มาร์วีลอน (Marvelon)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยามาร์วีลอน(Marvelon) เป็นยาชื่อการค้าของยาเม็ดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเพศ 2 ตัว คือ ดีโซเจสตรีล (Desogestrel) และเอทินิล เอสตร้าไดออล(Ethinyl estradiol) กลไกการออกฤทธิ์ของยามาร์วีลอนจะคล้ายคลึงกับยาเม็ดคุมกำเนิดทั่วๆไป คือ ป้องกันการตกไข่ของแต่ละรอบประจำเดือน และทำให้บริเวณปากมดลูกมีสารเมือกหนาตัวขึ้น จนทำให้ตัวอสุจิผ่านเข้าในโพรงมดลูกได้ยากขึ้น

รูปแบบผลิตภัณฑ์ของยามาร์วีลอน จะเป็นยาชนิดรับประทาน มีทั้งขนาดบรรจุ 21 เม็ด/แผง ที่การใช้ยาจะต้องรับประทานวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันจนครบ 21 วัน จากนั้นเว้นระยะเวลาโดยงดรับประทานไปอีก 7 วัน จึงเริ่มใช้ยาแผงใหม่, และอีกกรณีจะเป็นขนาดบรรจุ 28 เม็ด/แผง ซึ่งให้รับประทานวันละ 1 เม็ด ในเวลาเดียวกันทุกวัน และให้รับประทานจนหมดแผงเช่นกัน คือ ครบ 28 เม็ด(โดยจะเป็นตัวยาจริง 21 เม็ด และตัวยาหลอก อีก 7 เม็ด เพื่อช่วยให้กินยาแพงใหม่ได้ถูกต้อง แม่นยำ ไม่ลืม)แล้วจึงเริ่มรับประทานยาแผงใหม่

ทั้งนี้ สำหรับสตรีที่มีร่างกายปกติ จะมีรอบเดือนมา หลังจากใช้ยานี้ เม็ดที่ 21 ไปแล้วประมาณ 2-3 วัน

ข้อดีของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดมาร์วีลอนอาจกล่าวได้ดังนี้ เช่น

  • เมื่อหยุดใช้ยานี้ก็สามารถทำให้มีบุตรได้ทันทีที่ต้องการ
  • การใช้ยาคุมกำเนิดนี้ ไม่ได้รบกวนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของสามี-ภรรยาแต่อย่างใด
  • สามารถควบคุมการมีประจำเดือนให้มาเป็นปกติ และมีอาการการปวดประจำเดือนน้อยลง
  • สามารถช่วยลดอาการจากกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนของสตรีลงได้

อย่างไรก็ดี ยามาร์วีลอน ไม่สามารถใช้เป็นยาป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้(เช่น เอชไอวี) วัตถุประสงค์หลักๆของการใช้ยานี้ คือ การคุมกำเนิด และป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น

ก่อนการใช้ยาคุมกำเนิดใดๆรวมถึงยามาร์วีลอน แพทย์มักจะขอตรวจวัดความดันโลหิต และสอบถามประวัติสุขภาพผู้ป่วย/ผู้บริโภคว่า มีปัญหาของเนื้องอก หรือก้อนในเต้านม หรือมะเร็งเต้านมหรือไม่ และระหว่างที่มีการรับประทาน/การใช้ยาคุมกำเนิดก็ควรต้องนัดพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเป็นระยะๆตามคำแนะนำของแพทย์ ด้วยยาคุมกำเนิด สามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ เช่น ประจำเดือนกระปริบกระปรอย หรือมีก้อนในเต้านม

ผู้ใช้ยาคุมกำเนิดรวมถึงยามาร์วีลอน ควรได้รับการตรวจสอบ/การตรวจร่างกายและการตรวจสืบค้นจากแพทย์เป็นระยะๆ ดังนี้ เช่น

  • ตรวจบริเวณเต้านมว่ามีก้อนเนื้อที่ผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่
  • ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของมดลูก และปากมดลูก อย่างเช่น การตรวจ Pap smear
  • ตรวจสอบการทำงานของระบบการไหลเวียนของเลือด
  • กรณีที่มีแผนต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรต้องงดการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดล่วงหน้าประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ไม่เหมาะต่อการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่รวมถึงยามาร์วีลอน เช่น

  • ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดอุดตัน หรือมีหลอดเลือดดำขอดที่บริเวณขา
  • ผู้ที่มีประวัติของโรคหัวใจ อย่างเช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือ หัวใจล้มเหลว รวมถึงผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอก/ แน่นหน้าอกบ่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกอาการของโรคหัวใจ
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานในระยะรุนแรงที่มีภาวะเส้นเลือด/หลอดเลือดถูกทำลายร่วมด้วย
  • ผู้ที่มีภาวะไขมันคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดสูง
  • ผู้ที่มีภาวะปวดศีรษะไมเกรน ประเภท เห็นแสงวูบวาบ ตาพร่า (Migraine with aura)
  • ผู้ที่มีระดับกรดอะมิโนชนิดโฮโมซีสเตอีนสูงเกินไป (Hyperhomocysteinemia)
  • ผู้ที่มีภาวะโรคตับอย่างรุนแรง รวมถึงเนื้องอกตับ
  • ผู้ที่มีโรค มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หรือมะเร็งรังไข่
  • มีประจำเดือนกะปริบกะปรอยโดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุ

กรณีสตรีที่มีร่างกายปกติและเริ่มรับประทานยามาร์วีลอนหรือยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใดๆ หากพบอาการดังต่อไปนี้ปรากฏขึ้น ควรต้องรีบขอคำแนะนำจากแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพร่างกายว่าเหมาะสมที่จะใช้ยาคุมกำเนิดต่อหรือไม่ อาทิ เช่น

  • มีปัญหาเรื่องการไหลเวียนโลหิต อย่างเช่น อาการเจ็บหน้าอก เกิดภาวะเส้นเลือดขอด
  • ตรวจเลือดพบภาวะเบาหวาน หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
  • ตรวจเลือดพบภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
  • ตรวจเลือดพบเกิดปัญหากับระบบการทำงานของไต หรือของตับ
  • มีภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง
  • เกิดอาการปวดหัวไมเกรนบ่อยครั้ง
  • มีอาการผื่นคัน ตัวเหลืองตาเหลือง มีการได้ยินเสียงผิดปกติ ตาพร่า
  • เกิดฝ้าบริเวณใบหน้าหรือตามร่างกาย
  • มีภาวะหลอดเลือดดำตามร่างกายอักเสบ

คณะกรรมการอาหารและยาของไทย ได้กำหนดให้ยาเม็ดคุมกำเนิดมาร์วีลอนอยู่ในหมวดยาอันตราย ต้องรับประทานและมีระยะเวลาของการใช้ยาอย่างเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และก่อนการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดใดก็ตามรวมถึงยามาร์วีลอน ควรต้องปรึกษาแพทย์/เภสัชกร เพื่อยืนยันความเหมาะสมของการใช้ยานี้ทุกครั้งไป

มาร์วีลอนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

มาร์วีลอน

ยามาร์วีลอนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • ใช้เป็นยาเม็ดคุมกำเนิด ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์

มาร์วีลอนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยามาร์วีลอนคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ของสตรีในแต่ละรอบประจำเดือน และทำให้ปากมดลูกเกิดมีเมือกเหนียวที่ส่งผลให้ตัวอสุจิไม่สามารถเข้าในโพรงมดลูกได้ จากกลไกที่กล่าวมาทั้งหมด จึงส่งผลให้เกิดฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตามสรรพคุณ

มาร์วีลอนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยามาร์วีลอนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็น ยาเม็ดชนิดรับประทานที่มีจำนวน 21 และ 28 เม็ด โดย

ก.ประเภท/รูปแบบ 21 เม็ด: ใน 1 เม็ด ประกอบไปด้วยยาฮอร์โมน Desogestrel 0.15 มิลลิกรัม + Ethinyl estradiol 0.030 มิลลิกรัม

ข.ประเภท 28 เม็ด: ประกอบไปด้วยยาฮอร์โมน Desogestrel 0.15 มิลลิกรัม + Ethinyl estradiol 0.030 มิลลิกรัม/เม็ด 21 เม็ด และยาหลอกไม่มีฮอร์โมนอีก 7 เม็ด

มาร์วีลอนมีขนาดการใช้ยาอย่างไร?

