์
- เด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป: ขนาดการใช้ยาของเด็กในวัยนี้ ให้เป็นไปตามคำสั่งแพทย์
- เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี: ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี
อนึ่ง
- กรณีใช้ยานี้แล้ว 48 ชั่วโมง อาการไม่ดีขึ้น ให้ผู้ป่วยกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินการรักษาอีกครั้ง
- ห้ามใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลติดต่อกันเกิน 5 วัน
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียง ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยา และ/หรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น และ/หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆและ/หรือกับอาหารเสริมที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตรเพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมหยอดตาควรทำอย่างไร?
หากลืมใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล สามารถใช้ยาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการหยอดตาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ยาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)จากการใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลตามคำสั่งแพทย์ เท่าที่มีรายงาน จะเป็นเรื่องตาพร่าหลังการใช้ยา และผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกแสบคันตาได้บ้าง
สำหรับผลข้างเคียงต่อระบบเลือด หรือต่อการกดการทำงานไขกระดูกจากการใช้ยานี้จะพบได้น้อย
อย่างไรก็ตาม หากพบอาการที่ผิดปกติ หรือมีลักษณะของการแพ้ยานี้ ต้องหยุดการใช้ยานี้ทันที และรีบนำผู้ป่วยมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว ทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาคลอแรมเฟนิคอล
- ห้ามหยอดตาขณะใส่คอนแทคเลนส์
- ห้ามปรับขนาดการหยอดตาหรือใช้ยานี้นานเกิน 5 วัน
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามรับประทาน กรณีกลืนยานี้เข้าปาก ให้รีบนำผู้ป่วยมาโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ทำการบำบัดรักษา
- แจ้งแพทย์ทุกครั้งว่ามีการใช้ยาหยอดตา ยาป้ายตา ชนิดอื่นอยู่ก่อนหรือไม่
- หลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะ การควบคุมเครื่องจักร ขณะเกิดตาพร่าจากการ หยอดตา ด้วยจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
ยาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ด้วยยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอลเป็นรูปแบบยาหยอดตา ที่จัดเป็นยาใช้เฉพาะที่ จึงไม่ค่อยพบมีรายงานการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาชนิดรับประทานใดๆ แต่กรณีมีความผิดปกติเกิดขึ้นหลังใช้ยานี้กับยารับประทานชนิดใดก็ตาม ให้รีบนำตัวผู้ป่วยมาพบแพทย์ที่สถานพยาบาลโดยเร็ว หรือทันที/ฉุกเฉิน ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น
ควรเก็บรักษายาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอลอย่างไร
ควรเก็บยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล ภายใต้อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ห้ามเก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และเก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น
ยาหยอดตา คลอแรมเฟนิคอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า/บริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Archifen Eye (อาร์ชิเฟน อาย) | Archifar |
CD-Oph (ซีดี-ออฟ) | Seng Thai |
Chloracil (คลอราซิล) | Siam Bheasach |
Chloroph (คลอรอพ) | Seng Thai |
Levoptin Simplex (เลวอพทิน ซิมเพล็กซ์) | Archifar |
Silmycetin Eye Drops (ซิลมายเซติน อาย ดร็อปส) | Silom Medical |
Vanafen S (เวนาเฟน เอส) | Atlantic Lab |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Chloramphenicol [2016,Aug20]
- https://www.medicines.org.uk/emc/PIL.23169.latest.pdf [2016,Aug20]
- http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/search?keyword=chloramphenicol [2016,Aug20]
- https://www.drugs.com/uk/pdf/leaflet/718582.pdf [2016,Aug20]