ภาวะขาดแคลเซียม (Calcium inadequacy)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 12 ธันวาคม 2562
- Tweet
- บทนำ :คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- แคลเซียมคืออะไร?มีหน้าที่อย่างไร?
- แหล่งแคลเซียม
- อะไรเป็นสาเหตุของภาวะขาดแคลเซียม?
- ภาวะขาดแคลเซียมมีอาการอย่างไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะขาดแคลเซียม?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดแคลเซียมได้อย่างไร?
- รักษาภาวะขาดแคลเซียมอย่างไร?
- ภาวะขาดแคลเซียมมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ภาวะขาดแคลเซียมมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีภาวะขาดแคลเซียม?
- ป้องกันภาวะขาดแคลเซียมได้อย่างไร?
- ปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีที่ควรได้รับต่อวัน
- บรรณานุกรม
- แคลเซียม เกลือแร่แคลเซียม (Calcium)
- แคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia)
- แคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia)
- โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง (Osteoporosis and Osteopenia)
- ยาฮอร์โมนทดแทนวัยขาดฮอร์โมนเพศหญิง (Hormone replacement therapy for menopause)
- วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
- เอสโตรเจน (Estrogen)
- ตรวจสุขภาพ (Medical checkup)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
โรค/ภาวะขาดแคลเซียม หรือ การขาดแคลเซียม(Calcium deficiency หรือ Calcium inadequacy/แคลเซียมไม่พอ) หรือหลายคนเรียกว่า ภาวะแคลเซียมต่ำ หรือ แคลเซียมในเลือดต่ำ(Hypocalcemia) คือ ภาวะที่ร่างกายมีเกลือแร่แคลเซียมในเลือดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ที่มักเกิดจากการบริโภคอาหารที่มีแคลเซี่ยมต่ำ หรือเกิดในภาวะที่ร่างกายมีความต้องการแคลเซียมสูงขึ้น เช่น วัยเด็ก, วัยรุน, ซึ่งการขาดแคลเซียมจะส่งผลต่อการทำงานของทุกระบบอวัยวะโดยเฉพาะกระดูก จึงก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆได้หลากหลาย
ภาวะขาดแคลเซียม พบบ่อยทั่วโลก แต่ไม่มีรายงานภาพรวมถึงสถิติการเกิด เพราะมักรายงานสถิติของแต่ละโรคที่เกิดจากขาดแคลเซียม เช่น โรคกระดูกพรุน เป็นต้น ภาวะขาดแคลเซียมพบทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ไปจนถึงผู้สูงอายุ (พบสูงขึ้นในวัยกำลังเจริญเติบโต และในผู้สูงอายุ) พบในเพศหญิงบ่อยกว่าเพศชายจากเพศหญิงมีการตั้งครรภ์ การให้นมบุตร และมีวัยหมดประจำเดือน
แคลเซียมคืออะไร? มีหน้าที่อะไร?
