พาซิรีโอไทด์ (Pasireotide)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 7 เมษายน 2560
- Tweet
- บทนำ
- พาซิรีโอไทด์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- พาซิรีโอไทด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- พาซิรีโอไทด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- พาซิรีโอไทด์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมมารับการฉีดยาควรทำอย่างไร?
- พาซิรีโอไทด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้พาซิรีโอไทด์อย่างไร?
- พาซิรีโอไทด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาพาซิรีโอไทด์อย่างไร?
- พาซิรีโอไทด์มีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- กายวิภาคและสรีรวิทยาระบบต่อมไร้ท่อ (Anatomy and physiology of endocrine system)
- โรคต่อมไร้ท่อ โรคระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine disease)
- กลุ่มอาการคุชชิง (Cushing syndrome)
- โรคคุชชิง (Cushing Disease)
บทนำ
ยาพาซิรีโอไทด์(Pasireotide หรือ Pasireotide diaspartate)เป็นสารประกอบที่สังเคราะห์เลียนแบบฮอร์โมนโซมาโตสแตติน (Somatostatin, ฮอร์โมนชนิดหนึ่งจากต่อมใต้สมอง) มีฤทธิ์กดการทำงานของฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth hormone) และสเตียรอยด์ฮอร์โมน ทางคลินิกจึงใช้ยาพาซิรีโอไทด์มารักษาอาการ
- Cushing’s syndrome อันมีสาเหตุจากร่างกายมีฮอร์โมน Glucocorticoid มากเกินไป
- Acromegaly ที่เป็นภาวะร่างกายเจริญเติบโตผิดปกติซึ่งมีสาเหตุจากร่างกายมีฮอร์โมนเจริญเติบโต (Growth hormone) มากเกินไปนั่นเอง
ยาพาซิรีโอไทด์ที่พบเห็นการใช้ในปัจจุบัน จะมีรูปแบบเภสัชภัณฑ์เป็นยาฉีด โดยต้องฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ/เข้ากล้าม ตัวยานี้ในกระแสเลือดจะเข้ารวมตัวกับพลาสมาโปรตีนได้ประมาณ 88% และจะถูกเปลี่ยนโครงสร้างทางชีวะโมเลกุลโดยตับ ซึ่งร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพื่อกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือด และผ่านทิ้งไปกับอุจจาระ มีส่วนน้อยไปกับปัสสาวะ
ผู้ที่จะใช้ยาพาซิรีโอไทด์ได้นั้น ต้องไม่ป่วยเป็นโรคตับในระยะรุนแรง รวมถึงต้องไม่มีประวัติแพ้ยานี้ หรือแพ้ส่วนประกอบของยาชนิดนี้มาก่อน
ยาพาซิรีโอไทด์จัดอยู่ในประเภทยาควบคุมพิเศษ การใช้ยานี้กับผู้ป่วย ต้องเป็นไปตามคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น ซึ่งก่อนได้รับยานี้ ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจจากแพทย์ เพื่อยืนยันว่าตนเองมีสภาวะฮอร์โมนต่างๆผิดปกติจริง โดยขนาดและความถี่ของการใช้ยานี้ จะมีความแตกต่างกันตามระดับอาการและความรุนแรงของโรค
หลังจากได้รับยาพาซิรีโอไทด์แล้ว ผู้ป่วยยังต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยานี้ และต้องควบคุมอาการต่างๆเหล่านั้นให้เป็นปกติเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล เช่น ภาวะหัวใจเต้นช้า อาการจากมีระดับฮอร์โมน Cortisol ในร่างกายต่ำ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวลด อยากอาหารประเภทรสเค็ม อารมณ์แปรปรวน น้ำตาลในเลือดสูง กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะมาก ปากแห้ง และอื่นๆ
สำหรับอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)ที่ค่อนข้างรุนแรงจากยาพาซิรีโอไทด์ เช่น มีภาวะหายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ใบหน้าบวม และมีผื่นคัน เกิดขึ้นตามร่างกาย อาการดังกล่าว ล้วนแต่ก่อให้เกิดอุปสรรคในการดำรงชีวิตและอาจเป็นอันตรายรุนแรงตามมาหากปล่อยทิ้งไว้ กรณีพบเห็นอาการข้างเคียงดังกล่าว ควรรีบนำตัวผู้ป่วยมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือผู้ป่วยจะต้องใช้ยาพาซิรีโอไทด์อย่างต่อเนื่องและควรมารับยานี้ตรงตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อแพทย์ตรวจดูความก้าวหน้าของการรักษา รวมถึงเพื่อแพทย์ประเมินระดับน้ำตาลในเลือดว่าปกติหรือไม่ ตรวจดูระดับเอนไซม์การทำงานของตับในเลือด ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจวัดระดับเกลือแร่ในเลือด อย่างเช่น แมกนีเซียม และโปแตสเซียม/โพแทสเซียม