ยามาร์วีลอนมีขนาดการใช้ยา ดังนี้

ก.กรณีรับประทานแบบ 21 เม็ด: สตรีวัยเจริญพันธ์ รับประทานยาวันละ 1 เม็ดก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันของแต่ละวันเพื่อคงระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายให้คงที่ เมื่อรับประทานครบ 21 เม็ด ให้หยุดการรับประทาน 7 วัน โดยทั่วไป หลังจากรับประทานยาฮอร์โมนเม็ดที่ 21 ไปแล้ว 2 – 3 วัน ก็จะมีประจำเดือน และในวันที่ 8 ของการหยุดใช้ยา ให้เริ่มรับประทานยามาร์วีลอนแผงใหม่ในขนาดและเวลาเดิม

ข.กรณีรับประทานแบบ 28 เม็ด: สตรีวัยเจริญพันธ์ รับประทานยาเหมือนแบบ 21 เม็ด แต่ในวันที่ 22 – 28 ให้รับประทานยาหลอกวันละ 1 เม็ด หลังจากนั้นให้เริ่มรับประทานยามาร์วีลอนแผงใหม่ในขนาดและเวลาเดิม ซึ่งโดยทั่วไป ในช่วงที่รับประทานยาหลอกไปแล้ว 2 – 3 วัน ก็จะเริ่มมีประจำเดือน

อนึ่ง:

  • การลืมรับประทานยานี้เม็ดที่มีฮอร์โมน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด จนอาจเกิดการตั้งครรภ์ตามมาได้ ดังนั้นหากลืมรับประทานยาเม็ดที่มีฮอร์โมน ควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ถุงยางอนามัยชาย
  • การรับประทานยานี้เกินขนาด อาจมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน และมีเลือดประจำเดือนมาผิดปกติ
  • ห้ามใช้ยานี้กับ เด็ก สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยามาร์วีลอน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคความดันโลหิตสูง ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน/ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไมเกรน รวมถึงกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยามาร์วีลอนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยามาร์วีลอนที่มีฮอร์โมน 1 เม็ด ให้รับประทานยานี้ทันทีที่นึกขึ้นได้ หากเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยานี้ในวันถัดมา ให้รับประทานยานี้ 2 เม็ด และรับประทานยาวันถัดไป 1 เม็ดเหมือนปกติ

หากลืมรับประทานยานี้ที่มีฮอร์โมน 2 เม็ดติดต่อกันภายในช่วง 2 สัปดาห์แรก ให้รับประทานยานี้ครั้งละ 2 เม็ด ติดต่อกัน 2 วัน จากนั้นให้รับประทานยาวันละ 1 เม็ดเหมือนปกติ

หากลืมรับประทานยาหลอก ให้รับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ แต่ถ้าเวลาใกล้เคียงกับยามื้อถัดไป ให้รับประทานยามื้อถัดไป โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า และทิ้งยาหลอกเม็ดที่ลืมไป

กรณีที่ลืมรับประทานยานี้ที่เป็นยาเม็ดฮอร์โมน แตกต่างไปจากที่กล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อแพทย์ปรับแนวทางการรับประทานยาใหม่ และในระหว่างนี้ ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย อย่างเช่น ถุงยางอนามัยชาย

มาร์วีลอนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยามาร์วีลอนสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น

  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ท้องอืด เป็นตะคริวที่ท้อง ท้องเสีย กรดไหลย้อน คลื่นไส้ อาเจียน
  • ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ: เช่น เจ็บตึง/คัดเต้านม เต้านมโตขึ้น
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ
  • ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น น้ำหนักตัวเพิ่มหรือไม่ก็ลดลง

กรณีที่ใช้ยามาร์วีลอนไปสักระยะหนึ่ง หากพบอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลด่วน เช่น คลำพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านม มีเลือดประจำเดือนไหลมากผิดปกติ ไม่มีประจำเดือนเลย ตัวบวม ปวดขณะปัสสาวะ ติดเชื้อบริเวณช่องคลอด/ช่องคลอดอักเสบ มีตกขาวมาก มีภาวะซึมเศร้า เกิดอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดศีรษะไมเกรนบ่อยครั้ง มีความดันโลหิตสูง มีภาวะของโรคตับซึ่งสังเกตจากตัวเหลือง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด ปัสสาวะมีสีเข้มและอุจจาระมีสีซีด เป็นต้น

