ปัสสาวะไม่ออก (Urinary retention)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 18 เมษายน 2564
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ชนิดของปัสสาวะไม่ออก
- ปัสสาวะไม่ออกมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- ปัสสาวะไม่ออกมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยปัสสาวะไม่ออกและหาสาเหตุได้อย่างไร?
- รักษาปัสสาวะไม่ออกอย่างไร?
- ปัสสาวะไม่ออกก่อผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
- การพยากรณ์โรคของปัสสาวะไม่ออกเป็นอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
- ป้องกันปัสสาวะไม่ออกอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- ปัสสาวะ (Urine)
- ปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
- ต่อมลูกหมากอักเสบติดเชื้อ (Bacterial prostatitis)
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection)
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease)
- ต่อมลูกหมากโต หรือ บีพีเอช (Benign prostatic hypertrophy or BPH)
- มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer)
- ปัสสาวะปนเลือด (Hematuria)
- โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคสมอง โรคทางสมอง (Brain disease)
- โรคไขสันหลัง (Spinal cord disease)
- โรคไต (Kidney disease)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ปัสสาวะไม่ออก หรือ ฉี่ไม่ออก(Urinary retention)คือ อาการหรือภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถถ่ายปัสสาวะออกได้หมดตามปกติ ส่งผลให้อาจไม่มีปัสสาวะออกเลยทั้งๆที่ปวดปัสสาวะ/เบ่งปัสสาวะเต็มที่แล้ว หรือ ปัสสาวะแต่ละครั้งปริมาณน้อยกว่าปกติมาก, ลำปัสสาวะไม่พุ่ง, ปวดปัสสาวะ/เข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน, บางคนอาจมีกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ร่วมด้วย
ปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก พบบ่อยทั่วโลก พบทุกอายุโดยเฉพาะชนิดเกิดเฉียบพลัน แต่ในชนิดเกิดเรื้อรัง มักพบในเพศชายสูงอายุ (ประมาณ 10%ในเพศชายอายุช่วง50-70ปี และเพิ่มเป็นประมาณ30%เมื่ออายุช่วง70ปีขึ้นไป) พบในเพศหญิงน้อยกว่าเพศชายประมาณ10เท่าโดยมีรายงานประมาณ 1 รายต่อประชากรเพศหญิง1แสนราย/ปี
ชนิดของปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก
ปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก มี 2ชนิด ตามลักษณะอาการที่เกิดและระยะเวลาที่เกิดอาการ คือ
- ปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลัน: อาการปัสสาวะไม่ออกเกิดทันที มักเกิดร่วมกับปวดปัสสาวะมากและปวดท้องน้อยมากเสมอ และอาจคลำได้ก้อนเนื้อซึ่งคือกระเพาะปัสสาวะที่ขยายใหญ่จากมีน้ำปัสสาวะคั่งที่อยู่ตรงกลางเหนือกระดูกหัวหน่าว, จัดเป็น’อาการรุนแรง/ภาวะฉุกเฉิน’ที่ต้องรีบนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ทันที ซึ่งปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลันพบได้ทุกเพศทุกวัย
- ปัสสาวะไม่ออกเรื้อรัง: เป็นอาการไม่รุนแรง อาการจะค่อยๆเกิดแต่ต่อเนื่องที่ส่งผลถึงคุณภาพชีวิต เช่น
- ปัสสาวะบ่อยเพราะปัสสาวะแต่ละครั้งมักปริมาณไม่มาก มีปัสสาวะเหลือคั่งในกระเพาะปัสสาวะเสมอหลังปัสสาวะทุกครั้งซึ่งเป็นปัจจัยให้ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
- มักไม่มีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาจเพียงรู้สึกปวดหน่วงๆไม่มากในท้องน้อยเป็นครั้งคราว
- ลักษณะลำปัสสาวะจะแตก ไม่พุ่ง บางครั้งอาจไหลซึมออกมาเอง หรือ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- อาการมักพบในเพศชายสูงอายุ(ประมาณ 50-60ปีขึ้นไป)ซึ่งพบบ่อยกว่าเพศหญิงประมาณ10เท่า
