ต่อมน้ำลายอักเสบ (Sialadenitis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 21 พฤศจิกายน 2562
- Tweet
- บทนำ:คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ต่อมน้ำลายอักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- ต่อมน้ำลายอักเสบมีอาการอย่างไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดต่อมน้ำลายอักเสบ?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยต่อมน้ำลายอักเสบอย่างไร?
- รักษาต่อมน้ำลายอักเสบอย่างไร?
- ต่อมน้ำลายอักเสบมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ต่อมน้ำลายอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันต่อมน้ำลายอักเสบอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- ต่อมน้ำลาย (Salivary gland)
- นิ่วต่อมน้ำลาย หรือ นิ่วน้ำลาย หรือ นิ่วท่อน้ำลาย (Sialolithiasis)
- มะเร็งต่อมน้ำลาย (Salivary gland cancer)
- โรคติดเชื้อ ภาวะติดเชื้อ (Infectious disease)
- โรคภูมิต้านตนเอง โรคออโตอิมมูน (Autoimmune disease)
- เชื้อไวรัส โรคติดเชื้อไวรัส (Viral infection)
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
- ปากคอแห้ง (Dry mouth and Dry throat)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ต่อมน้ำลายอักเสบ (Sialadinitis หรือ Sialoadenitis) คือโรคที่เกิดจากเซลล์ต่อมน้ำลายเกิดการอักเสบ(Inflammation of salivary gland) ซึ่งอาจเกิดจาก
- การอักเสบชนิดติดเชื้อ เช่น อักเสบติดเชื้อไวรัส หรือ แบคทีเรีย หรือ
- ส่วนที่พบน้อยกว่า เกิดจากการอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโรคออโตอิมมูน /โรคภูมิต้านตนเอง
อนึ่ง: ต่อมน้ำลายอักเสบแบ่งตามระยะเวลาเกิดได้เป็น2ชนิด คือ
- เมื่อต่อมน้ำลายอักเสบเกิดอย่างรวดเร็วภายใน 1-2สัปดาห์ และรักษาหายได้ภายในประมาณ1เดือน โดยอาการมักรุนแรง เรียกว่าเป็น ‘ต่อมน้ำลายอักเสบเฉียบพลัน’
- แต่ถ้าต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการน้อย เป็นระยะเป็นเดือน หรือหลายเดือน หรือเป็นๆหายๆ เรียกว่า ‘ต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรัง’
ต่อมน้ำลายอักเสบ อาจเกิดเพียงต่อมเดียว หรือหลายต่อมพร้อมกันก็ได้ ทั่วไปถ้าเป็นการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียมักเกิดกับต่อมเดียว แต่ถ้าจากสาเหตุอื่นมักพบเกิดหลายต่อม ซึ่งการอักเสบทั้ง2ชนิดของต่อมน้ำลายเกิดได้กับต่อมน้ำลายทุกต่อม ทั้งต่อมน้ำลายขนาดใหญ่ และต่อมน้ำลายจิ๋วที่กระจายอยู่ทั่วช่องปากและลำคอ โดยต่อมน้ำลายขนาดใหญ่มี 3 คู่ ซ้าย-ขวา คือ ต่อมพาโรติด/ต่อมฯที่อยู่หน้าต่อรูหู, ต่อมฯใต้ขากรรไกรล่าง, และต่อมใต้ลิ้น (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com เรื่อง ‘ต่อมน้ำลาย’)
ทั้งนี้ต่อมน้ำลายที่พบเกิดการอักเสบบ่อยกว่าต่อมน้ำลายอื่นคือ ต่อมพาโรติด รองลงไปคือ ต่อมใต้ขากรรไกรล่าง
ต่อมน้ำลายอักเสบ เป็นโรคพบเรื่อยๆ ไม่บ่อยมาก พบทั่วโลก ไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ พบชนิดอักเสบติดเชื้อมากกว่าชนิดอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายงานสถิติเกิดในภาพรวมของต่อมน้ำลายอักเสบทุกสาเหตุร่วมกัน มักรายงานแยกย่อยไปแต่ละสาเหตุ
ต่อมน้ำลายอักเสบพบทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบบ่อยกว่ามากในวัยกลางคนและโดยเฉพาะวัยสูงอายุขึ้นไป เพศหญิงและเพศชายพบใกล้เคียงกัน
ต่อมน้ำลายอักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
