ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ (Thrombin inhibitor)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ (Thrombin inhibitor) อีกชื่อคือ Direct Thrombin inhibitor ย่อว่า DTI จัดเป็นกลุ่มยาที่มีฤทธิ์เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งมีกลไกและความเชื่อมโยงกับกระบวนการห้ามเลือด(Hemostasis)ของร่างกาย ธรรมชาติของ เลือดที่ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆนั้น จะมีกลไกยับยั้งการสร้างลิ่มเลือดเพื่อ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดจากลิ่มเลือดจนเป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียนของเลือด กรณีที่เกิดมีบาดแผลทำให้หลอดเลือดเสียหาย/ฉีกขาด ร่างกายจะมีกลไกการสร้างลิ่มเลือดเพื่อปิดกั้นมิให้เลือดไหลออกจากเส้นเลือด/หลอดเลือดจนหมด แต่ในทางกลับกันหลอดเลือดจะมีกลไกยับยั้งการสลายลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ลิ่มเลือดที่สร้างขึ้นในบริเวณบาดแผลถูกทำลายลง เมื่อบาดแผลหายดีแล้วร่างกายก็จะเริ่มการสลายลิ่มเลือดที่ปิดบาดแผลให้ละลายไปกับน้ำเลือด หากมีปัจจัยบางอย่างทำให้เกิดความผิดปกติและส่งผลให้มีการก่อตัวของลิ่มเลือดในหลอดเลือด การใช้ยาต้านการก่อตัวของลิ่มเลือด ที่เรียกว่า กลุ่มยา/ยา “ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์(Thrombin inhibitor)” จะเข้ามามีบทบาทในการต่อต้านภาวะลิ่มเลือดก่อตัวผิดปกติดังกล่าว

กลไกหนึ่งที่ทำให้ลิ่มเลือดมีความแข็งแรง และไม่เกิดการละลายไปกับน้ำเลือด คือ การเปลี่ยนสารประเภทโปรตีนในน้ำเลือดที่มีชื่อว่า “ไฟบริโนเจน(Fibrinogen)” ไปเป็น”ไฟบริน(Fibrin)” ซึ่งไฟบริน จะมีลักษณะคล้ายเส้นใย และจะเข้ารวมตัวกับเกล็ดเลือดที่ปิดบริเวณบาดแผล ทำให้เกิดเป็นลิ่มเลือดที่มีความแข็งแรงและไม่ละลายไปกับน้ำเลือดได้ง่ายจนเกินไป กระบวนการสร้าง ไฟบริน จะเกิดขึ้นได้นั้นต้องอาศัยเอนไซม์ที่มีชื่อว่า ทรอมบิน(Thrombin) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา การใช้ กลุ่มยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ จะชะลอและต่อต้านการทำงานของทรอมบิน ส่งผลให้การก่อตัวของลิ่มเลือดหยุดลง

อาจแบ่งยากลุ่มทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ ออกเป็นหมวดย่อยตามโครงสร้างของยา ดังนี้

1. Bivalent direct thrombin inhibitor: เป็นกลุ่มยาที่มีโครงสร้างเป็นกรดอะมิโนเรียงต่อกันเป็นโมเลกุลใหญ่ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสารกลุ่มนี้ในสัตว์ประเภทปลิง(Hirudo medicinalis) ยาBivalent direct thrombin inhibitor จะมีการออกฤทธิ์ที่โครงสร้างของทรอมบินถึง 2 ตำแหน่ง เราจึงเรียกยากลุ่มนี้ว่า Bivalent (Bi แปลว่า 2) ตัวยาในกลุ่มนี้ เช่น Hirudin, Bivalirudin, Lepirudin, และ Desirudin

2. Univalent direct thrombin inhibitor: เป็นกลุ่มยาที่มีโครงสร้างโมเลกุลเล็กกว่าพวก Bivalent การออกฤทธิ์ต่อทรอมบินมีเพียงตำแหน่งเดียว จึงเรียกยากลุ่มนี้ว่า Univalent (Uni แปลว่า 1 ) ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ เช่น Argatroban, Inogatran, Melagatran, Ximelagatran, และ Dabigatran

3. Allosteric inhibitors: ยาในกลุ่มนี้ยังอยู่ระหว่างงานศึกษาวิจัย และยังไม่พบเห็นการใช้ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ทางคลินิก จะใช้ยากลุ่มทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ มาบำบัดรักษาอาการโรคจากการก่อตัวของลิ่มเลือด เช่น ภาวะ/โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออาการหัวใจขาดเลือด ตลอดจนกระทั่งใช้ในกระบวนการทำบอลลูนที่หลอดเลือดหัวใจ(อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หัวใจ: การซ่อมรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ) ซึ่งการใช้ยาทรอมบินอินฮิบิเตอร์ กับผู้ป่วยแต่ละรายบุคคล มีความแตกต่างกันทั้งขนาดและระยะเวลาของการใช้ยา การจะเลือกใช้ยาตัวใดในการรักษาได้อย่างเหมาะสมนั้น ต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์แต่ผู้เดียว

อนึ่ง หากผู้บริโภคมีข้อซักถามเพิ่มเติมเกียวกับยากลุ่มทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ ก็สามารถขอคำปรึกษาข้อมูลการใช้ยาดังกล่าวได้จากแพทย์ผู้ที่ตรวจรักษา หรือจากเภสัชกร ทั่วไปได้

