พิษคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide poisoning)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 4 มิถุนายน 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- คาร์บอนมอนอกไซด์คืออะไร?
- คาร์บอนมอนอกไซด์ก่อพิษต่อร่างกายอย่างไร?
- พิษคาร์บอนมอนอกไซด์ก่ออาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ได้อย่างไร?
- รักษาพิษคาร์บอนมอนอกไซด์อย่างไร?
- พิษคาร์บอนมอนอกไซด์ร้ายแรงไหม? ก่อมะเร็งไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- ป้องกันพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะหายใจล้มเหลว (Respiratory failure)
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction)
- สมองขาดออกซิเจน สมองพร่องออกซิเจน (Cerebral hypoxia)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
พิษคาร์บอนมอนอกไซด์(Carbon monoxide poisoning) คือ ภาวะที่หายใจเอาก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าสู่ปอด/ร่างกายมากเกินปกติ ถ้าได้รับในปริมาณไม่มาก อาการหลัก เช่น ปวดหัว, วิงเวียน, เจ็บหน้าอก, สับสน, แต่เมื่อหายใจเข้าปอดในปริมาณมาก อาการหลักคือ ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ชัก, หมดสติ, และถึงตายในที่สุด
ทั่วโลกพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ พบเป็นสาเหตุบ่อยสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการ เจ็บป่วยหรือการตายที่เกิดจากสารพิษต่างๆทั้งที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือจากการฆ่าตัวตาย แต่ไม่มีรายงานสถิติเกิดในภาพรวม, ในสหรัฐอเมริกามีรายงานพบได้มากกว่าปีละ40,000ราย, เป็นพิษที่เกิดได้ทุกอายุ เพศชายพบบ่อยกว่าเพศหญิง
อนึ่ง: ชื่ออื่นของพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ คือ Carbon monoxide toxicity
คาร์บอนมอนอกไซด์คืออะไร?
คาร์บอนมอนอกไซด์ ตัวย่อคือ ซีโอ/CO คือ ก๊าซพิษที่ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารอินทรีย์ โดยส่วนประกอบหลักเป็นธาตุคาร์บอนที่รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง
แหล่งกำเนิดคาร์บอนมอนอกไซด์: ที่รู้จักกันดี เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันดิน ถ่านหิน ยางไม้ พาราฟิน สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ปิโตรเคมี การเผาไหม้ ฯลฯ ที่รวมเรียกว่า ‘Carbonaceous materials’ ซึ่งในชีวิตประจำวันจะปนเปื้อนอยู่ในควันต่างๆที่เกิดจากการเผาไหม้สารกลุ่มดังกล่าวที่เราหายใจเข้าไป เช่น ควันจาก น้ำมันรถยนต์, เตาเผา, ตะเกียง, การปิ้งย่าง, ปั๊มน้ำมัน, เตาหลอมต่างๆ, การเผาไม้/เผาถ่าน, เครื่องทำความร้อน, หม้อน้ำร้อนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ,ก๊าซธรรมชาติที่ใช้หุงต้ม, ควันบุหรี่, ฯลฯ
คาร์บอนมอนอกไซด์ก่อพิษต่อร่างกายอย่างไร?