มีข้อควรระวังการใช้มาร์วีลอนอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยามาร์วีลอน เช่น

  • ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานี้ หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
  • ก่อนการเริ่มใช้ยามาร์วีลอน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
  • ห้ามใช้ยานี้กับ เด็ก สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  • ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
  • ระวังการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ที่สามารถสังเกตได้จากอาการเจ็บหน้าอก/ แน่นหน้าอก หายใจขัด/หายใจลำบาก ตาพร่า พูดจาไม่ชัด ปวดศีรษะรุนแรง อ่อนเพลีย อาการชาตามแขน-ขา ซึ่งหากพบอาการเหล่านี้ ต้องรีบมาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • การใช้ยาคุมกำเนิดทุกประเภทรวมยามาร์วีลอน ควรตรวจคลำเต้านมว่า พบก้อนเนื้อที่ผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ หากพบว่ามีก้อนเนื้อในเต้านมเกิดขึ้น ให้รีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยด่วน
  • ระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิดทุกชนิดรวมยามาร์วีลอน ให้งดการสูบบุหรี่ ด้วยจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจตามมา
  • ควรมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัด เพื่อแพทย์ตรวจสอบสภาพร่างกาย รวมถึงสภาพอารมณ์ว่า ยังเป็นปกติ และช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของการใช้ยาคุมกำเนิด
  • หยุดการใช้ยามาร์วีลอนตามแพทย์แนะนำ กรณีที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
  • หากพบอาการแพ้ยาหรือแพ้ส่วนผสม/ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ยาคุมกำเนิดใดๆรวมถึงยามาร์วีลอน เช่น เกิดผื่นคันเต็มตัว หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ตัวบวม ต้องหยุดการใช้ยานี้ทันที แล้วรีบพาผู้ป่วยมาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยามาร์วีลอนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บhaamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

มาร์วีลอนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยามาร์วีลอนสามารถก่อให้เกิดภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)กับยาอื่นๆหลายประเภท ดังนั้นการใช้ยามาร์วีลอนควรต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบว่ามีการใช้ยาประเภทใดอยู่ก่อนหรือไม่ โดยอาจแจกแจงรายการยาที่สามารถทำให้เกิดภาวะยาตีกันกับยามาร์วีลอนได้ดังต่อไปนี้ เช่นยา Primidone, Phenytoin, Barbiturates, Carbamazepine, Oxcarbazepine, Topiramate, Felbamate, Rifampicin, Rifabutin, Ritonavir, Boceprevir/ยาต้านไวรัส, Telaprevir/ยาต้านไวรัส, Penicillins, Tetracyclines, Metronidazole, Griseofulvin, Clofibrate, St. John’s wort/สมุนไพรชนิดหนึ่ง, Insulin, Prednisone, Chloral hydrate, Glutethimide, Meprobamate, Clomipramine, Phenylbutazone, Vitamin E, Vitamin B12, Cyclosporine

ควรเก็บรักษามาร์วีลอนอย่างไร?

ควรเก็บยามาร์วีลอนภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

มาร์วีลอนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยามาร์วีลอนที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Daisy (เดย์ซี่)Famy Care
Femine 30 (เฟมีน 30)Millimed
Marvelon 21/Marvelon 28 (มาร์วีลอน 21/มาร์วีลอน 28)MSD
Mercilon 21/Mercilon 28 (เมอร์ซิลอน 21/เมอร์ซิลอน 28)MSD
Minny/Minny 28 (มินนี/มินนี 28)Biolab 
Novynette (โนวีเน็ท)Gedeon Richter
Oilezz (ออยเลซ)Aspen Pharmacare

อนึ่ง ยาชื่อการค้าของยานี้ในต่างประเทศ เช่น Apri , Caziant, Cesia, Cyclessa, Desogen, Enskyce, Kariva, Mircette, Ortho-Cept, Reclipsen, Solia, Velivet

บรรณานุกรม

  1. http://www.merck.ca/assets/en/pdf/products/ci/MARVELON-CI_E.pdf [2016,Oct15]
  2. https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/2392 [2016,Oct15]
  3. https://www.drugs.com/uk/marvelon-1994.html [2016,Oct15]
  4. http://www.mims.com/thailand/drug/info/marvelon%2021-marvelon%2028 [2016,Oct15]