นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculi)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculi หรือ Urinary bladder stone หรือ Bladder stone )พบประมาณ 5% ของนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ (ไต หลอดไต และกระเพาะปัสสาวะ) ทั้งหมด และพบในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยพบในผู้ชายบ่อยกว่าในผู้หญิง

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคพบประปรายในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่พบบ่อยพอ ควรในบ้านเราโดยเฉพาะในคนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีได้ตั้งแต่ขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร (ซ.ม.) ไปจนถึงใหญ่ได้มากกว่า 5 ซ.ม. อาจมีก้อนเดียวหรือหลายๆก้อน อาจมีลักษณะแข็งมาก แข็งพอประมาณ จนถึงค่อนข้างนุ่ม ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดหรือสารที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีได้หลายชนิด ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ ถิ่นที่อยู่อาศัย และอาหาร ชนิดของนิ่วที่พบได้คือ

  • แคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดประมาณ 80 %
  • แคลเซียมฟอสเฟต (Calcium phosphate)
  • แอมโมเนียมยูเรท (Ammonium urate)
  • กรดยูริค (Uric acid)
  • แมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต (Magnesium ammonium phosphate) และ
  • ซีสเตอีน (Cysteine)

โดยนิ่วแต่ละก้อนอาจประกอบด้วยสารใดสารหนึ่งเพียงชนิดเดียว หรือสารหลายๆชนิดผสมปนกัน

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดได้อย่างไร?

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

กลไกการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะคือ จากมีการตกตะกอนของสารที่ประกอบขึ้นเป็นนิ่ว(ดังกล่าวแล้ว)ในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อเกิดเรื้อรัง สารเหล่านี้จึงรวมตัวกันเกิดเป็นก้อนซึ่งคือนิ่วนั่นเอง โดยสาเหตุที่ทำให้สารเหล่านี้ตกตะกอนได้ง่ายมักเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน แต่อาจเกิดจากสาเหตุเดียวได้ สาเหตุต่างๆได้แก่

  • จากมีการกักค้างของปัสสาวะเรื้อรังในกระเพาะปัสสาวะ
  • จากมีปริมาณสารตกตะก่อนต่างๆสูงดังกล่าวแล้วในปัสสาวะ
  • จากกระเพาะปัสสาวะมีการระคายเคืองเรื้อรัง
  • จากมีนิ่วหลุดลงมาจากไตแล้วมาสะสมโตขึ้นในกระเพาะปัสสาวะ

ก. จากการกักค้างของปัสสาวะเรื้อรังในกระเพาะปัสสาวะ: ที่พบได้บ่อยคือ

  • จากมีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น จากท่อปัสสาวะตีบแคบอาจตั้งแต่กำเนิด (โรคทางพันธุกรรม) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะในเด็ก หรือ
  • จากโรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชายตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป หรือ
  • จากโรคสมองหรือโรคทางเส้นประสาทที่ทำให้ปัสสาวะไม่คล่อง เช่น โรคอัมพฤกษ์/อัมพาต หรือ
  • โรคกระบังลมหย่อนในผู้หญิง หรือ
  • จากดื่มน้ำน้อย

ข. จากมีปริมาณสารตกตะกอนต่างๆสูงในปัสสาวะ: เช่น

  • จากดื่มน้ำน้อย
  • จากกินอาหารที่มีสารเหล่านั้นสูง เช่น
    • แคลเซียม จากการเสริมอาหารด้วยเกลือแร่แคลเซียมในปริมาณสูง
    • จากกินอาหารที่มีออกซาเลตสูงหรือสูงปานกลางต่อเนื่อง เช่น โยเกิร์ต ถั่วรูปไต ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆ มะเดื่อ แครอท บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บรอคโคลิ หัวหอม มะเขือเทศ ผักกะเฉด และยอดผักทั้งหลาย

ค. จากกระเพาะปัสสาวะมีการระคายเคืองเรื้อรัง: เช่น

  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง
  • การใส่สายสวนปัสสาวะเรื้อรัง เช่น ในผู้ป่วยอัมพาต หรือ
  • มีโรคถุงในกระเพาะปัสสาวะ (Diverticulum)

ง. จากมีนิ่วหลุดจากไตแล้วมาโตในกระเพาะปัสสาวะ: กรณีนี้จะตรวจพบนิ่วในไตร่วมด้วยเสมอ

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีอาการอย่างไร?

อาการพบบ่อยของโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะคือ มักไม่ค่อยมีอาการ แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญจากเอกซเรย์ช่องท้องจากโรคอื่นๆ เช่น ปวดท้องหรือปวดหลัง

แต่เมื่อมีอาการ อาการที่พบได้บ่อย คือ

  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง อาจร่วมกับปวดหลังเรื้อรัง
  • อาจปัสสาวะเป็นเลือด อาจขุ่นผิดปกติ อาจมีก้อนนิ่วหลุดออกมาด้วย
  • การปัสสาวะผิดปกติเช่น บ่อย เบ่ง ปวดแสบปวดร้อน สะดุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย (ปวดท้องน้อย ปวดหลัง ปัสสาวะปวดแสบปวดร้อนโดย เฉพาะตอนปัสสาวะสุด มีไข้ ปวดเนื้อตัว อาจปวดข้อร่วมด้วย)