ปัสสาวะไม่ออกมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก มีหลากหลาย ได้แก่
ก. มีการอุดกั้น/อุดตัน/กดเบียดทับ กระเพาะปัสสาวะส่วนต่อกับท่อปัสสาวะ, และ/หรือภายในในท่อปัสสาวะ, และ/หรือที่ปากท่อปัสสาวะ
- สาเหตุในเพศชาย: เช่น
- โรคต่อมลูกหมากโต
- ท่อปัสสาวะ/ปากท่อปัสสาวะตีบ เช่น อาจมีพังผืดจากการอักเสบ เรื้อรังของท่อปัสสาวะ เช่น จากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- สาเหตุในเพศหญิง: เช่น
- มีเนื้องอก/ก้อนเนื้อในท้องน้อย/อุ้งเชิงกราน เช่น เนื้องอกมดลูก, เนื้องอกรังไข่
- โรค /ภาวะมดลูกหย่อน
- มะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธ์ภายในของสตรี เช่น มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, มะเร็งซาร์โคมามดลูก
- กะบังลมหย่อน
- การตั้งครรภ์ ที่รวมถึงวิธีคลอดบุตร เช่น การคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ
- สาเหตุในทั้ง2เพศ: เช่น
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- นิ่วในท่อปัสสาวะ
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- เนื้องอก/มะเร็งท่อปัสสาวะ
- ท้องผูกเรื้อรังจนก้อนอุจจาระในไส้ตรงและทวารหนักกดเบียดทับ กระเพาะปัสสาวะ และ/หรือ ท่อปัสสาวะ
- ท่อปัสสาวะตีบแคบที่มักเกิดตามหลังการอักเสบเรื้อรัง เช่น สวนปัสสาวะบ่อย, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- อุดตันจากก้อนเลือด/ลิ่มเลือดกรณีมีเลือดออกในกระเพาะปัสสาวะหรือในระบบทางเดินปัสสาวะ
- โรคเลือดที่ทำให้เลือดออกง่ายร่วมถึงเลือดออกในกระเพาะปัสสาวะ/อวัยวะระบบทางเดินปัสสาวะจนเกิดเป็นลิ่มเลือดอุดกั้นในกระเพาะปัสสาวะและ/หรือในท่อปัสสาวะ
ข. การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและ/หรือของท่อปัสสาวะ:
- สาเหตุในเพศชาย: เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบติดเชื้อจนเป็นหนอง
- สาเหตุในเพศหญิง: เช่น การอักเสบติดเชื้อรุนแรงในช่องคลอดจนส่งผลให้ ปากท่อปัสสาวะที่เปิดออกภายนอกร่างกายอักเสบบวมจนอุดตัน
- สาเหตุในทั้ง2เพศ: เช่น ไขสันหลังอักเสบ เช่น วัณโรคไขสันหลัง, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ส่งผลให้ปากท่อปัสสาวะอักเสบ บวม และ/หรือเกิดหนอง
ค. ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด: เช่น
- ยาแก้แพ้ เช่น ยาเซทิไรซีน, ยาคลอเฟนิรามีน
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิก เช่นยา ไฮออสไซยามีน
- ยารักษาโรคซึมเศร้า (TCAs) เช่น ยาอะมิทริปไทลีน
- ยากลุ่มโอปิออยด์
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ที่ทำให้มีเลือดออกในระบบทางเดินปัสสาวะ/กระเพาะปัสสาวะจนเกิดเป็นลิ่มเลือดอุดกั้นในกระเพาะปัสสาวะและ/หรือท่อปัสสาวะ
ง. อุบัติเหตุต่อกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ และ/หรือ ระบบประสาทควบคุมเนื้อเยื่อ/อวัยวะในท้องน้อย เช่น ท้องน้อยถูกกระแทกรุนแรง
จ. มีโรคสมอง หรือโรคไขสันหลัง หรือโรคเส้นประสาท ที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะ: เช่น อัมพาต: โรคหลอดเลือดสมอง, ไขสันหลังอักเสบ, โรคพาร์กินสัน, โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
ฉ. ผลข้างเคียงจากการตรวจและ/หรือการรักษาโรค: เช่น หลังส่องกล้องตรวจระบบทางเดินปัสสาวะ, หลังผ่าตัดในช่องท้อง/ช่องท้องน้อย, การผ่าตัดอวัยวะระบบทางเดินปัสสาวะโดยเฉพาะผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะ, หลังใส่ท่อปัสสาวะ หรือใส่ท่อฯคาไว้เป็นระยะเวลายาวนาน
ช. ปัญหาทางอารมณ์/จิตใจ/โรคจิตเวช ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ต้องการปัสสาวะจึงกลั้นปัสสาวะตลอดเวลา
ปัสสาวะไม่ออกมีอาการอย่างไร?
อาการจากปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก ได้แก่
ก. ปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกเฉียบพลัน: อาการสำคัญหลัก คือ
- ปัสสาวะไม่ออกทันที/เฉียบพลันทั้งๆที่เบ่งปัสสาวะเต็มที่แล้ว บางครั้งไม่มีน้ำปัสสาวะออกเลย แต่บางครั้งมีน้ำปัสสาวะออกได้บ้างแต่ปริมาณน้อยผิดปกติ ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเกิดร่วมกับ
- ปวดท้องน้อยตอนล่างมาก
- บางครั้งเมื่อเบ่งปัสสาวะมากๆอาจมีเลือดปนออกมาจากปากท่อปัสสาว
- คลำได้คล้ายก้อนเนื้อเหนือกระดูกหัวหน่าว ซึ่งคือกระเพาะปัสสาวะที่มีน้ำปัสสาวะกักคั่งจนขยายใหญ่)
ข. ปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกเรื้อรัง: อาการหลัก เช่น
- ผู้ป่วยจะยังถ่ายปัสสาวะได้เสมอ โดยแต่ละครั้งไม่สามารถถ่ายปัสสาวะออกหมด จึงมักมีอาการเหมือนถ่ายไม่สุด และยังรู้สึกปวดปัสสาวะอยู่เกือบตลอดเวลา อาการค่อยๆเกิดต่อเนื่องและค่อยๆแย่ลงช้าๆ ไม่รุนแรง แต่เป็นปัญหาต่อคุณภาพชีวิต
- ปัสสาวะบ่อย มักมากกว่า 8 ครั้งต่อวัน กลั้นปัสสาวะแต่ละครั้งได้ประมาณต่ำกว่า2ชั่วโมง
- ปัสสาวะไม่เป็นลำ ไม่พุ่ง บางครั้งลำปัสสาวะสะดุด แล้วจึงกลับมาไหลออกอีก
- อาจมีปัสสาวะเล็ดหรือซึมออกมาตลอดทั้งวัน
- มักกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- ปวดปัสสาวะกลางคืนจนต้องตื่นถ่ายปัสสาวะตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไปต่อคืน
- อาจรู้สึกปวดหน่วง หรือ แน่นอึดอัด ในบริเวณท้องน้อย แต่อาการไม่มาก
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกดังได้กล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอโดยเฉพาะปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลันซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้
แพทย์วินิจฉัยปัสสาวะไม่ออกและหาสาเหตุได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกและหาสาเหตุได้จาก
- ซักถามประวัติทางการแพทย์ต่างๆของผู้ป่วย เช่น อายุ เพศ อาการต่างๆ ประวัติโรคประจำตัว การรักษาที่ผ่านมาในอดีตรวมถึงการผ่าตัด การตั้งครรภ์ วิธีในการคลอดบุตร การฉายรังสีรักษา การใช้ยาต่างๆ โรค/ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ การมีเพศสัมพันธ์
- การตรวจร่างกายทั่วไป
- การตรวจภายใน (เพศหญิง)
- การตรวจทางทวารหนัก
- การตรวจปัสสาวะ อาจร่วมกับการตรวจเชื้อ และ/หรือการตรวจเพาะเชื้อจากน้ำปัสสาวะ
- ตรวจเลือดเพื่อช่วยวินิจฉัยสาเหตุ เช่น โรคเลือด, ดูค่าการทำงานของไต, โรคเบาหวาน
- ตรวจเลือดดูค่าสารมะเร็งของมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายกรณีต่อมลูกหมากโต
- ส่องกล้องตรวจท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ และอาจร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อที่รอยโรคเมื่อพบความผิดปกติเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
- การตรวจภาพท้องน้อยด้วย อัลตราซาวด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือ เอมอาร์ไอ
- การตรวจวิธีเฉพาะทางศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การตรวจหาปริมาณน้ำปัสสาวะที่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ(Post void residual volume)
