ตาเขม่น (Eyelid myokymia) - Update

สารบัญ

  • เกริ่นนำ
  • ตาเขม่นจากกล้ามเนื้อเฉียงบน (Superiors oblique myokymia)
  • ลักษณะของอาการตาเขม่นทั่วไป
    • ระยะเวลาการเกิดตาเขม่น
  • โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Facial myokymia)
  • สาเหตุของโรค
  • การรักษา

 เกริ่นนำ

ไมโอไคเมียบริเวณเปลือกตา (Eyelid myokymia) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ตาเขม่น” คือภาวะที่กล้ามเนื้อเปลือกตาบางส่วนเกิดการกระตุกโดยไม่ตั้งใจ เกิดขึ้นเองเป็นพักๆ ในบริเวณจำเพาะของกล้ามเนื้อหรือในมัดกล้ามเนื้อบางมัด โดยแรงกระตุกไม่มากพอที่จะทำให้การเคลื่อนไหวของลูกตาเคลื่อนไหว ยาเว้นตาเขม่นที่เกิดจากภาวะ ไมโอไคเมียของกล้ามเนื้อเฉียงบน  (Superiors oblique myokymia)

ตาเขม่นจากกล้ามเนื้อเฉียงบน  

อาการตาเขม่นสามารถเกิดได้ทั้งที่ เปลือกตาบนและล่าง และมักไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเกิดจากการกระตุกของกล้ามเนื้อเฉียงบน (Superior oblique myokymia) ซึ่งทำหน้าที่ช่วยการหมุนของลูกตา อาการจะรุนแรงกว่าตาเขม่นทั่วไป  แม้ภาวะนี้จะไม่ถือว่าอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถรบกวนการมองเห็นและคุณภาพชีวิตได้ เพราะเป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อตาชั้นลึก ที่สามารถส่งผลให้เกิดอาการเห็นภาพสั่นหรือภาพกระตุก (Oscillopsia)

ลักษณะของอาการตาเขม่นทั่วไป

โดยทั่วไปตาเขม่นแบบไมโอไคเมีย มักถูกใช้เพื่ออธิบายการหดตัวของกล้ามเนื้อเปลือกตาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งมักเกิดที่เปลือกตาล่างมากกว่าเปลือกตาบน ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในคนปกติ โดยจะหายไปหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง   ทางการแพทย์จึงไม่ถือว่าเป็นภาวะร้ายแรงหรือเป็นสาเหตุให้ต้องกังวล

ระยะเวลาการเกิดตาเขม่น

ระยะเวลาที่พบบ่อย

    • ไม่กี่วินาที ถึง ไม่กี่นาที แล้วหยุดเอง
    • อาจเป็นซ้ำๆ ในวันเดียวกัน
    • ส่วนใหญ่ หายไปภายใน 1–3 วัน

บางกรณี

    • อาจเป็นๆ หายๆ นาน 1–2 สัปดาห์
    • ในส่วนน้อยมาก อาจนานได้ถึง 3 สัปดาห์

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Facial myokymia) 

อาการตาเขม่น (Eyelid myokymia) จะต่างจาก ไมโอไคเมียของใบหน้า (ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก) ซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ ภาวะนี้อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติแฝงของก้านสมอง เช่น เนื้องอกในก้านสมอง (โดยเฉพาะก้านสมองกลิโอมา) การสูญเสียเยื่อไมอีลินในก้านสมองที่พบในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) หรืออาจพบในระยะฟื้นตัวของกลุ่มอาการมิลเลอร์–ฟิชเชอร์ (Miller-Fisher syndrome) ซึ่งเป็นหนึ่งโรคกลุ่มอาการกีย์แลง–บาร์เร (Guillain–Barré syndrome) และโรคโพลีเส้นประสาทอักเสบที่อาจมีผลต่อเส้นประสาทใบหน้าได้

นอกจากนี้หากมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อในหลายๆ ส่วนของร่างกายที่ไม่เกี่ยวข้องกัน อาจเป็นสัญญาณของภาวะนิวโรไมโทเนีย (Neuromyotonia)

สาเหตุของโรค

ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้โดยทั่วไป ได้แก่

  • การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป
  • ความวิตกกังวลสูง
  • ความเหนื่อยล้า
  • ภาวะขาดน้ำ
  • ความเครียด
  • การทำงานหนักเกินไป
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ
  • การใช้ยาบางชนิดหรือแอลกอฮอล์
  • ภาวะขาดแมกนีเซียม
  • ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

การรักษา

แพทย์มักแนะนำวิธีรักษาร่วมกัน ได้แก่

  • การประคบอุ่นบริเวณดวงตา (เพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการบวม)
  • รับประทานยาต้านฮิสตามีนในปริมาณเล็กน้อย (เพื่อลดอาการบวมที่กอาจเกิดจากปฏิกิริยาแพ้)
  • เพิ่มการพักผ่อนและลดการใช้สายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และแสงจ้า (เพื่อให้กล้ามเนื้อตาได้พัก)
  • ควบคุมปริมาณคาเฟอีน (คาเฟอีนมากเกินไปอาจทำให้เกิดการกระตุกของดวงตา แต่ในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดอาการได้)

แปลและเรียบเรียงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Myokymia [2025, November 27] โดย อาภาภรณ์ โชติกเสถียร

อ่านตรวจทานโดย ศ. นพ. สมศักดิ์ เทียมเก่า