พิษคาร์บอนมอนอกไซด์เกิดจาก 2 ทาง คือ ทางหายใจ และ จากสัมผัสผิวหนัง
ก. ทางหายใจ: พิษเกิดจากสูดดมก๊าซนี้เข้าสู่ปอด เป็นพิษที่รุนแรงและเป็นเหตุถึงตายได้สูงถ้าสูดดมในปริมาณมากและ/หรือในระยะเวลานานพอ เพราะเมื่อก๊าซนี้ผ่านจากปอดเข้าสู่กระแสเลือดจะเข้าจับกับฮีโมโกลบิน(สารในเม็ดเลือดแดงที่เป็นตัวนำออกซิเจนไปเลี้ยง/ให้พลังงานกับทุกเซลล์/ทุกอวัยวะทั่วร่างกาย)แทนออกซิเจน เรียกว่า ‘Carboxyhemoglobin’ ดังนั้นทุกเซลล์ทุกอวัยวะจึงอยู่ในภาวะขาดออกซิเจน/ขาดพลังงาน ทุกเซลล์/ทุกอวัยวะจึงทำงานไม่ได้ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติกับทุกอวัยวะ(กล่าวใน‘หัวข้อ อาการฯ’)โดยเฉพาะอวัยวะสำคัญต่อการมีชีวิตที่ต้องใช้ออกซิเจนในปริมาณมาก คือ หัวใจ ปอด และสมอง ที่เมื่อขาดออกซิเจนจะเป็นสาเหตุการตายเฉียบพลัน โดยอัตราตายจะสูงเมื่อสูดหายใจก๊าซนี้ในปริมาณสูงและ/หรือถึงแม้ปริมาณไม่มากแต่สูดดมต่อเนื่องเป็นเวลานานพอ
อนึ่ง: พิษฯที่เกิดจากการหายใจก๊าซนี้มักเกิดในสถานที่การไหลเวียนอากาศไม่ดี, ผู้คนแออัด, สถานที่ปิด, หรือควันที่เกิดจากไฟไหม้รุนแรงของโรงงานที่ใช้น้ำมันปริมาณมากเพราะเป็นสถานที่ที่จะเกิดการสะสมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้ในปริมาณมาก
ข. จากสัมผัสผิวหนัง: เมื่อผิวหนังสัมผัสก๊าซนี้โดยตรงในปริมาณมาก เช่น ควัน, เขม่า, อาจส่งผลให้ผิวหนังเกิดอาการคล้ายแผลไหม้ได้ (กล่าวในหัวข้อต่อไป ‘หัวข้อ อาการฯ’)
พิษคาร์บอนมอนอกไซด์ก่ออาการอย่างไร?
อาการจากพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ ไม่มีอาการเฉพาะ แต่เป็นอาการเหมือนโรคอื่นๆตามความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั้งนี้อาการอาจเกิดได้ภายในระยะเวลาเป็นนาที หรือ ชั่วโมงหลังได้รับพิษฯ และอาจคงอยู่ได้นานหลายวันถึงเป็นเดือนหรือหลายๆเดือน หรือตลอดไป ซึ่งอาการเกิดได้กับทุกระบบอวัยวะ แต่พบบ่อยคือ ระบบหายใจ/ปอด, หัวใจ, และสมอง
ทั้งนี้ ความรุนแรงของอาการฯขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
- ความเข้มข้นของก๊าซนี้ในอากาศที่หายใจ หรือที่สัมผัสผิวหนัง
- ระยะเวลาที่ได้รับก๊าซนี้
- ช่วงระยะเวลาหลังได้รับก๊าซนี้จนถึงพบแพทย์/หรือได้รับการรักษา
- ความสามารถในการกำจัดก๊าซนี้ของร่างกาย เช่น สุขภาพทั่วไป, สุขภาพปอด, ไต ตับ
- การตอบสนองต่อการรักษาโดยเฉพาะต่อการให้ออกซิเจนของแต่ละคน
อาการจากได้รับพิษเฉียบพลัน:
อาการจากได้รับพิษนี้ในปริมาณมากพออย่างเฉียบพลัน ซึ่งอาการอาจเกิดทันที, เป็นนาที หรือ ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง, ขึ้นกับปริมาณก๊าซนี้ที่ร่างกายได้รับ ที่พบบ่อย เช่น
ก. พิษที่เกิดจากการหายใจ:
- เมื่อสูดดมในปริมาณน้อยๆ และในระยะเวลาสั้นๆ: มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง เช่น
- ปวดหัว
- วิงเวียน
- อาเจียน
- อาจเจ็บหน้าอก/แน่นหน้าอก
- ตาเห็นภาพไม่ชัด อาจถึงขั้นมองไม่เห็นในบางคน
- อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
- เมื่อสูดดมก๊าซนี้ในปริมาณมาก และ/หรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน: อาการ เช่น
- หอบเหนื่อย/หายใจลำบาก, ปอดบวมน้ำ จนถึงขั้นภาวะหายใจล้มเหลว และหยุดหายใจในเวลาต่อมา
- เจ็บหน้าอก