แพทย์วินิจฉัยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติการบริโภค อาหาร วิตามิน/เกลือแร่เสริมอาหาร
  • การตรวจร่างกาย
  • การตรวจปัสสาวะ (URL ในเว็บ haamor.com คือ ปัสสาวะ-การตรวจปัสสาวะ)
  • การเอกซเรย์ภาพช่องท้อง และ
  • อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • การตรวจเลือดดูการทำงานของไต
    • การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ

รักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะขึ้นกับ อาการของผู้ป่วย, ขนาดก้อนนิ่ว, และสาเหตุของนิ่ว

ก. การรักษาก้อนนิ่ว: มีได้ตั้งแต่

  • ดื่มน้ำมากๆเมื่อก้อนนิ่วมีขนาดเล็กกว่า 1 ซ.ม.เพื่อช่วยให้ขับนิ่วออกมาเอง
  • การสลายนิ่วด้วยคลื่นเสียง ไปจนถึงการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะเพื่อเอานิ่วออกเมื่อก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่

ข. การรักษาสาเหตุ: เช่น

  • ดื่มน้ำมากๆเมื่อโรคเกิดจากดื่มน้ำน้อย
  • การผ่าตัดต่อมลูกหมากเมื่อมีต่อมลูกหมากโตอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ และ
  • แนะนำการบริโภคอาหารที่มีสารประกอบของนิ่วต่ำ (แพทย์ทราบได้จากการสอบถามเรื่องอาหารและการตรวจก้อนนิ่วทางห้องปฏิบัติการเพื่อดูสารประกอบของนิ่ว)

ค. การรักษาตามอาการ: เช่น

  • ยาแก้ปวด
  • ยาลดไข้ หรือ
  • ยาปฏิชีวนะเมื่อมีกระ เพาะปัสสาวะอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

มีผลข้างเคียงจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ คือ

  • ทางเดินปัสสาวะอุดตันจากก้อนนิ่วหลุดเข้าท่อปัสสาวะ: ซึ่งอาการต่างๆมักเกิดอย่างเฉียบพลัน และมักรุนแรงจนต้องพบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน อาการ เช่น
    • ปวดท้องรุนแรง
    • ปวดเบ่งปัสสาวะมาก
    • ปัสสาวะไม่ และ
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง (เป็นได้ทั้งสาเหตุและผลข้างเคียง) และ
  • บางครั้ง ถ้าก้อนนิ่วอยู่ในตำแหน่งอุดกั้นปากท่อไตที่เปิดเข้ากระเพาะปัสสาวะอาจส่งผลให้เกิด
    • ภาวะไตอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง และไตวายได้
  • นอกจากนั้น การอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะจากนิ่ว อาจลุกลามเป็นการอักเสบติดเชื้อของไตและ/หรือการติดเชื้อในกระแสโลหิต/ ภาวะพิษเหตุติดเชื้อได้

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะรุนแรงไหม?

โดยทั่วไปนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคไม่รุนแรง รักษาได้เสมอ แต่โรคจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีนิ่วในไตร่วมด้วยหรือมีผลข้างเคียงดังกล่าว

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

การดูแลตนเองและการพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเมื่อมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ คือ

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม หรือดื่มน้ำตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • จำกัดอาหารที่มีออกซาเลตสูง
  • ไม่ซื้อแคลเซียมเสริมอาหารกินเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
  • ป้องกันการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ (โอกาสเกิดสูง) หลังรักษาหายแล้ว ดังจะกล่าวถึงในหัวข้อ การป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • กรณีทราบแล้วว่าเป็นนิ่วในไต/พบแพทย์แล้ว ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ และ
  • รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนแพทย์นัดเมื่อ
    • มีอาการต่างๆเลวลง
    • อาการต่างๆผิดปกติไปจากเดิม
    • กังวลในอาการ
  • กรณีไม่เคยทราบว่าเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอเมื่อ
    • มีอาการทางปัสสาวะและอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 - 3 วันหลังดูแลตนเอง เช่น ปวด เบ่ง ขัด สะดุด ปัสสาวะเป็นเลือด

ป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร?

วิธีป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งการป้องกันนิ่วย้อนกลับเป็นซ้ำ ที่สำคัญ คือ

  • ดื่มน้ำสะอาดมากๆ แพทย์บางท่านแนะนำวันละประมาณ 2 ลิตร บางท่านให้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ 10 แก้ว
  • ไม่กลั้นปัสสาวะเพื่อลดการคั่งค้างของปัสสาวะและลดโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • จำกัดอาหารที่มีออกซาเลตสูง
  • กินแคลเซียมเสริมอาหารเฉพาะตามคำแนะนำของแพทย์
  • เมื่อมีอาการผิดปกติทางการถ่ายปัสสาวะควรพบแพทย์เสมอหลังดูแลตนเองแล้วไม่ดีขึ้นใน 2 - 3 วันเพื่อป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง

บรรณานุกรม

  1. Hammad, F., Kaya, M., and Kazim, E. (2006). Bladder calculi: did the clinical picture change?.Urology. 67,1154-1158.
  2. https://emedicine.medscape.com/article/2120102-overview#showall [2020,Sept 19]
  3. https://www.upmc.com/-/media/upmc/patients-visitors/education/unique-pdfs/low-oxalate-diet.pdf [2020,Sept 19]
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Bladder_stone [2020,Sept 19]