แคลเซียม(Calcium) เป็นเกลือแร่/แร่ธาตุที่มีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และยังมีหน้าที่ช่วยในการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น
- เป็นสาร เมสเซนเจอร์ (Messenger)ระหว่างเซลล์ต่างๆทั่วร่างกายเพื่อช่วยติดต่อประสานงานระหว่างเซลล์ต่างๆให้ทำงานได้ประสิทธิภาพ
- เป็นตัวช่วยส่งกระแสประสาท
- ช่วยในการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ
- ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
- ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายทั้งการหดตัวและการคลายตัวที่รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจ
แหล่งแคลเซียม:
ประมาณ 99%ของแคลเซียมในร่างกาย จะถูกสะสมไว้ที่กระดูกและฟันซึ่งร่างกายจะดึงแคลเซียมที่สะสมไว้นี้ออกมาใช้กรณีร่างกายมีแคลเซียมในเลือดต่ำ/ภาวะขาดแคลเซียม
ทั้งนี้ แหล่งสำคัญของแคลเซียม คือ อาหาร/เครื่องดื่มที่บริโภคในทุกวันที่สำคัญคือ นม และจากการกินแคลเซียมเสริมอาหาร เช่น ในรูปแบบยาแคลเซียม เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต หรือในรูปแบบอาหารเสริม/การเสริมอาหาร เช่น ในอาหารเช้าCerealที่เพิ่มแคลเซียม, เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพต่างๆของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เช่น นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม เป็นต้น
แหล่งอาหารแคลเซียม:
อาหารธรรมชาติที่มีแคลเซียมสูงคือ นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต เนยแข็ง, ปลาซาลมอน, ปลาซาร์ดีน
ส่วนพืชบางชนิดจะมีแคลเซียมสูง แต่เป็นแคลเซียมชนิดมีคุณภาพต่ำกว่าแคลเซียมจากสัตว์ ซึ่งเป็นที่มาของการพบผู้ที่เป็นมังสวิรัติชนิดเคร่งครัด(ไม่กิน/ไม่ใช้ทุกอย่างจากสัตว์)มีโอกาสสูงที่จะมีภาวะขาดแคลเซียม โดยพบได้สูงกว่าผู้รับประทานอาหารปกติ/กินนมได้ โดยผักที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ ผักที่มีสีเขียวเข้ม เช่น คะน้ำ บรอคโคลิ ผักขม
อะไรเป็นสาเหตุของภาวะขาดแคลเซียม?
สาเหตุของการขาดแคลเซียม ได้แก่
- ได้รับอาหารที่มีแคลเซียมต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่วัยเด็ก ที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโต(ความสูง)และความแข็งแรงของกระดูก และเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคกระดูกบาง จนถึงโรคกระดูกพรุน และกระดูกหักในที่สุดเมื่อเติบโตขึ้น
- ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากระบบทางเดินอาหารได้น้อยลง เช่น ใน
- โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- กินยาบางชนิดที่รบกวนการดูดซึมแคลเซียม เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์, ยาที่มีส่วนประกอบของเกลือโซเดียม เช่น ยาลดกรดบางชนิด
- กินอาหารที่มีใยอาหารชนิดไม่ละลาย(Insoluble fiber)ปริมาณมากต่อเนื่อง เช่น ธัญพืชของข้าวสาลี
- กินอาหารหมักดองและ/หรือแปรรูปปริมาณสูงเป็นประจำ
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากต่อเนื่อง
- โรคของตับอ่อน เช่น ตับอ่อนอักเสบ
- ร่างกายขับแคลเซียมออกจากร่างกายผ่านทางไต/ทางปัสสาวะมากเกินปกติ เช่น
- โรคไตเรื้อรัง
- การใช้ยาบางชนิดต่อเนื่อง เช่นยาขับปัสสาวะกลุ่มThiazides
- ดื่มเครื่องดื่มมีกาเฟอีนสูง ปริมาณมากต่อวันต่อเนื่อง เช่น กาแฟ โคลา
- บริโภคเครื่องดื่ม/อาหารที่มีฟอสเฟตสูงต่อเนื่อง เช่น โคลา เนื้อแดง
- ขาดวิตามินดี
- ร่างกายขาดเอนไซม์ย่อยน้ำตาลLactoseในนม จึงส่งผลให้ดื่มนมไม่ได้ ดื่มนมแล้วจะท้องเสีย จึงส่งผลให้ร่างกายขาดอาหารที่มีแคลเซียมสูงซึ่งคือนม
- ร่างกายขาดฮอร์โมนที่ใช้ช่วยสะสมแคลเซียมในกระดูก เช่น ในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะสตรีวัยหมดประจำเดือน
- โรคทางพันธุกรรมบางชนิด ที่ทำให้ร่างกายสะสมแคลเซียมไม่ได้ หรือทำให้ไตขับแคลเซียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะสูงกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุกลุ่มนี้ พบได้น้อยมาก
ภาวะขาดแคลเซียมมีอาการอย่างไร?