ต่อมน้ำลายอักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อย ได้แก่
ก. ต่อมน้ำลายอักเสบติดเชื้อ: เป็นสาเหตุพบบ่อยของต่อมน้ำลายอักเสบทั้งหมด และมักเป็นการอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่
- ติดเชื้อไวรัส: เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุด เช่น
- จากไวรัสโรคคางทูม ซึ่ง เป็นสาเหตุต่อมน้ำลายอักเสบพบบ่อยที่สุด ประมาณ 10% ของผู้ป่วยต่อมน้ำลายอักเสบติดเชื้อ
- จากการติดเชื้อเอชไอวี/ โรคเอดส์ ซึ่งกลไกการเกิด แพทย์ยังไม่ทราบแน่ชัด ทราบเพียงแต่ว่า ไม่ได้เกิดจากเซลล์ต่อมน้ำลายติดเชื้อเอชไอวีโดยตรง พบเกิดในเด็กบ่อยกว่าในผู้ใหญ่ ประมาณ 20%ของเด็กติดเชื้อเอชไอวี และประมาณ 1-6%ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในผู้ใหญ่
- ติดเชื้อแบคทีเรีย: มีรายงานจากสหราชอาณาจักร พบได้ 27.5รายต่อประชากร 1ล้านคน พบบ่อยจากเชื้อชนิด Staphylococcus aureus ซึ่งสาเหตุ เช่น
- นิ่วต่อมน้ำลาย
- ต่อมน้ำลายได้รับบาดเจ็บโดยตรง เช่น แผลผ่าตัดต่อมน้ำลาย , แผลจากการบาดของมีดโกน, แผลจากการเจาะ/ดูดเซลล์จากต่อมน้ำลายเพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา
ข. ต่อมน้ำลายอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ: คือ เซลล์ต่อมน้ำลายเกิดอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งมักเป็นการอักเสบแบบเรื้อรัง สาเหตุพบบ่อย คือจากโรคออโตอิมมูน/ โรคภูมิแพ้ตนเอง เช่น
- กลุ่มอาการโจเกรน
- โรคข้อรูมาตอยด์
ค. นิ่วต่อมน้ำลาย หรือท่อน้ำลายตีบหรืออุดตัน: เป็นสาเหตุได้ทั้ง ต่อมน้ำลายอักเสบเฉียบพลันที่เซลล์ต่อมน้ำลายติดเชื้อแบคทีเรีย และต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรัง
ง. ภาวะน้ำลายน้อยผิดปกติ: เป็นได้ทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดต่อมน้ำลายอักเสบ ที่มักอักเสบแบบติดเชื้อแบคทีเรีย และเป็นได้ทั้งผลข้างเคียงของต่อมน้ำลายอักเสบเพราะการอักเสบจะทำลายเซลล์ต่อมน้ำลายจนเกิดเป็นพังผืดขึ้น ส่งผลให้ต่อมน้ำลายสร้างน้ำลายน้อยลง จนเป็นสาเหตุให้เกิดการคั่งค้างของแบคทีเรียในต่อมน้ำลายจนเกิดเป็นต่อมน้ำลายอักเสบในที่สุด ซึ่งสาเหตุของภาวะน้ำลายน้อยผิดปกติพบได้หลากหลาย เช่น
- จากการอักเสบเรื้อรังของต่อมน้ำลาย
- จากการรักษาโรคต่อมน้ำลายด้วยการผ่าตัด
- จากการฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งในระบบศีรษะและลำคอ
- หรือจากผลข้างเคียงจากยาบางกลุ่ม
(แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘ปากแห้งเหตุน้ำลายน้อย’)
จ. ผลข้างเคียงจากยา: ยาบางกลุ่มจะมีผลต่อเซลล์ต่อมน้ำลายโดยตรง หรือต่อระบบประสาทที่ควบคุมการสร้างน้ำลายของต่อมน้ำลาย ส่งผลให้เซลล์ต่อมน้ำลายลดการสร้างน้ำลาย เช่น
- ยาลดความดันโลหิตสูงกลุ่ม เบต้าบล็อกเกอร์
- ยาแก้แพ้, ยาลดน้ำมูก, ยาแอนตี้ฮีสตามีน (Antihistamine drug)
- ยาขับปัสสาวะ
- ยารักษาทางจิตเวชบางชนิด
ต่อมน้ำลายอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาการจากต่อมน้ำลายอักเสบจะคล้ายกัน ซึ่งทั่วไป คือ
- ต่อมน้ำลายอักเสบเฉียบพลันจากการติดเชื้อ อาการจะรุนแรงกว่า
- ส่วนอาการจากการอักเสบเรื้อรังอาการจะน้อยกว่ามาก แต่ปัญหาปากคอแห้งจะรุนแรงกว่า
- นอกจาก ชนิดของการอักเสบ , สาเหตุ ความรุนแรงของอาการต่อมน้ำลายอักเสบยังขึ้นกับว่า เกิดอาการกับต่อมน้ำลายต่อมเดียว(อาการน้อยกว่า), หรือเกิดอาการพร้อมกันกับหลายต่อมน้ำลาย(อาการมากกว่า)
ทั่วไป ต่อมน้ำลายอักเสบมีอาการดังนี้