หากผู้ป่วยไม่สามารถมารับการฉีดยาพาซิรีโอไทด์ตามนัดหมาย อาจส่งผลต่ออาการโรค ที่นอกจากจะไม่ทำให้สภาพเจ็บป่วยดีขึ้นแล้ว ยังจะส่งผลให้อาการโรคกลับมาใหม่ หรือมีอาการรุนแรงขึ้น
ยังมีข้อห้าม ข้อควรระวังอีกหลายประการของการใช้ยาพาซิรีโอไทด์ ที่ไม่สามารถนำมาระบุในบทความนี้ได้หมด ซึ่งหากผู้บริโภค/ผู้ป่วยมีข้อสงสัยการใช้ยาพาซิรีโอไทด์เพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆได้จากแพทย์ผู้ที่ทำการตรวจรักษา หรือสอบถามจากเภสัชกรได้ทั่วไป
พาซิรีโอไทด์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาพาซิรีโอไทด์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- รักษาอาการโรค Acromegaly
- รักษาอาการโรค Cushing’s syndrome
พาซิรีโอไทด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาพาซิรีโอไทด์คือ ตัวยาจะออกฤทธิ์โดยเข้าจับกับตัวรับ(Receptor) ที่มีชื่อว่า Somatostatin receptor มีผลให้เกิดการยังยั้งการหลั่ง Cortisol และฮอร์โมนเจริญเติบโต (Growth hormone)จากต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นสาเหตุของ Cushing’s syndrome และ Acromegaly จากกลไกดังกล่าวทำให้อาการของผู้ป่วยทุเลา และดีขึ้นเป็นลำดับ
พาซิรีโอไทด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาพาซิรีโอไทด์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เป็น
- ยาฉีดชนิดสารละลายที่ประกอบด้วย Pasireotide ขนาด 0.6 และ 0.9 มิลลิกรัม/ขวด
ยาฉีดชนิดผงปราศจากเชื้อที่ประกอบด้วย Pasireotide ขนาด 40 มิลลิกรัม/ขวด
พาซิรีโอไทด์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาพาซิรีโอไทด์มีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น
ก.สำหรับรักษาอาการ Cushing’s syndrome:
- ผู้ใหญ่: เริ่มต้นฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังขนาด 0.6 มิลลิกรัม หรือ 0.9 มิลลิกรัม วันละ 2ครั้ง ขนาดที่ใช้คงระดับการรักษาอยู่ที่ 0.3–0.9 มิลลิกรัม โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนัง วันละ 2 ครั้ง ขนาดใช้ยาสูงสุดไม่เกิน 0.9 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
- เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่แน่ชัดถึง ขนาดยานี้ ผลข้างเคียง และความปลอดภัยในการใช้ยานี้ในเด็ก การใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
ข.สำหรับรักษาอาการ Acromegaly:
- ผู้ใหญ่: เริ่มต้นฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อขนาด 40 มิลลิกรัม ทุกๆ 28 วัน ขนาดการใช้ยาสูงสุดไม่เกิน 60 มิลลิกรัม โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุกๆ 28 วัน
- เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่แน่ชัดถึง ขนาดยานี้ ผลข้างเคียง และความปลอดภัยในการใช้ยานี้ในเด็ก การใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
อนึ่ง:
- ก่อนการใช้ยานี้บำบัดอาการ Acromegaly จะต้องประเมินระดับน้ำตาลในเลือด ค่าน้ำตาลสะสมในเลือด(HbA1C) ระดับเอนไซม์การทำงานของตับในเลือด ค่าECG ระดับเกลือแมกนีเซียมและโปแตสเซียม ในเลือด เพื่อเป็นการป้องกัน และควบคุมอาการความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังการใช้ยาพาซิรีโอไทด์
- สำหรับผู้ป่วยโรคไต ไม่ต้องปรับขนาดการใช้ยานี้แต่อย่างใด
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับระยะรุนแรง และสำหรับผู้ป่วยโรคตับที่ความรุนแรงโรคในระดับกลางๆหรือระดับต่ำ ให้ปรับขนาดการใช้ยาลงมาดังนี้ Acromegaly ให้ลดขนาดฉีดยาลงมาเป็น 20 มิลลิกรัม ทุกๆ 28 วัน ขนาดการใช้ยาสูงสุดไม่เกิน 40 มิลลิกรัม ทุกๆ 28 วัน; Cushing’s syndrome เริ่มต้นฉีดยาขนาด 0.3 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ขนาดการใช้ยาสูงสุดไม่เกิน 0.6 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาพาซิรีโอไทด์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคตับ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาพาซิรีโอไทด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้นหรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมมารับการฉีดยาควรทำอย่างไร?
