นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculi)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 20 กันยายน 2563
- Tweet
- บทนำ
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดได้อย่างไร?
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร?
- รักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะอย่างไร?
- มีผลข้างเคียงจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอย่างไร?
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะรุนแรงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- นิ่วในไต (Haemagogue)
- นิ่วในท่อไต (Ureteric stone)
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection)
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder cancer)
- กะบังลมหย่อน (Haemagogue)
- ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria)
- การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
บทนำ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculi หรือ Urinary bladder stone หรือ Bladder stone )พบประมาณ 5% ของนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ (ไต หลอดไต และกระเพาะปัสสาวะ) ทั้งหมด และพบในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยพบในผู้ชายบ่อยกว่าในผู้หญิง
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคพบประปรายในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่พบบ่อยพอ ควรในบ้านเราโดยเฉพาะในคนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีได้ตั้งแต่ขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร (ซ.ม.) ไปจนถึงใหญ่ได้มากกว่า 5 ซ.ม. อาจมีก้อนเดียวหรือหลายๆก้อน อาจมีลักษณะแข็งมาก แข็งพอประมาณ จนถึงค่อนข้างนุ่ม ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดหรือสารที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีได้หลายชนิด ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ ถิ่นที่อยู่อาศัย และอาหาร ชนิดของนิ่วที่พบได้คือ
- แคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดประมาณ 80 %
- แคลเซียมฟอสเฟต (Calcium phosphate)
- แอมโมเนียมยูเรท (Ammonium urate)
- กรดยูริค (Uric acid)
- แมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต (Magnesium ammonium phosphate) และ
- ซีสเตอีน (Cysteine)
โดยนิ่วแต่ละก้อนอาจประกอบด้วยสารใดสารหนึ่งเพียงชนิดเดียว หรือสารหลายๆชนิดผสมปนกัน
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดได้อย่างไร?
กลไกการเกิดโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะคือ จากมีการตกตะกอนของสารที่ประกอบขึ้นเป็นนิ่ว(ดังกล่าวแล้ว)ในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อเกิดเรื้อรัง สารเหล่านี้จึงรวมตัวกันเกิดเป็นก้อนซึ่งคือนิ่วนั่นเอง โดยสาเหตุที่ทำให้สารเหล่านี้ตกตะกอนได้ง่ายมักเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน แต่อาจเกิดจากสาเหตุเดียวได้ สาเหตุต่างๆได้แก่
- จากมีการกักค้างของปัสสาวะเรื้อรังในกระเพาะปัสสาวะ
- จากมีปริมาณสารตกตะก่อนต่างๆสูงดังกล่าวแล้วในปัสสาวะ
- จากกระเพาะปัสสาวะมีการระคายเคืองเรื้อรัง
- จากมีนิ่วหลุดลงมาจากไตแล้วมาสะสมโตขึ้นในกระเพาะปัสสาวะ
ก. จากการกักค้างของปัสสาวะเรื้อรังในกระเพาะปัสสาวะ: ที่พบได้บ่อยคือ
- จากมีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น จากท่อปัสสาวะตีบแคบอาจตั้งแต่กำเนิด (โรคทางพันธุกรรม) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของนิ่วในกระเพาะปัสสาวะในเด็ก หรือ
- จากโรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชายตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป หรือ
- จากโรคสมองหรือโรคทางเส้นประสาทที่ทำให้ปัสสาวะไม่คล่อง เช่น โรคอัมพฤกษ์/อัมพาต หรือ
- โรคกระบังลมหย่อนในผู้หญิง หรือ
- จากดื่มน้ำน้อย
ข. จากมีปริมาณสารตกตะกอนต่างๆสูงในปัสสาวะ: เช่น
- จากดื่มน้ำน้อย
- จากกินอาหารที่มีสารเหล่านั้นสูง เช่น
- แคลเซียม จากการเสริมอาหารด้วยเกลือแร่แคลเซียมในปริมาณสูง
- จากกินอาหารที่มีออกซาเลตสูงหรือสูงปานกลางต่อเนื่อง เช่น โยเกิร์ต ถั่วรูปไต ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆ มะเดื่อ แครอท บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บรอคโคลิ หัวหอม มะเขือเทศ ผักกะเฉด และยอดผักทั้งหลาย
ค. จากกระเพาะปัสสาวะมีการระคายเคืองเรื้อรัง: เช่น
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง
- การใส่สายสวนปัสสาวะเรื้อรัง เช่น ในผู้ป่วยอัมพาต หรือ
- มีโรคถุงในกระเพาะปัสสาวะ (Diverticulum)
ง. จากมีนิ่วหลุดจากไตแล้วมาโตในกระเพาะปัสสาวะ: กรณีนี้จะตรวจพบนิ่วในไตร่วมด้วยเสมอ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะมีอาการอย่างไร?