อาการ และความรุนแรงของอาการจากร่างกายขาดแคลเซียมมีปัจจัยหลากหลาย ที่สำคัญ เช่น เป็นการขาดแคลเซียมในปริมาณน้อยหรือมาก, เป็นการขาดแคลเซียมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหรือไม่, เพศ, อายุผู้ป่วย, โรคประจำตัว, ยาต่างๆที่ใช้ประจำ, ภาวะประจำเดือนกรณีเป็นสตรี, และขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซียม
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป อาการที่พบได้ เช่น
- อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
- กล้ามเนื้อเป็นตะคริวบ่อย
- รู้สึกชาตาม ร่างกาย ใบหน้า แขน ขา บ่อย
- เจ็บหน้าอกบ่อย
- เป็นลมง่าย
- เล็บเปราะ ฉีกง่าย
- ขน/ผมหยาบ
- ผิวแห้ง
- คันเรื้อรังโดยไม่มีผื่น
- ความจำไม่ดี สับสนง่าย
- ซึมเศร้า
- ฟันผุง่าย
- อาการจากโรคกระดูกพรุน
- กระดูกหักง่าย
- ถ้าแคลเซียมในเลือดต่ำมาก อาจก่ออาการชักได้
- บางคนที่แคลเซียมต่ำไม่มาก อาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่ถ้าต่ำต่อเนื่อง จะพบภาวะกระดูกบางได้จากการตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะขาดแคลเซียม?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะขาดแคลเซียม ได้แก่
- กินอาหารมังสวิรัติแบบเคร่งครัดที่ไม่ดื่มนมและไม่บริโภคทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัตว์
- มีโรคระบบทางเดินอาหารเรื้อรัง เช่น ลำไส้อักเสบชนิดเรื้อรัง หรือลำไส้แปรปรวนชนิดท้องเสีย
- โรคไตเรื้อรัง
- ตับวายเรื้อรัง
- ขาดวิตามินดี
- สตรีวัยหมดประจำเดือน
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
โดยทั่วไป ภาวะขาดแคลเซียมที่ไม่ใช่เกิดจากโรค มักเป็นการขาดแคลเซียมไม่มาก ผู้ป่วยจึงมักไม่มีอาการผิดปกติโดยเฉพาะอาการที่เกิดแบบเฉียบพลัน เช่น อาการชัก สับสน เป็นลม เป็นต้น ซึ่งอาการเฉียบพลันจะเป็นอาการที่ทำให้ผู้ป่วยต้องพบแพทย์/มาโรงพยาบาลอยู่แล้ว แต่อาการจากขาดแคลเซียมไม่มาก มักจะเป็นอาการเรื้อรังทางกระดูก คือ ฟันผุง่าย กระดูกบาง กระดูกพรุน ที่ตามมาด้วยกระดูกหักง่าย
ดังนั้น ทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มมีปัจจัยเสี่ยงจึงควรพบแพทย์เพื่อ ตรวจสุขภาพประจำปี สม่ำเสมอ เพื่อแพทย์วินิจฉัย และ/หรือให้คำแนะนำป้องกัน/รักษาภาวะฯนี้แต่เนิ่นๆ
แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดแคลเซียมได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดแคลเซียมได้จาก
- ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น เพศ อายุ การมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังกล่าวในหัวข้อ”ปัจจัยเสี่ยงฯ” อาการผิดปกติต่างๆ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยาต่างๆ ประเภทอาหาร/ เครื่องดื่ม การออกกำลังกาย
- การตรวจร่างกาย และ
- ถ้าสงสัยแพทย์จะตรวจเลือดเพื่อดูระดับแคลเซียมในเลือด
รักษาภาวะขาดแคลเซียมอย่างไร?