หากลืมหรือไม่ได้มาโรงพยาบาลตามที่แพทย์นัดเพื่อรับการฉีดยาพาซิรีโอไทด์ ให้รีบติดต่อ แพทย์/พยาบาล ผู้ทำการดูแลรักษา เพื่อทำการนัดหมายและมารับการฉีดยานี้โดยเร็ว
พาซิรีโอไทด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาพาซิรีโอไทด์สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น มีภาวะโลหิตจาง
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ท้องเสียหรือท้องผูก คลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูงหรือไม่ก็ต่ำ หัวใจเต้นช้า
- ผลต่อตับ: เช่น เอนไซม์การทำงานของตับในเลือดสูงขึ้น
- ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ: เช่น ภาวะต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น ผมร่วง เกิดผื่นคัน ผิวแห้ง
- ผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ ไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น
- ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดหลัง
- ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น วิตกกังวล นอนไม่หลับ
- ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น เป็นโรคหวัด
มีข้อควรระวังการใช้พาซิรีโอไทด์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาพาซิรีโอไทด์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้ หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับระยะรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามใช้ยาทีมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น สีน้ำยาเปลี่ยนไป
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีระดับเกลือแมกนีเซียม หรือเกลือโปแตสเซียม/โพแทสเซียมในเลือดต่ำ ผู้ป่วยโรคหัวใจ เช่น หัวใจวาย หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีภาวะต่อมใต้สมองทำงานผิดปกติ
- ระหว่างใช้ยานี้ต้องคอยควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด อัตราการเต้นและการทำงานของหัวใจ ระดับอิเล็กโทรไลต์(Electrolyte)ในร่างกาย ตามแพทย์แนะนำเสมอ
- กรณีที่เกิดอาการข้างเคียงจากยานี้ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวันให้ผู้ป่วยรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
- แจ้งแพทย์ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาว่า ตนเองมีโรคประจำตัว และใช้ยาประเภทใด อยู่บ้าง
- ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาพาซิรีโอไทด์ด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
พาซิรีโอไทด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาพาซิรีโอไทด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาพาซิรีโอไทด์ร่วมกับยา Beta-blockers เช่น Propranolol, Diltiazem, หรือ Verapamil เพราะอาจส่งผลทำให้หัวใจเต้นช้าลง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาพาซิรีโอไทด์ร่วมกับยารักษาอาการ/ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างเช่นยา Amiodarone ด้วยจะทำให้ฤทธิ์ของยารักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะด้อยประสิทธิภาพลงมา
- ห้ามใช้ยาพาซิรีโอไทด์ร่วมกับยา Bromocriptine เพราะจะทำให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงจากยาพาซิรีโอไทด์เพิ่มมากขึ้น
- ห้ามใช้ยาพาซิรีโอไทด์ร่วมกับยา Cyclosporine เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาของยา Cyclosporine ด้อยลง
ควรเก็บรักษาพาซิรีโอไทด์อย่างไร?
ควรเก็บยาพาซิรีโอไทด์ตามเงื่อนไขที่ระบุมากับเอกสารกำกับยา ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
พาซิรีโอไทด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาพาซิรีโอไทด์ ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Signifor (ซิกนิฟอร์) | Novartis |
บรรณานุกรม
- https://www.drugs.com/mtm/pasireotide.html[2017,March18]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Pasireotide[2017,March18]
- https://www.drugbank.ca/drugs/DB06663[2017,March18]
- http://www.mims.co.uk/signifor-indicated-acromegaly/endocrine/article/1351664[2017,March18]