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

ทรอมบินอินฮิบิเตอร์

ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด รวมถึงชะลอการก่อตัวของลิ่มเลือดที่เกิดความผิดปกติในการทำงาน ทางคลินิกมักจะนำยาในกลุ่มนี้มารักษาอาการป่วยที่มีลิ่มเลือดเป็นต้นเหตุ เช่น บำบัดอาการหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตายด้วยหลอดเลือดหัวใจตีบ ตลอดจนใช้ในการขยายหลอดเลือดหัวใจเพื่อทำบอลลูน(อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หัวใจ: การซ่อมรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ)

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ มีกลไกการออกฤทธิ์โดย ตัวยาจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ชื่อ ทรอมบินในน้ำเลือด จึงก่อให้เกิดการปิดกั้นการเปลี่ยนแปลงของสารประเภทไกลโคโปรตีน(Glycoprotein)ในน้ำเลือด ที่เรียกกันว่า ไฟบริโนเจน (Fibrinogen) ไปเป็นไฟบริน(Fibrin) เมื่อไม่มี ไฟบริน ไปรวมตัวกับเกล็ดเลือด จะทำให้การสร้างลิ่มเลือดยุติลงและส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆ เช่น หัวใจ ได้ตามปกติ ด้วยกระบวนการดังกล่าว จึงเป็นที่มาของสรรพคุณของยากลุ่มนี้

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ มีรูปแบบการจัดจำหน่าย โดยมีทั้งยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำและยารับประทาน ซึ่งจะมีขนาดยาแตกต่างกันในแต่ละตัวยาย่อย

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

การใช้ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์แต่ละตัวยาย่อย มีความแตกต่างกันออกไป แพทย์จะเป็นผู้บริหารยา/ใช้ยากับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุดทั้งในการเลือกชนิดและขนาดของยาเหล่านั้น

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยา หรืออาหารเสริม อะไรอยู่ เพราะกลุ่มยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ และ/หรือกับอาหารเสริม ที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

กลุ่มยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น

  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เลือดออกที่เหงือก เลือดออกในทางเดินอาหาร
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ เลือดออกในเนื้อสมอง เลือดออกในกะโหลกศีรษะ
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น มีผื่นคัน ลมพิษ
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงหรือไม่ก็ต่ำ มีอาการเจ็บหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจตาย
  • ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น ปวดหลัง เจ็บหน้าอก
  • ผลต่อระบบเลือด: เช่น มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เกิดโลหิตจาง มีอาการห้อเลือด
  • ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน/ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น มีเลือดกำเดา ไอเป็นเลือด เลือดออกในปอด หายใจขัด/หายใจลำบาก
  • ผลต่อตา: เช่น เลือดออกใต้เยื่อตา
  • ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น กระสับกระส่าย

มีข้อควรระวังการใช้ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์อย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยากลุ่มนี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่อยู่ในภาวะตกเลือด หรือมีเลือดออกในอวัยวะต่างๆของร่างกาย
  • กรณีเป็นยารับประทาน ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นรับประทาน และห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
  • ระวังการใช้ยานี้กับ สตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร และเด็ก
  • ไม่ใช้ยานี้ที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น เม็ดยาแตกหัก หรือ สียาเปลี่ยนไป
  • เฝ้าระวังสัญญาณชีพและอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะที่ให้ยากลุ่มนี้ ทางหลอดเลือด
  • มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • การใช้ ยาBivalirudin ร่วมกับ ยาUrokinase อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่ายมากขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
  • หลีกเลี่ยงการใช้ ยาLepirudin ร่วมกับยาTipranavir ด้วยจะเสี่ยงต่อภาวะตกเลือด อย่างรุนแรง
  • ห้ามใช้ ยาDabigatran ร่วมกับ ยา Ibuprofen เพราะจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกในร่างกายอย่างรุนแรงตามมา
  • หลีกเลี่ยงการใช้ ยาArgatroban ร่วมกับ ยา Alteplase ด้วยจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่ายมากขึ้นตามมา กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป

ควรเก็บรักษาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์อย่างไร

ควรเก็บยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยา ห้ามเก็บยาในช่องแข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

ทรอมบิน อินฮิบิเตอร์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาทรอมบิน อินฮิบิเตอร์ มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Acova (อะโควา)Abbott Laboratories
Angiomax (แอนจิโอแมกซ์)BenVenue Laboratories
Refludan (รีฟลูดาน)ZLB Behring GmbH
Exanta (เอกแซนตา)Vetter Pharma
Pradaxa (พราดักซา) Boehringer Ingelheim

บรรณานุกรม

  1. http://www.si.mahidol.ac.th/department/biochemistry/home/md/lecture/hemostasis.pdf [2017,Nov25]
  2. http://www.si.mahidol.ac.th/department/biochemistry/home/md/lecture/Hemostasis_lecture_note.pdf [2017,Nov25]
  3. https://en.wikipedia.org/wiki/Direct_thrombin_inhibitor [2017,Nov25]
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Discovery_and_development_of_direct_thrombin_inhibitors#DTIs_inhibition [2017,Nov25]
  5. https://www.drugs.com/sfx/bivalirudin-side-effects.html [2017,Nov25]
  6. https://www.drugs.com/drug-interactions/lepirudin-index.html?filter=3&generic_only= [2017,Nov25]
  7. https://www.drugs.com/drug-interactions/actiprofen-with-dabigatran-1310-15143-3266-0.html [2017,Nov25]
  8. https://s3-us-west-2.amazonaws.com/drugbank/fda_labels/DB00006.pdf?1265922803 [2017,Nov25]
  9. https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2006/020807s011lbl.pdf [2017,Nov25]
  10. https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2000/20883lbl.pdf [2017,Nov25]