พยาธิไส้เดือน (Ascariasis)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

พยาธิไส้เดือนเป็นอย่างไร ?

พยาธิไส้เดือน มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Ascaris lumbricoides มีลักษณะเป็นพยาธิตัวกลม ขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายไส้เดือนดิน ตัวผู้โตเต็มวัยจะมีขนาดยาวประมาณ 15-30 ซม.(เซนติ เมตร) ตัวเมียโตเต็มวัยจะมีขนาดยาวประมาณ 25-35 ซม. ตัวแก่จะมีอายุประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

พยาธิไส้เดือน เป็นปรสิต อาศัยอยู่ในทางเดินอาหารของคน โดยคนเป็นตัวให้อาศัย หรือ โฮสต์ (Host) ซึ่งตัวและไข่ของมันจะปะปนออกมากับอุจจาระ และเมื่อคนรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนไข่ของมัน ก็จะเกิดการติดเชื้อพยาธินี้ วนเวียนเป็นวงจรต่อเนื่องต่อไป

คนติดเชื้อพยาธิไส้เดือนได้อย่างไร?

พยาธิไส้เดือน

คนติดพยาธิไส้เดือนได้ โดยการรับประทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำที่มีไข่พยาธิปะปนอยู่ โดยเฉพาะน้ำที่ไม่ได้ต้มสุก หรือ อาหารที่ไม่สะอาด ไข่ที่ไม่ถูกผสมจะไม่ติดต่อเพราะไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวได้ จะติดต่อเฉพาะไข่ที่ถูกผสมแล้วเท่านั้น

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ของโรคพยาธิไส้เดือนจะอยู่ในประเทศเขตร้อน พบได้ทุกเพศและทุกวัย แต่มักพบได้บ่อยในเด็กวัยเรียน เพราะเป็นวัยชอบเล่นสิ่งสกปรก ในประเทศไทยจะพบผู้ป่วยทางภาคใต้มากกว่าภาคอื่น เพราะมีอากาศร้อนชื้นมากกว่าภาคอื่นๆ

วงจรชีวิตของพยาธิไส้เดือนเป็นอย่างไร?

ตัวแก่ของพยาธิไส้เดือน จะอยู่ในลำไส้เล็กของมนุษย์ จากนั้นจะผสมพันธุ์ออกไข่ปนออกมากับอุจจาระ โดยตัวเมีย 1 ตัวสามารถออกไข่ได้ถึง 200,000 ฟองต่อวัน ไข่จะออกมากับอุจจาระ ทำให้สามารถตรวจพบได้ในอุจจาระของผู้ป่วย

ไข่ที่ผสมแล้วจะเจริญเป็นตัวอ่อนภาย ในเวลา 10-21 วัน และเป็นระยะติดต่อ ถ้าผู้ป่วยไม่ได้ถ่ายอุจจาระลงส้วม ไข่จะอยู่ในดินหรือปะปนอยู่ในน้ำ

ถ้ามีคนอื่นดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่มีไข่พยาธิที่ถูกผสมแล้วเข้าไป เปลือกไข่พยาธิจะไปแตกในลำไส้ หลังจากนั้นตัวอ่อนของพยาธิที่ออกมาจากไข่ จะไชออกจากผนังลำไส้ เข้าสู่กระแสเลือด

เลือดจะพาตัวอ่อนไปผ่านปอด ซึ่งตัวอ่อนจะเจริญเป็นตัวแก่ในปอดโดยใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน จากนั้นตัวพยาธิจะออกมากับเสมหะ ซึ่งจะถูกกลืนเข้าหลอดอาหารลงสู่ลำไส้ เจริญเติบโตกลายเป็นตัวแก่เต็มที่ต่อไป

อาการของโรคพยาธิไส้เดือนเป็นอย่างไร?

อาการของโรคพยาธิไส้เดือนสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

1.อาการที่เกิดจากพยาธิตัวอ่อนเดินทางผ่านปอดได้แก่ ไอ แน่นหน้าอก หอบเหนื่อย มีไข้คล้ายปอดอักเสบ ตรวจเสมหะอาจพบตัวอ่อนปนออกมาได้ (มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต้องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์) บางครั้งอาจมีอาการลมพิษเกิดด้วย อาการดังกล่าว จะเกิดหลังได้รับไข่ประมาณ 4-16 วัน บางคนอาจนานถึง 3 สัปดาห์

2.อาการที่เกิดจากพยาธิตัวแก่ในลำไส้เล็กได้แก่ อาการขาดอาหารโดยเฉพาะในเด็ก ผอมผิดปกติ ท้องใหญ่ ปวดท้องบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ามีพยาธิจำนวนมาก อาจจะพันกันเป็นก้อนจนเกิดลำไส้อุดตันได้ (ปวดท้องมาก และไม่ผายลม จนเป็นสาเหตุต้องไปโรงพยา บาล) บางครั้งพยาธิจะไชไปอุดท่อน้ำดี เกิดอาการตัวเหลืองตาเหลืองหรือดีซ่านได้ บางครั้งพยาธิจะย้อนกลับมาที่หลอดอาหารและเข้าไปในหลอดลม เกิดหลอดลมอุดตันเฉียบพลันได้ และที่พบได้บ้างไม่บ่อยนัก คือ พยาธิไชทะลุผนังลำไส้ ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดออกในลำไส้ และ/หรือ ลำไส้ทะลุได้ (ผู้ป่วยมีอาการซีด ปวดท้องมาก และอาจมีไข้สูงจากเยื่อบุช่องท้องอักเสบ)

แพทย์วินิจฉัยโรคพยาธิไส้เดือนได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคพยาธิไส้เดือนได้จาก

  • ตรวจอุจจาระพบไข่พยาธิ
  • พบตัวแก่ขนาดโตเต็มที่หลุดออกมากับอุจจาระ หรือ ปนออกมากับอาเจียน
  • บางครั้งพบภาพตัวพยาธิจากการเอกซเรย์ช่องท้อง

รักษาโรคพยาธิไส้เดือนอย่างไร?

