ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (ตอนที่ 3 และตอนจบ)

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ-3

      

      ในการวินิจฉัย แพทย์อาจซักประวัติ เช่น ประวัติการเป็นไข้ การเดินทางเมื่อไม่นานมานี้ การสัมผัสกับแมวหรือสัตว์อื่นในระยะที่ผ่านมา นอกจากนี้อาจอาศัยการตรวจดังต่อไปนี้

  • การตรวจเลือดเพื่อดูการติดเชื้อ
  • การนำตัวอย่างเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลืองหรือน้ำเหลืองไปส่องกล้องจุลทรรศน์ (Lymph node biopsy)
  • การเพาะเชื้อจากน้ำเหลืองเพื่อหาชนิดของเชื้อโรค
  • การเอ็กซเรย์หรือทำซีทีสแกนเพื่อหาก้อนเนื้อที่อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ

      สำหรับการรักษาจะขี้นกับปัจจัยดังต่อไปนี้

  • อายุของผู้ป่วย
  • สุขภาพโดยรวมและประวัติสุขภาพ
  • การแพร่กระจายของเชื้อ
  • ความเหมาะสมต่อการใช้ยาหรือวิธีการที่ใช้รักษา
  • ความเห็นชอบของผู้ป่วย

      ทั้งนี้ การรักษาอาจประกอบด้วย

  • การให้ยาปฏิชีวนะด้วยการกินหรือการฉีดเพื่อจัดการกับเชื้อแบคทีเรีย
  • การให้ยาลดปวดแก้ไข้
  • การให้ยาลดบวม
  • การผ่าเอาหนองออก
  • การประคบเย็นเพื่อลดอาการอักเสบและปวด

      ส่วนใหญ่อาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบจะหายได้เร็วหากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ดีอาจใช้เวลานานในการรอให้ต่อมหายบวม

      กรณีที่ไม่ทำการรักษา อาการแทรกซ้อนของต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

  • เป็นหนอง
  • โรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ (Cellulitis)
  • โรคฝีคัณฑสูตร (Fistulas)
  • ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)

      ในส่วนของการป้องกันต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ทางที่ดีที่สุดก็คือ การสังเกตุตัวเองเมื่อเริ่มมีอาการบวมใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์

      

แหล่งข้อมูล:

  1. Lymphadenitis. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/lymphadenitis [2019, October 30].
  2. Lymph Node Inflammation (Lymphadenitis). https://www.healthline.com/health/lymphadenitis [2019, October 30].
  3. Lymphadenitis. https://medlineplus.gov/ency/article/001301.htm [2019, October 30].