แนวทางรักษาภาวะขาดแคลเซียม ได้แก่
- การให้กิน อาหาร เครื่องดื่ม ประเภทมี แคลเซียมสูงและวิตามินดีสูง
- การใช้ยาแคลเซียมเสริมอาหาร เช่นยา แคลเซียมคาร์บอเนต
- การรักษาโรค/ภาวะที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น
- ให้ยาฮอร์โมนกรณีสาเหตุเกิดจากการขาดฮอร์โมน
- ปรับเปลี่ยนยา กรณีสาเหตุเกิดจากยา
- รักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคไต โรคตับ โรคระบบทางเดินอาหาร
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่สำคัญ เช่น
- เลิก/ลดปัจจัยเสี่ยงที่ลดระดับแคลเซียมในร่างกาย เช่น ลดปริมาณเครื่องดื่ม กาเฟอีน, แอลกอฮอล์, โคลา
- เลิกบุหรี่
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบในทุกวัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพในทุกวัน
ภาวะขาดแคลเซียมมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากภาวะขาดแคลเซียม ที่สำคัญคือ
- ภาวะ/โรคกระดูกบาง
- โรคกระดูกพรุน
- ฟันผุง่าย และ
- กระดูกหักง่าย
ภาวะขาดแคลเซียมมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคในภาวะขาดแคลเซียม จัดเป็นภาวะที่ไม่ทำให้ถึงตาย เป็นภาวะที่แพทย์รักษาควบคุมอาการโรคได้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากตัวผู้ป่วยเอง และครอบครัวผู้ป่วย นอกจากนั้นภาวะนี้ยังเป็นภาวะที่มีวิธีป้องกันการเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีภาวะขาดแคลเซียม?
การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะขาดแคลเซียม ได้แก่
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล โภชนากร แนะนำ
- กินยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ไม่ขาดยา ไม่หยุดยาเอง
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูง
- ตากแดดอ่อนๆทุกวันอย่างน้อยวันละ 15 นาที เพื่อเพิ่มการสร้างวิตามินดีของร่างกายจากผิวหนัง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ เพราะจะช่วยให้การทำงานของกระดูก, การคงมวลกระดูก, การคงสมดุลของแคลเซียมในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
- ป้องกัน ควบคุม รักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดแคลเซียมในเลือดต่ำ(ดังกล่าวในหัวข้อ “สาเหตุฯ”)ให้ได้เป็นอย่างดี
ป้องกันภาวะขาดแคลเซียมได้อย่างไร?
ป้องกันภาวะขาดแคลเซียมได้ดังนี้ เช่น
- บริโภคอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีแคลเซียมสูงเป็นประจำทุกวัน เช่น นม
- เลิก/ลด อาหาร/เครื่องดื่ม
- ที่มีแคลเซียมต่ำ
- ที่ลดการดูดซึมแคลเซียมจากระบบทางเดินอาหาร เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ที่เพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ เช่น เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนสูง
- ตากแดดอ่อนๆเพื่อการเสริมสร้างวิตามินดีโดยผิวหนังทุกวัน วันละประมาณ 15 นาที
- ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพทุกวันเพื่อเพิ่มการคงสมดุลของแคลเซียมของร่างกาย
- พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพพื้นฐานทุกปี ถึงแม้ไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติ
ปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีที่ควรได้รับต่อวัน
IOM (Institute of Medicine) สถาบันที่ดูแลด้านการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ 2011 ได้แนะนำปริมาณแคลเซียม และวิตามินดี ทั้งหมดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน(รวมทั้งหมดทั้งจากอาหารและจากแคลเซียมเสริมอาหาร) ดังนี้
บรรณานุกรม
- https://ods.od.nih.gov/factsheets/Calcium-HealthProfessional/ [2019,Nov23]
- https://www.justvitamins.co.uk/blog/calcium-deficiency-risk-and-symptoms/#.XYhSES4zbIV [2019,Nov23]
- https://www.merckmanuals.com/home/hormonal-and-metabolic-disorders/electrolyte-balance/hypercalcemia-high-level-of-calcium-in-the-blood[2019,Nov23]
- https://www.healthline.com/health/calcium-deficiency-disease[2019,Nov23]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK56068/table/summarytables.t3/?report=objectonly [2019,Nov23]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK56068/table/summarytables.t2/?report=objectonly [2019,Nov23]