ก. ต่อมน้ำลายอักเสบเฉียบพลัน: อาการพบบ่อย ได้แก่
- เกิดได้ทั้งต่อมน้ำลายอักเสบข้างเดียว หรือ 2ข้าง ขึ้นกับสาเหตุ เช่นกรณี ติดเชื้อแบคทีเรีย โรคมักเกิดข้างเดียว แต่ถ้าจากติดเชื้อไวรัส โรคมักเกิดกับต่อมน้ำหลายทั้ง2 ข้าง หรือ เกิดพร้อมกันหลายต่อมฯ
- ต่อมน้ำลายที่อักเสบ ใหญ่ขึ้น ร่วมกับ บวม แดง ร้อน (เมื่อคลำต่อมฯ)และปวดมาก ภายใน 1-3 วัน
- บวมใบหน้า และ/หรือรอบตาด้านเกิดอาการปวด
- มีไข้ มักเป็นไข้ต่ำ แต่ขึ้นกับสาเหตุ เช่น ถ้าเกิดจากไวรัสคางทูมจะมีไข้สูง
- อ่อนเพลีย
- การตรวจดูช่องปากเพื่อดู รูเปิดของท่อน้ำลายในช่องปาก ถ้าอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง อาจมีหนองไหลออกมาทางรูเปิดนั้น
- การตรวจเลือดดูค่าที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบพบว่า ผิดปกติ เช่น
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด/ซีบีซี/CBC จะพบมี เม็ดเลือดขาวสูง(กรณีติดเชื้อแบคทีเรีย) หรือเม็ดเลือดขาวปกติ หรือเม็ดเลือดขาวต่ำกรณีติดเชื้อไวรัส
- ค่าการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆสูง เช่น ค่าซีอาร์พี/CRP (C-reactive protein), อีเอสอาร์/ ESR(Erythrocyte sedimentation rate)
ข. ต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรัง: อาการพบบ่อย เช่น
- มักเกิดกับต่อมน้ำลาย 2ข้าง
- อาการต่างๆอาจเป็นๆหายๆ
- ต่อมน้ำลายมีขนาดโตขึ้น แต่ไม่มาก และผู้ป่วยมักสังเกตเห็นว่า เป็นก้อนเนื้อบริเวณต่อมน้ำลายที่ไม่โตขึ้น หรือโตช้ามากๆ หรือ โตๆยุบๆ
- มีอาการบวมของต่อมน้ำลาย แต่บวมไม่มาก อาจร่วมกับอาการปวด แต่ปวดไม่มาก
- ถ้าสาเหตุจาก นิ่วต่อมน้ำลาย หรือมีท่อน้ำลายตีบ อาการ บวม ปวด มักเกิดหลังการกินอาหารโดยเฉพาะรสเปรี้ยว หรืออาหารที่กระตุ้นให้มีน้ำลายมาก
- เมื่อคลำ จะพบว่าต่อมน้ำลายค่อนข้างแข็ง
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดต่อมน้ำลายอักเสบ?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดต่อมน้ำลายอักเสบ ได้แก่
- ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่มี
- สุขภาพช่องปากและฟันไม่ดี
- มีปากคอแห้ง
- มีภาวะขาดอาหาร
- มีนิ่วต่อมน้ำลายโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
- มีปากคอแห้ง/ ภาวะปากแห้งเหตุน้ำลายน้อย
- โรคออโตอมมูน
- มีต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรัง เพราะมักเป็นสาเหตุให้ท่อน้ำลายอุดตันจนเป็นเหตุให้เกิดการสะสมแบคทีเรียในต่อมฯจนต่อมฯติดเชื้อเรื้อรัง
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อการหาสาเหตุและการรักษาแต่เนิ่นๆที่จะให้ผลการรักษาควบคุมโรคได้ดีกว่า
แพทย์วินิจฉัยต่อมน้ำลายอักเสบอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยต่อมน้ำลายอักเสบได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการของผู้ป่วยที่รวมถึงการบวมๆยุบๆโดยสัมพันธ์กับอาหาร และ/หรือปวดเรื้อรัง ของต่อมน้ำลาย โรคประจำตัว ที่รวมถึงการตรวจคลำต่อมน้ำลาย และต่อมน้ำเหลืองลำคอ และที่หน้าใบหู ประวัติการใช้ยาต่างๆ
- การตรวจร่างกาย ที่รวมถึงการตรวจคลำต่อมน้ำลาย และต่อมน้ำเหลืองลำคอ และที่หน้าใบหู
- การตรวจในช่องปากดูรูเปิดของต่อมน้ำลาย
ซึ่งทั่วไป ทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ก็ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยต่อมน้ำลายอักเสบและให้การรักษาได้แล้ว แต่ในกรณีที่แพทย์สงสัย แพทย์อาจมีการตรวจเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม ตามอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ และโดยเฉพาะเพื่อหาสาเหตุ เช่น