- หัวใจเต้นเร็ว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- สับสน เลอะเลือน จำอะไรไม่ได้ อาจเห็นภาพหลอน
- พูดไม่ชัด
- อาจชัก
- หมดสติ
- น้ำตาลในเลือดสูง
- ภาวะเลือดเป็นกรด
- ความดันโลหิตต่ำ
- อาจไตวายเฉียบพลัน
- และตายในที่สุด
ข. พิษจากผิวหนังสัมผัสก๊าซนี้: อาการพบได้เฉพาะบริเวณที่สัมผัสในปริมาณมากๆ เช่น
- ผิวที่สัมผัสเปลี่ยนเป็นสีแดง อาจเกิดเป็นตุ่มน้ำ และอาจเกิดลักษณะคล้ายแผลเนื้อตายได้ ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณก๊าซฯสัมผัส
- *กรณีสูดดมก๊าซนี้ในปริมาณมาก ผิวหนัง/ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู(Cherry-red)ที่เกิดจากสีของก๊าซนี้ที่จับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง(Carboxyhemoglobin)ในหลอดเลือดทั่วร่างกาย ซึ่งอาการนี้ แพทย์ใช้ช่วยวินิจฉัยว่า ‘ผู้ป่วยน่าจะได้รับพิษจากก๊าซนี้’
อาการจากได้รับพิษเรื้อรัง:
หมายถึงอาการที่เกิดจากการสูดหายใจเอาก๊าซนี้เช่นกัน แต่ในปริมาณน้อยๆและ ต่อเนื่อง อาจเป็นหลายๆสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งอาการที่พบจะไม่มากแต่มักเกิดต่อเนื่อง, ซึ่งไม่มีอาการเฉพาะแต่เป็นอาการทั่วไปคล้ายที่เกิดจากหลากหลายสาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่จากสูดดมก๊าซนี้ เช่น
- ปวดหัว
- วิงเวียน
- คลื่นไส้ อาจมีอาเจียน
- สับสน
- หลงลืมผิดปกติ
- หูได้ยินลดลง
ทั้งนี้ ถ้าหาสาเหตุได้แต่เนิ่นๆและหยุดการสูดดมก๊าซนี้ และรักษาได้ทัน อาการมักหายเป็นปกติ ยกเว้นบางคนที่สูดดมก๊าซนี้ต่อเนื่องนานๆหลายๆปี
นอกจากนี้ การสูดดมก๊าซนี้ในปริมาณน้อยๆต่อเนื่อง เช่น จากควันในการเผาไหม้สารอินทรีย์ต่างๆ(เช่น ควันจากการปิ้งย่าง หรือการเผา ไม้ หญ้า)
- มักส่งผลให้อาการทางโรคหัวใจและหลอดเลือดแย่ลง
- หรืออาจเกิดปัญหาในการเจริญเติบโตต่อทารกในครรภ์ในกรณีผู้สูดดมตั้งครรภ์
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ โดยเฉพาะเมื่อมีการสูดดมควันต่างๆ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่การไหลเวียนอากาศไม่ดี ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล อาจต้องเป็นการฉุกเฉิน/ทันที่เมื่ออาการรุนแรง
แพทย์วินิจฉัยพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ได้อย่างไร?
หลักที่แพทย์ใช้วินิจฉัยพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ คือ ประวัติการได้รับก๊าซนี้ก่อนเกิดอาการ(หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ)ร่วมกับอาการต่างๆ(หัวข้อ อาการฯ) นอกจากนั้น ที่จะใช้ประกอบ ได้แก่
- ตรวจวัดสัญญาณชีพ
- การตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการตรวจประเมินอาการ ทางการหายใจ ทางหัวใจ ทางสมอง และทางผิวหนัง
- ในเพศหญิงวัยเจริญพันธ์ คือ การซักถามประวัติ ประจำเดือน อาจรวมถึงการตรวจปัสสาวะ/เลือดดูการตั้งครรภ์
- *การตรวจเพื่อยืนยันว่า อาการเกิดจากพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ เช่น
- ตรวจเลือดดูค่าสารที่เกิดจากก๊าซนี้จับในเม็ดเลือดแดง(Carboxyhemoglobin)
- ตรวจอื่นๆทางห้องปฏิบัติการ เพื่อดูความรุนแรงของอาการ เช่น
- ตรวจเลือดดู ค่าน้ำตาลในเลือด
- ตรวจหาค่าออกซิเจนในเลือดจากปลายนิ้ว
- อื่นๆ ตามดุลพินิจของแพทย์
รักษาพิษคาร์บอนมอนอกไซด์อย่างไร?
แนวทางการรักษาพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ ได้แก่
- การสูดดมออกซิเจนความเข้มข้น100%จนกว่าอาการจะดีขึ้น
- ถ้าอาการรุนแรงมาก และ/หรือ ไม่ตอบสนองต่อการให้ออกซิเจน100% และ/หรือในหญิงตั้งครรภ์ และถ้ามีอุปกรณ์นี้อยู่ แพทย์จะพิจารณาให้ออกซิเจนแรงดันสูง(Hyperbaric oxygen therapy: HBO)
- การดูแลอื่นๆเพื่อทั้งรักษาและป้องกัน ซึ่งจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น
- อาการทางปอดและระบบหายใจ
- อาการทางหัวใจ/ระบบหัวใจและหลอดเลือด
- อาการทางสมอง
- อาการทาง ตับ, ไต
พิษคาร์บอนมอนอกไซด์ร้ายแรงไหม? ก่อมะเร็งไหม?
ความรุนแรงของพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ขึ้นกับหลายปัจจัย(หัวข้อ อาการฯ) ถ้าได้รับในปริมาณน้อย อาการต่างๆจะเป็นอยู่ชั่วคราว และสามารถหายเป็นปกติได้
ถ้าได้รับก๊าซนี้ ปริมาณสูง อาจเป็นสาเหตุถึงตายจากสมอง ปอด และหัวใจขาดออกซิเจนเฉียบพลัน
ถ้าได้รับก๊าซนี้ในระดับรุนแรงแต่ไม่ถึงทำให้เสียชีวิต อาการทางปอด หัวใจ และสมอง อาจค่อยๆดีขึ้น แต่มักรักษาไม่หายกลับเป็นปกติ โดยเฉพาะในด้านความจำ ซึ่งอาการเหล่านั้นอาจส่งผลให้ต้องอยู่ในการดูแลต่อเนื่องของแพทย์
ในด้านโรคมะเร็ง: องค์กรด้านโรคมะเร็งขององค์การอนามัยโลก (IARC: The International Agency for Research on Cancer) จัดให้ก๊าซนี้ ‘ไม่’เป็นสารก่อมะเร็งในคน
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อเคยได้รับพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่สำคัญ คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ได้รับก๊าซนี้เพิ่มอีก
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่ออาการต่างๆแย่ลง หรือมีอาการผิดปกติใหม่ๆเกิดขึ้น หรือ
- กังวลในอาการ
ป้องกันพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ได้อย่างไร?
การป้องกันพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ คือ
- หลีกเลี่ยงการได้รับพิษก๊าซนี้จากในบ้าน
ด้วยการดูแลบำรุงรักษาเครื่องใช้ในบ้านที่สามารถให้กำเนิดควัน ไม่ให้อยู่ในสภาพที่ชำรุดทั้งจากที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและก๊าซ รวมถึง
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ที่รวมถึงสูบบุหรี่ในบ้าน และ
- จัดบ้านเรือน โดยเฉพาะสถานที่ๆใช้เครื่องไฟฟ้าและก๊าซต่างๆต้องมีการระบาย/หมุนเวียนอากาศที่ดี เพื่อป้องกันการสะสมควันต่างๆที่มีก๊าซนี้ปนอยู่ด้วย
บรรณานุกรม
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK430740/ [2022,June4]
- https://www.cdc.gov/co/faqs.htm [2022,June4]
- https://www.cdc.gov/disasters/co_guidance.html [2022,June4]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Carbon_monoxide_poisoning [2022,June4]
- https://dermnetnz.org/topics/carbon-monoxide-poisoning [2022,June4]
- https://www.nhs.uk/conditions/carbon-monoxide-poisoning/ [2022,June4]
- https://emedicine.medscape.com/article/819987-overview#showall [2022,June4]
- https://www.atsdr.cdc.gov/toxfaqs/tfacts201.pdf [2022,June4]