- การตรวจการทำงานต่างๆของระบบการไหลของปัสสาวะที่เรียกว่า Urodynamic tests
รักษาปัสสาวะไม่ออกอย่างไร?
แนวทางการรักษาปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก ได้แก่ การรักษาเพื่อให้น้ำปัสสาวะไหลออกได้ตามปกติและ/หรือให้กระเพาะปัสสาวะ/ท่อปัสสาวะกลับมาทำงานได้ตามปกติ, และการรักษาสาเหตุ
⌘ กรณีปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกเฉียบพลัน:
ก. แพทย์จะให้การรักษาเพื่อให้น้ำปัสสาวะสามารถไหลออกได้ตามปกติเพื่อลดอาการปวดท้อง, ลดโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะแตก, และลดโอกาสเกิดภาวะไตวาย เช่น
- แพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะผ่านทางปากท่อปัสสาวะ
- ถ้าไม่สามารถใส่สายสวนฯผ่านท่อปัสสาวะได้ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดเล็กๆหน้าท้องน้อยเหนือหัวหน่าวเพื่อสอดใส่สายท่อปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะไหลออกทางหน้าท้อง
ข. การรักษาสาเหตุ: เมื่อรักษาให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้แล้ว แพทย์จะให้การรักษาสาเหตุซึ่งจะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามแต่ละสาเหตุ เช่น รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น (แนะนำอ่านรายละเอียดที่รวมถึงวิธีรักษาโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุดังได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ได้จากเว็บhaamor.com)
ค. การรักษาตามอาการ: เช่น
- ให้ยาแก้ปวด, ยาลดไข้, และ/หรือ ยานอนหลับ ตามอาการ
- รักษาภาวะขาดน้ำกรณีมีภาวะขาดน้ำ เช่น ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
⌘ กรณีปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกเรื้อรัง:
แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุ จึงแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคนตามแต่ละสาเหตุ เช่น ต่อมลูกหมากโต, มดลูกหย่อน, กระบังลมหย่อน, โรคสมอง, โรคไขสันหลัง, หรือ มะเร็งต่างๆ
(แนะนำอ่านรายละเอียดที่รวมถึงวิธีรักษาโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุดังได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ได้จากเว็บhaamor.com รวมถึงวิธีรักษา)
ปัสสาวะไม่ออกก่อผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่พบได้จากภาวะปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก เช่น
- กรณีมีน้ำปัสสาวะกักคั่งมากในกรณีปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกเฉียบพลัน การรักษานำน้ำปัสสาวะออกต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ร่างกายอาจเสียน้ำและ/หรือเสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ จนอาจมีผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำจนอาจถึงขั้นเกิดภาวะช็อกได้
- กรณีปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกเรื้อรัง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเพิ่มความดันในระบบทางเดินปัสสาวะจนอาจเกิดภาวะไตวายเรื้อรังได้
- การใส่สายสวนปัสสาวะ อาจเป็นสาเหตุเกิดโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ซ้ำๆได้
การพยากรณ์โรคของปัสสาวะไม่ออกเป็นอย่างไร?
ปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกมีการพยากรณ์โรคต่างกันในแต่ละผู้ป่วยโดยขึ้นกับสาเหตุเป็นหลัก ดังนั้นแพทย์ผู้รักษาเท่านั้นที่จะให้การพยากรณ์โรคในแต่ละผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมเป็นรายๆไป ซึ่งทั่วไป เช่น
- การพยากรณ์โรคแย่เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคมะเร็ง
- แต่โดยทั่วไป แพทย์มักรักษาควบคุมอาการให้ผู้ป่วยสามารถมีคุณภาพชีวิตได้เหมาะสมกับวัยและโรคที่เป็นสาเหตุ
(แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดอาการนี้ที่รวมถึงการพยากรณืโรคได้จาก เว็บ haamor.com)
ดูแลตนเองอย่างไร?เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
หลักการดูแลตนเองเมื่อมีอาการผิดปกติทางปัสสาวะ คือ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อแพทย์ตรวจหาสาเหตุเพื่อการดูแลรักษาแต่เนิ่นๆที่จะมีประสิทธิภาพควบคุมอาการได้เป็นอย่างดี ใกล้เคียงกับภาวะปกติ แต่ถ้ามีอาการปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลันต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
แต่หลังจากพบแพทย์แล้ว การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออกที่บ้าน ที่สำคัญคือ
- ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
- กินยา/ใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดการใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- ทำกายภาพบำบัด/กายภาพฟื้นฟูตาม แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำสม่ำเสมอ ตลอดชีวิต
- ปรับพฤติกรรมการบริโภคเพื่อป้องกันท้องผูกเรื้อรัง
- รักษา ควบคุม ป้องกัน โรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของอาการนี้ให้ได้ดี
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการนี้
(แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดอาการนี้ได้จาก เว็บ haamor.com ที่รวมถึงเรื่องการดูแลตนเอง )
ป้องกันปัสสาวะไม่ออกอย่างไร?
การป้องกันปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก ไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อย เพราะ
- หลายสาเหตุป้องกันได้ เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดปัสสาวะไม่ออก/ฉี่ไม่ออก โดยใช้ยาแต่เท่าที่จำเป็นตามแพทย์สั่งและควรรู้จักผลข้างเคียงหลักของยาทุกชนิดที่บริโภค (อ่านเพิ่มเติมใน’หัวข้อสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’)
- กินอาหารมีกากใยสูงเพื่อป้องกันท้องผูกเรื้อรัง
- สตรีทุกคนโดยเฉพาะที่มีบุตรควรฝึกกายภาพฟื้นฟูกล้ามเนื้อในช่องท้องน้อย ’ขมิบช่องคลอด’เพื่อลดโอกาสเกิดมดลูกหย่อน/ กะบังลมหย่อน
- ปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ามีปัญหาในการขับถ่าย
- แต่หลายสาเหตุป้องกันไม่ได้ เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น
(แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดอาการนี้ได้จาก เว็บ haamor.com ที่รวมถึงเรื่องการป้องกัน)
บรรณานุกรม
- David C. Serlin, et al. Am Fam Physi¬cian. 2018;98(8):496-503
- https://www.medicinenet.com/urinary_retention/article.htm [2021,April17]
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15427-urinary-retention [2021,April17]
- https://www.niddk.nih.gov/health-information/urologic-diseases/urinary-retention [2021,April17]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Urinary_retention [2021,April17]
- https://patient.info/mens-health/prostate-and-urethra-problems/urinary-retention [2021,April17]