- ตรวจเลือดดูค่าการอักเสบต่างๆดังได้กล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ เช่น ซีบีซี, CRP, ESR
- ตรวจเลือดดูค่าสารภูมิต้านทาน และ/หรือสารก่อภูมิต้านทาน กรณีสงสัยสาเหตุจากโรคออโตอิมมูน
- อาจตรวจภาพต่อมน้ำลายด้วย เอกซเรย์, อัลตราซาวด์, และ/หรือ ซีทีสแกน/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์
- อาจส่องกล้องตรวจท่อน้ำลายและต่อมน้ำลายผ่านทางรูเปิดในช่องปากของท่อน้ำลาย ที่เรียกว่า Sialendoscopy ซึ่งเป็นได้ทั้งเพื่อวินิจฉัยโรค เช่น นิ่วต่อมน้ำลาย หรือ ท่อน้ำลายตีบ หรือในขณะเดียวกันเพื่อเป็นการรักษาเอานิ่วฯออก หรือขยายท่อต่อมฯที่ตีบ นอกจากนั้นเมื่อพบรอยโรค เช่น ก้อนเนื้อ แพทย์ยังสามารถดูดเซลล์เพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา และอาจนำสารคัดหลั่ง/หนองมาตรวจเชื้อ หรือการตรวจเพาะเชื้อเพื่อหาชนิดของแบคทีเรียต้นเหตุ และตรวจว่าเชื้อนั้นจะตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะชนิดใด
- ในกรณีที่ต่อมน้ำลายแข็งมาก มีการอักเสบเรื้อรังซ้ำๆหลายๆครั้งใน 1 ปี หรือที่การอักเสบดื้อต่อยาปฏิชีวนะ หรือต่อมน้ำลายไม่สามารถสร้างน้ำลายได้แล้ว แพทย์มักวินิจฉัยโรค/รักษาโรคไปพร้อมกันด้วยการตัดต่อมน้ำลายนั้นออก และตรวจต่อมน้ำลายที่ตัดออกด้วยการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาต่อมน้ำลายอักเสบอย่างไร?
แนวทางการรักษาต่อมน้ำลายอักเสบ คือ การรักษาสาเหตุ, ร่วมกับการรักษาตามอาการ, และการดูแลตนเองเพื่อป้องกันต่อมน้ำลายอักเสบกลับเป็นซ้ำ
ก. การรักษาสาเหตุ: ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามแต่ละสาเหตุซึ่งได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ เช่น สาเหตุจาก นิ่วต่อมน้ำลาย, โรคติดเชื้อแบคทีเรีย, คางทูม , โรคออโตอิมมูน, ภาวะปากแห้งเหตุน้ำลายน้อย (แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุที่รวมทั้งการรักษาได้จากเว็บ haamor.com)
ตัวอย่างการรักษาตามสาเหตุ เช่น
- การให้ยาปฏิชีวนะกรณีต่อมน้ำลายอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย
- การผ่าตัดเล็กเพื่อระบายหนองกรณีต่อมน้ำลายอักเสบจนเกิดหนอง
- การส่องกล้องท่อน้ำลายเพื่อ ขยายท่อน้ำลายกรณีท่อน้ำลายตีบ
- การผ่าตัดเอาต่อมน้ำลายด้านเกิดโรคออกทั้งต่อมฯ กรณีต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรังจนสร้างน้ำลายไม่ได้ หรือการอักเสบไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ
ข. การรักษาตามอาการ: คือการรักษาตามแต่ละอาการของผู้ป่วย เช่น
- ยาลดไข้ กรณีมีไข้
- ยาแก้ปวด กรณีมีอาการปวด
- การดูแลตนเองลดอาการปากคอแห้ง
ค. การดูแลตนเองเพื่อป้องกันต่อมน้ำลายอักเสบกลับเป็นซ้ำ: ที่สำคัญ เช่น
- ดื่มน้ำสะอาดเพิ่มขึ้นในแต่ละวันเพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เพื่อลดภาวะปากคอแห้ง
- กิน/จิบบ่อยๆ เช่น ผลไม้ เครื่องดื่ม หรือ ลูกอม ที่กระตุ้นการสร้างน้ำลาย เช่น น้ำส้ม, น้ำมะนาว, เคี้ยวหมากฝรั่ง
- รักษาความสะอาดช่องปากและฟันเสมอ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘โรคช่องปาก’)
ต่อมน้ำลายอักเสบมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากต่อมน้ำลายอักเสบ ได้แก่
- ภาวะปากคอแห้ง หรือ ภาวะปากแห้งเหตุน้ำลายน้อย
- ต่อมน้ำลายติดเชื้อแบคทีเรียรุนรงจนเกิดเป็นหนองที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเล็กต่อมน้ำลายเพื่อระบายหนองออก, หรือบางกรณีอาจต้องตัดออกทั้งต่อมน้ำลายนั้น
