พราซูเกรล (Prasugrel)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 3 มีนาคม 2560
- Tweet
- บทนำ
- พราซูเกรลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- พราซูเกรลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- พราซูเกรลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- พราซูเกรลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- พราซูเกรลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้พราซูเกรลอย่างไร?
- พราซูเกรลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาพราซูเกรลอย่างไร?
- พราซูเกรลมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- เลือดออกในทางเดินอาหาร (Gastrointestinal bleeding or GI bleeding)
- ยาต้านเกล็ดเลือด (Antiplatelet drug)
บทนำ
ยาพราซูเกรล(Prasugrel) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือดให้เป็นลิ่มเลือด /ยาต้านเกล็ดเลือด ทางคลินิกนำมาใช้ป้องกันการเกิดหลอดเลือดอุดตัน ยานี้ถูกพัฒนาโดยบริษัทยาของประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Daiichi Sankyo ยาพราซูเกรลถูกนำไปใช้ในยุโรปและอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 (พ.ศ.2552) โดยมีรูปแบบเภสัชภัณฑ์เป็นยารับประทาน ยานี้ดูดซึมได้รวดเร็วจากระบบทางเดินอาหาร เมื่อยาเข้าสู่กระแสเลือดจะเกิดการรวมตัวกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 98% ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 7.4 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
ทางคลินิก อาจใช้ยาพราซูเกรลร่วมกับยาแอสไพรินขนาดต่ำๆเพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดอุดตันกับผู้ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจล้มเหลว ทางคลินิกยังพบว่ายาพราซูเกรลจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ายา Clopidogrel แต่ก็สามารถทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่ายได้มากกว่ายา Clopidogrel เช่นกัน
มีข้อห้ามและข้อจำกัดของการใช้ยาพราซูเกรลที่ผู้บริโภค/ผู้ป่วยควรทราบดังนี้ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้ขณะที่มีภาวะเลือดออกตามร่างกาย ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร หรือแผลในลำไส้ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกในสมอง/เลือดออกในกะโหลกศีรษะ หรือผู้ที่มีเส้นเลือด/หลอดเลือดในสมองแตก(อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดและชนิดเลือดออก) ผู้ที่มีภาวะโรคตับขั้นรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่กำลังจะผ่าตัดเส้นเลือดบายพาส(Bypass)หัวใจ
- การใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น ด้วยผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อการใช้ยาหลายชนิดซึ่งรวมยาพราซูเกรลด้วย
ขณะที่ได้รับยาพราซูเกรล ผู้ป่วยต้องใช้ยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้หรือหยุดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง ด้วยจะทำให้เกิดปัญหาต่อการทำงานของหัวใจจนเป็นเหตุให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้
การใช้ยาพราซูเกรล อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)ที่พบได้บ่อย เช่น ปวดหลัง มีอาการไอ ท้องเสีย ปวดศีรษะ และคลื่นไส้ เป็นต้น
หลังจากหยุดใช้ยาพราซูเกรลตามคำสั่งแพทย์ ระบบการทำงานของเกล็ดเลือดจะกลับมาเป็นปกติภายในประมาณ 5–9 วัน
คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้ระบุให้ยาพราซูเกรลอยู่ในประเภท ยาอันตราย ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยานี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาแต่ผู้เดียว ซึ่งผู้บริโภค/ผู้ป่วยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาชนิดนี้ได้จากแพทย์ หรือจากเภสัชกรโดยทั่วไป
พราซูเกรลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาพราซูเกรลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เพื่อ บำบัดรักษาและป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเนื่องจากมีภาวอุดตันของหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงบริเวณหัวใจ
พราซูเกรลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ตัวยาพราซูเกรลที่ถูดดูดซึมเข้าสู่ร่างกายยังมิใช่สารออกฤทธิ์ (Prodrug) โดยตัวยาจะต้องผ่านกระบวนการเมตาบอไลท์/กระบวนการเปลี่ยนแปลงยา(Metabolite) จนเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยานี้ไปเป็นสารที่ออกฤทธิ์ (Active metabolite) ซึ่งจะเข้าไปจับกับตัวรับ(Receptor)บนเกล็ดเลือด ที่มีชื่อว่า “ADP receptors หรือ Adenosine diphosphate receptor” และส่งผลยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือดได้ตามสรรพคุณ
พราซูเกรลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาพราซูเกรลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็น ยาเม็ดชนิดรับประทานที่ประกอบด้วยตัวยา Prasugrel ขนาด 5 และ 10 มิลลิกรัม/เม็ด
พราซูเกรลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ขนาดรับประทานของยาพราซูเกรลสำหรับรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน (Acute coronary syndrome) เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทานยาครั้งแรก 60 มิลลิกรัม จากนั้น แพทย์จะให้ลดขนาดรับประทานลงมาเป็น 10 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