แพทย์รักษาโรคพยาธิไส้เดือน โดยการให้ยาถ่ายพยาธิ ซึ่งปริมาณยาและจำนวนวันที่รับ ประทานยาขึ้นกับชนิดของยา เช่น ยาบางชนิดรับประทานครั้งเดียว บางชนิดรับประทาน 3 วัน

ตัวอย่างยาถ่ายพยาธิไส้เดือน เช่น

  • ยา Mebendazole
  • ยา Albendazole
  • ยา Piperazine citrate

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?

ทุกเพศ ทุกวัย ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เมื่อ

  • มีอาการปวดท้องบ่อยผิดปกติ โดยเฉพาะในเด็ก
  • พบพยาธิตัวแก่หลุดออกมาปนกับอุจจาระ หรือ กับอาเจียน

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคพยาธิไส้เดือน?

การดูแลตนเองเมื่อเป็นพยาธิไส้เดือน คือ

  • รับประทานยาถ่ายพยาธิตามที่แพทย์สั่งจนครบ
  • รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การดื่มน้ำ และ อาหารที่สะอาด ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะทุกครั้งก่อนกินอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ

โรครักษาหายไหม? ใช้เวลารักษานานเท่าไร?

โรคพยาธิไส้เดือน สามารถรักษาให้หายขาดได้หลังจากรับประทานยาไม่เกิน 3 สัปดาห์ เราสามารถทราบได้ว่ารักษาหายขาดแล้ว โดยตรวจอุจจาระไม่พบไข่พยาธิอีกต่อไป

ผลข้างเคียงจากโรคพยาธิไส้เดือนมีอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงจากโรคพยาธิไส้เดือน ที่อาจพบได้ คือ

  • ปอดอักเสบ จากการที่ตัวอ่อนเดินทางผ่านปอด โดยผ่านมาทางกระแสเลือด
  • ลำไส้เล็กอุดตัน/ลำไส้อุดตัน จากการที่มีพยาธิจำนวนมากจับกันเป็นก้อน อุดตันลำไส้
  • ขาดอาหาร (ผอม ไม่เจริญเติบโตตามวัย) โดยเฉพาะในเด็ก เนื่องจากพยาธิแย่งอา หารในลำไส้
  • ดีซ่าน จากการที่ตัวพยาธิไปอุดท่อน้ำดี
  • ตับอ่อนอักเสบเนื่องจากพยาธิไชเข้าไปอุดท่อของตับอ่อน
  • ถุงน้ำดีอักเสบเนื่องจากพยาธิอุดท่อน้ำดี

ป้องกันโรคพยาธิไส้เดือนอย่างไร?

ป้องกันโรคพยาธิไส้เดือนได้โดย

  • ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะเสมอ อย่าถ่ายอุจจาระลงแม่น้ำลำคลอง อย่าถ่ายอุจจาระลงพื้นดิน
  • ล้างมือให้สะอาด ฟอกสบู่ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อกำจัดไข่พยาธิที่อาจติด ตามมือและนิ้ว
  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง โดยฟอกสบู่หลังจากถ่ายอุจจาระทุกครั้ง เพื่อกำจัดไข่พยาธิที่อาจติดมือไปแพร่ให้ผู้อื่นได้
  • ล้างมือเด็กบ่อยๆ เพราะเด็กชอบดูดมือและนิ้ว ถ้ามือเด็กสกปรก อาจมีไข่พยาธิเข้าปากได้
  • ดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำที่ผ่านการกรองอย่างถูกต้อง เพื่อกำจัดไข่พยาธิที่อาจปนเปื้อนอยู่ในน้ำได้
  • ล้างผัก ผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานเสมอ เพราะในผักผลไม้สดอาจมีไข่พยาธิปะ ปนมาได้ เพราะสวนผัก ผลไม้บางแห่งอาจใช้อุจจาระเป็นปุ๋ย
  • สำหรับผู้ทำอาหาร หรือ เตรียมอาหารต้องล้างมือฟอกสบู่ก่อนทำอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันไข่พยาธิปะปนลงไปในอาหาร
  • ถ้าเดินทางไปประเทศที่การสาธารณสุขยังไม่ดี ต้องระมัดระวังเรื่องการดื่มน้ำและอา หารเป็นพิเศษ
  • ไม่นำอุจจาระมาเป็นปุ๋ยรดผัก

บรรณานุกรม

  1. https://www.cdc.gov/parasites/ascariasis/index.html [2019,Sept14]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Ascaris_lumbricoides [2019,Sept14]