- ต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรังจากท่อน้ำลายอุดตัน/ตีบจนเป็นสาเหตุให้เกิดการสะสมแบคทีเรียในต่อมฯจนเกิดติดเชื้อที่ส่งผลเป็นต่อมน้ำลายอักเสบเฉียบพลัน
- มีปัญหาฟันผุง่าย มักสาเหตุจากต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรังที่ส่งผลให้เกิดปากคอแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เศษอาหารตกค้างที่เหงือก/ฟันจนเป็นบ่อเกิดของแบคทีเรีย
ต่อมน้ำลายอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ทั่วไป ต่อมน้ำลายอักเสบ มักมีความรุนแรงโรคต่ำ/ มีการพยากรณ์โรคที่ดี แพทย์มักรักษาควบคุมโรคได้ดี ไม่เป็นเหตุให้เสียชีวิต/ตาย
ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อมีต่อมน้ำลายอักเสบ จะเช่นเดียวกันทั้งกรณี ดูแลตนเองเมื่อต่อมน้ำลายอักเสบ, ดูแลตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้ต่อมน้ำลายอักเสบเกิดเป็นซ้ำ, และดูแลตนเองเพื่อป้องกันเกิดต่อมน้ำลายอักเสบ
ก.กรณียังไม่เคยพบแพทย์/ไม่เคยมาโรงพยาบาล: การดูแลตนเองที่สำคัญคือ
- สังเกตตนเองว่า อาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และมีอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงเพื่อการหลีกเลี่ยง
- ดื่มน้ำสะอาดเพิ่มขึ้นในแต่ละวันเพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เพื่อลดภาวะปากคอแห้ง
- จิบน้ำบ่อยๆ
- รักษาความสะอาดช่องปากและฟันเสมอ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘โรคช่องปาก’)
- กินยาแก้ปวดพาราเซตามอลเมื่อมีอาการปวด
- ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง
- ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง โดยเฉพาะมีไข้, ต่อมน้ำลายบวมมาก หรือปวดมากและไม่ดีขึ้นจากยาแก้ปวด
- อาการคงอยู่หลังดูแลตนเอง
- อ้าปากดูในช่องปากแล้วพบ หนอง หรือสารคัดหลั่ง ออกจากรูเปิดท่อน้ำลายในช่องปาก
ข.เมื่อเคยพบแพทย์แล้ว:
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ และ ร่วมกับดูแลตนเอง ดังได้กล่าวใน ข้อ ก.
- กินยา/ใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- เมื่อมีต่อมน้ำลายอักเสบ ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง หรือมีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ต่อมน้ำลายกลับมาปวดหรือบวมอีก หรือ ไข้ขึ้นสูง หรือมีหนองจากรูเปิดท่อน้ำลายในช่องปาก
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่น, ท้องเสียเรื้อรัง
- กังวลในอาการ
ป้องกันต่อมน้ำลายอักเสบอย่างไร?
การป้องกันต่อมน้ำลายอักเสบ ที่รวมถึงการป้องกันต่อมน้ำลายเกิดอักเสบซ้ำ ที่สำคัญ คือ
- รักษาความสะอาดช่องปากและฟันเสมอ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘โรคช่องปาก’)
- ดูแลไม่ให้เกิดภาวะปากคอแห้ง(แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘ปากคอแห้ง และเรื่อง ‘ปากแห้งเหตุน้ำลายน้อย’)
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้ร่างกาย และจิตใจแข็งแรง ลดโอกาสติดเชื้อ และความเครียด ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการใช้ยาต่างๆที่อาจมีผลข้างเคียงให้ต่อมน้ำลายสร้างน้ำลายน้อยลง
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวันเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง
- ใช้ถุงยางอนามัยชายทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคติดเชื้อเอชไอวี/ โรคเอดส์