- ผู้มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป: รับประทานยาครั้งแรก 60 มิลลิกรัม จากนั้นแพทย์จะให้ลดขนาดรับประทานลงมาเป็น 5 มิลลิกรัม วันละครั้ง
- เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่แน่ชัดถึง ขนาดยานี้ ผลข้างเคียง และความปลอดภัยในการใช้ยานี้ในเด็ก การใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
อนึ่ง:
- สามารถรับประทานยานี้ ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
- การใช้ยานี้อาจใช้เวลานานได้ถึง 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาพราซูเกรล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น แผลในกระเพาะอาหาร โรคตับ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยา หรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาพราซูเกรล อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ และ/หรือกับอาหารเสริมที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาพราซูเกรล สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
พราซูเกรลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาพราซูเกรลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น เกิดภาวะเลือดออกง่าย มีภาวะโลหิตจาง ปริมาณฮีโมโกลบินลดลง มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ท้องเสีย มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร เลือดออกที่เหงือก คลื่นไส้
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูงหรือไม่ก็ต่ำ หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ผลต่อตับ: เช่น ตับทำงานผิดปกติ
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น มีการบวมในผิวหนังชั้นหนังแท้ เกิดผื่นคัน มีเลือดออกในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง/ห้อเลือด
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: ปัสสาวะมีเลือดปน/ปัสสาวะเป็นเลือด
- ผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: คอเลสเตอรอลในเลือดสูง มือ-เท้าบวม
- ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น ปวดหลัง เจ็บที่กล้ามเนื้อหน้าอก
- ผลต่อตา: เช่น เลือดออกในตา
- ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น หายใจขัด/หายใจลำบาก ไอ
มีข้อควรระวังการใช้พราซูเกรลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาพราซูเกรล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามปรับขนาดรับประทานเอง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคตับระยะรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยโรคแผลในกระเพาะอาหารที่อยู่ในระยะมีเลือดออก
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะสูญเสียเลือดซึ่งเกิดจากบาดแผลหรือจากการผ่าตัด
- หยุดการใช้ยานี้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ระหว่างใช้ยานี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บตามมาเพราะจะเกิดเลือดออกได้ง่าย
- ปฏิบัติตามคำสั่ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาพราซูเกรลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพร ต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
พราซูเกรลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาพราซูเกรลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาพราซูเกรลร่วมกับ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นยา Warfarin, ยากลุ่ม NSAIDs, ด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงทำให้มีภาวะเลือดออกง่ายตามมา
- การใช้ยาพราซูเกรลร่วมกับ Vitamin E สามารถทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากยาพราซูเกรลได้มากขึ้น หากต้องใช้ยาทั้ง 2 กลุ่มร่วมกัน ผู้ป่วยควรต้องเพิ่มความระมัดระวัง หรือแพทย์ปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยาพราซูเกรลร่วมกับยา Fluoxetine อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นผู้ป่วยที่สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคตับ โรคไต เพื่อเป็นการป้องกัน ภาวะดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
ควรเก็บรักษาพราซูเกรลอย่างไร?
ควรเก็บยาพราซูเกรลในช่วงอุณหภูมิ 15 – 30 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือรถยนต์
พราซูเกรลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาพราซูเกรลที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Effient (เอฟเฟนท์) | Daiichi Sankyo |
อนึ่ง ยาชื่อการค้าอื่นของยานี้ในต่างประเทศ เช่น Aplet, Deklot, Prasact, Prasulet, Prasurel, Prasusafe, Prasuvas, Efient
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Prasugrel [2017,Feb11]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/effient/?type=brief [2017,Feb11]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/prasugrel/?type=brief&mtype=generic [2017,Feb11]
- https://www.drugs.com/cdi/prasugrel.html [2017,Feb11]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/prasugrel-index.html?filter=3&generic_only=#Wh [2017,Feb11]