ตาเขม่น (Eyelid myokymia) - Update
- โดย อาภาภรณ์ โชติกเสถียร และ ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 27 พฤศจิกายน 2568
- Tweet
สารบัญ
- เกริ่นนำ
- ตาเขม่นจากกล้ามเนื้อเฉียงบน (Superiors oblique myokymia)
- ลักษณะของอาการตาเขม่นทั่วไป
- ระยะเวลาการเกิดตาเขม่น
- โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Facial myokymia)
- สาเหตุของโรค
- การรักษา
เกริ่นนำ
ไมโอไคเมียบริเวณเปลือกตา (Eyelid myokymia) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ตาเขม่น” คือภาวะที่กล้ามเนื้อเปลือกตาบางส่วนเกิดการกระตุกโดยไม่ตั้งใจ เกิดขึ้นเองเป็นพักๆ ในบริเวณจำเพาะของกล้ามเนื้อหรือในมัดกล้ามเนื้อบางมัด โดยแรงกระตุกไม่มากพอที่จะทำให้การเคลื่อนไหวของลูกตาเคลื่อนไหว ยาเว้นตาเขม่นที่เกิดจากภาวะ ไมโอไคเมียของกล้ามเนื้อเฉียงบน (Superiors oblique myokymia)

ตาเขม่นจากกล้ามเนื้อเฉียงบน
อาการตาเขม่นสามารถเกิดได้ทั้งที่ เปลือกตาบนและล่าง และมักไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเกิดจากการกระตุกของกล้ามเนื้อเฉียงบน (Superior oblique myokymia) ซึ่งทำหน้าที่ช่วยการหมุนของลูกตา อาการจะรุนแรงกว่าตาเขม่นทั่วไป แม้ภาวะนี้จะไม่ถือว่าอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถรบกวนการมองเห็นและคุณภาพชีวิตได้ เพราะเป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อตาชั้นลึก ที่สามารถส่งผลให้เกิดอาการเห็นภาพสั่นหรือภาพกระตุก (Oscillopsia)
ลักษณะของอาการตาเขม่นทั่วไป
โดยทั่วไปตาเขม่นแบบไมโอไคเมีย มักถูกใช้เพื่ออธิบายการหดตัวของกล้ามเนื้อเปลือกตาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งมักเกิดที่เปลือกตาล่างมากกว่าเปลือกตาบน ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในคนปกติ โดยจะหายไปหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทางการแพทย์จึงไม่ถือว่าเป็นภาวะร้ายแรงหรือเป็นสาเหตุให้ต้องกังวล
ระยะเวลาการเกิดตาเขม่น
ระยะเวลาที่พบบ่อย
-
- ไม่กี่วินาที ถึง ไม่กี่นาที แล้วหยุดเอง
- อาจเป็นซ้ำๆ ในวันเดียวกัน
- ส่วนใหญ่ หายไปภายใน 1–3 วัน
บางกรณี
-
- อาจเป็นๆ หายๆ นาน 1–2 สัปดาห์
- ในส่วนน้อยมาก อาจนานได้ถึง 3 สัปดาห์
โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Facial myokymia)
อาการตาเขม่น (Eyelid myokymia) จะต่างจาก ไมโอไคเมียของใบหน้า (ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก) ซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งกระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ ภาวะนี้อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติแฝงของก้านสมอง เช่น เนื้องอกในก้านสมอง (โดยเฉพาะก้านสมองกลิโอมา) การสูญเสียเยื่อไมอีลินในก้านสมองที่พบในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) หรืออาจพบในระยะฟื้นตัวของกลุ่มอาการมิลเลอร์–ฟิชเชอร์ (Miller-Fisher syndrome) ซึ่งเป็นหนึ่งโรคกลุ่มอาการกีย์แลง–บาร์เร (Guillain–Barré syndrome) และโรคโพลีเส้นประสาทอักเสบที่อาจมีผลต่อเส้นประสาทใบหน้าได้
นอกจากนี้หากมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อในหลายๆ ส่วนของร่างกายที่ไม่เกี่ยวข้องกัน อาจเป็นสัญญาณของภาวะนิวโรไมโทเนีย (Neuromyotonia)
สาเหตุของโรค
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้โดยทั่วไป ได้แก่
- การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป
- ความวิตกกังวลสูง
- ความเหนื่อยล้า
- ภาวะขาดน้ำ
- ความเครียด
- การทำงานหนักเกินไป
- การนอนหลับไม่เพียงพอ
- การใช้ยาบางชนิดหรือแอลกอฮอล์
- ภาวะขาดแมกนีเซียม
- ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
การรักษา
แพทย์มักแนะนำวิธีรักษาร่วมกัน ได้แก่
- การประคบอุ่นบริเวณดวงตา (เพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการบวม)
- รับประทานยาต้านฮิสตามีนในปริมาณเล็กน้อย (เพื่อลดอาการบวมที่กอาจเกิดจากปฏิกิริยาแพ้)
- เพิ่มการพักผ่อนและลดการใช้สายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และแสงจ้า (เพื่อให้กล้ามเนื้อตาได้พัก)
- ควบคุมปริมาณคาเฟอีน (คาเฟอีนมากเกินไปอาจทำให้เกิดการกระตุกของดวงตา แต่ในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดอาการได้)
แปลและเรียบเรียงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Myokymia [2025, November 27] โดย อาภาภรณ์ โชติกเสถียร
อ่านตรวจทานโดย ศ. นพ. สมศักดิ์ เทียมเก่า