อาการพบบ่อยของโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะคือ มักไม่ค่อยมีอาการ แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญจากเอกซเรย์ช่องท้องจากโรคอื่นๆ เช่น ปวดท้องหรือปวดหลัง
แต่เมื่อมีอาการ อาการที่พบได้บ่อย คือ
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง อาจร่วมกับปวดหลังเรื้อรัง
- อาจปัสสาวะเป็นเลือด อาจขุ่นผิดปกติ อาจมีก้อนนิ่วหลุดออกมาด้วย
- การปัสสาวะผิดปกติเช่น บ่อย เบ่ง ปวดแสบปวดร้อน สะดุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย (ปวดท้องน้อย ปวดหลัง ปัสสาวะปวดแสบปวดร้อนโดย เฉพาะตอนปัสสาวะสุด มีไข้ ปวดเนื้อตัว อาจปวดข้อร่วมด้วย)
แพทย์วินิจฉัยนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติการบริโภค อาหาร วิตามิน/เกลือแร่เสริมอาหาร
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจปัสสาวะ (URL ในเว็บ haamor.com คือ ปัสสาวะ-การตรวจปัสสาวะ)
- การเอกซเรย์ภาพช่องท้อง และ
- อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การตรวจเลือดดูการทำงานของไต
- การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ
รักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะขึ้นกับ อาการของผู้ป่วย, ขนาดก้อนนิ่ว, และสาเหตุของนิ่ว
ก. การรักษาก้อนนิ่ว: มีได้ตั้งแต่
- ดื่มน้ำมากๆเมื่อก้อนนิ่วมีขนาดเล็กกว่า 1 ซ.ม.เพื่อช่วยให้ขับนิ่วออกมาเอง
- การสลายนิ่วด้วยคลื่นเสียง ไปจนถึงการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะเพื่อเอานิ่วออกเมื่อก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่
ข. การรักษาสาเหตุ: เช่น
- ดื่มน้ำมากๆเมื่อโรคเกิดจากดื่มน้ำน้อย
- การผ่าตัดต่อมลูกหมากเมื่อมีต่อมลูกหมากโตอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ และ
- แนะนำการบริโภคอาหารที่มีสารประกอบของนิ่วต่ำ (แพทย์ทราบได้จากการสอบถามเรื่องอาหารและการตรวจก้อนนิ่วทางห้องปฏิบัติการเพื่อดูสารประกอบของนิ่ว)
ค. การรักษาตามอาการ: เช่น
- ยาแก้ปวด
- ยาลดไข้ หรือ
- ยาปฏิชีวนะเมื่อมีกระ เพาะปัสสาวะอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
มีผลข้างเคียงจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ คือ
- ทางเดินปัสสาวะอุดตันจากก้อนนิ่วหลุดเข้าท่อปัสสาวะ: ซึ่งอาการต่างๆมักเกิดอย่างเฉียบพลัน และมักรุนแรงจนต้องพบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน อาการ เช่น
- ปวดท้องรุนแรง
- ปวดเบ่งปัสสาวะมาก
- ปัสสาวะไม่ และ
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง (เป็นได้ทั้งสาเหตุและผลข้างเคียง) และ
- บางครั้ง ถ้าก้อนนิ่วอยู่ในตำแหน่งอุดกั้นปากท่อไตที่เปิดเข้ากระเพาะปัสสาวะอาจส่งผลให้เกิด
- ภาวะไตอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง และไตวายได้
- นอกจากนั้น การอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะจากนิ่ว อาจลุกลามเป็นการอักเสบติดเชื้อของไตและ/หรือการติดเชื้อในกระแสโลหิต/ ภาวะพิษเหตุติดเชื้อได้
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะรุนแรงไหม?
โดยทั่วไปนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคไม่รุนแรง รักษาได้เสมอ แต่โรคจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีนิ่วในไตร่วมด้วยหรือมีผลข้างเคียงดังกล่าว
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
การดูแลตนเองและการพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเมื่อมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม หรือดื่มน้ำตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- จำกัดอาหารที่มีออกซาเลตสูง
- ไม่ซื้อแคลเซียมเสริมอาหารกินเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
- ป้องกันการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ (โอกาสเกิดสูง) หลังรักษาหายแล้ว ดังจะกล่าวถึงในหัวข้อ การป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- กรณีทราบแล้วว่าเป็นนิ่วในไต/พบแพทย์แล้ว ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ และ
- รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนแพทย์นัดเมื่อ
- มีอาการต่างๆเลวลง
- อาการต่างๆผิดปกติไปจากเดิม
- กังวลในอาการ
- กรณีไม่เคยทราบว่าเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอเมื่อ
- มีอาการทางปัสสาวะและอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 - 3 วันหลังดูแลตนเอง เช่น ปวด เบ่ง ขัด สะดุด ปัสสาวะเป็นเลือด
ป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้อย่างไร?
วิธีป้องกันนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งการป้องกันนิ่วย้อนกลับเป็นซ้ำ ที่สำคัญ คือ
- ดื่มน้ำสะอาดมากๆ แพทย์บางท่านแนะนำวันละประมาณ 2 ลิตร บางท่านให้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ 10 แก้ว
- ไม่กลั้นปัสสาวะเพื่อลดการคั่งค้างของปัสสาวะและลดโอกาสเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- จำกัดอาหารที่มีออกซาเลตสูง
- กินแคลเซียมเสริมอาหารเฉพาะตามคำแนะนำของแพทย์
- เมื่อมีอาการผิดปกติทางการถ่ายปัสสาวะควรพบแพทย์เสมอหลังดูแลตนเองแล้วไม่ดีขึ้นใน 2 - 3 วันเพื่อป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง
บรรณานุกรม
- Hammad, F., Kaya, M., and Kazim, E. (2006). Bladder calculi: did the clinical picture change?.Urology. 67,1154-1158.
- https://emedicine.medscape.com/article/2120102-overview#showall [2020,Sept 19]
- https://www.upmc.com/-/media/upmc/patients-visitors/education/unique-pdfs/low-oxalate-diet.pdf [2020,Sept 19]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Bladder_stone [2020,Sept 19]