1. ตลาดโรงพยาบาล – ตอนที่ 51

  • โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
  • 9 กุมภาพันธ์ 2568
  • Tweet

อีกหนึ่งสถานการณ์พิเศษ (Special circumstance) คือมีความพร้อม (Availability) ของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะสูง (Highly-skilled staff) ในประเทศไทย โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาลที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดี (Highly trained) จำนวนมาก ซึ่งสามารถให้การดูแลผู้ป่วยที่มีคุณภาพสูง (High-quality care) ได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ช่วยสร้างชื่อเสียง (Reputation) ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง (Destination) ของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical tourism)

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือการที่ชนชั้นกลาง (Middel-class) ภายในประเทศ (Domestic) เติบโตขึ้น (Rising) และรายได้ (Income) ที่เพิ่มขึ้น ก็มีส่วนช่วย (Contribute) ในการเติบโตของตลาดโรงพยาบาลเช่นกัน เมื่อผู้คนมีความมั่งคั่ง (Wealthier) มากขึ้น พวกเขาก็ยินดีที่จะใช้จ่าย (Afford) มากขึ้นสำหรับบริการด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการมองหา (Seek) การดูแลที่มีคุณภาพดีกว่า สิ่งนี้สร้างความต้องการ (Demand) โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเอกชนเฉพาะทาง (Specialty) ที่ให้บริการระดับสูง (Premium)

อย่างไรก็ตาม หากมองไปข้างหน้า (Outlook) โรงพยาบาลเอกชนจะยังคงประสบภาวะการแข่งขันสูง (Highly competitive) จากทั้งผู้เล่นรายใหม่ (New-comer) ในประเทศที่ขยาย (Expand) ธุรกิจสู่บริการทางการแพทย์มากขึ้น และการแข่งขันเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) ในภูมิภาคอย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์

แต่ประเทศไทยเองก็มีการยกระดับบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ (Acceptable standard) อีกทั้งมีข้อได้เปรียบด้านค่ารักษาพยาบาล (Treatment charge) ที่แข่งขันได้ นอกจากนี้ ธุรกิจยังมีความท้าทาย (Challenge) ในการบริหารต้นทุนที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ ความสามารถการทำกำไร (Profitability) ของผู้ประกอบการ

หมายเหตุ

  1. ข้อมูลครอบคลุมการใช้จ่ายแบบ B2B (ธุรกิจกับธุรกิจ), B2G (ธุรกิจกับรัฐบาล), และ B2C (ธุรกิจกับผู้บริโภค) ตัวเลขอ้างอิงจากรายได้ที่โรงพยาบาลได้รับจากแหล่งเงินทุน (Fund) สาธารณะหรือเอกชน โดยรวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-added tax: VAT)
  2. ขนาดตลาดถูกกำหนดโดยใช้วิธีการแบบล่างขึ้นบน (Bottom-up approach) โดยอิงตามเหตุผลเฉพาะสำหรับแต่ละตลาด จากนั้นใช้ตัวชี้วัดตลาดสำคัญ ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อหัว (Health expenditure per capita), ความเสี่ยงด้านสุขภาพ (Health risk), การใช้จ่ายด้านสาธารณสุข (Public health expenditure) และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross domestic product: GDP) ข้อมูลเหล่านี้ช่วยประมาณการขนาดตลาดเป็นรายบุคคล
  3. สำหรับการพยากรณ์ เรานำวิธีการพยากรณ์ (Forecast technique) ที่หลากหลาย (Various) มาใช้ โดยการเลือก (Choice) ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตลาดเฉพาะ (Specific market behavior) ตัวอย่างเช่น การพยากรณ์อ้างอิง(Reference) จากพัฒนาการในอดีต (Historical development), แนวโน้มปัจจุบัน (Current trend), และตัวชี้วัด (Indicator) ตลาดสำคัญ โดยใช้วิธีทางสถิติขั้นสูง (Advanced statistics)
  4. ในการสร้างแบบจำลอง (Model-building) ดำเนินการนในหน่วยเงินดอลลาร์สหรัฐ (US$) โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน (Currency exchange) ปัจจุบัน ตลาดจะได้รับการปรับให้ทันกาล (Update) ปีละ 2 ครั้งในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของพลวัตตลาด (Market dynamics) เช่น ผลกระทบจากการระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัส COVID-19

แหล่งข้อมูล –

  1. https://www.statista.com/outlook/hmo/hospitals/thailand [2025, February 8].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Medical_tourism [2025, February 8].