2. ตลาดผู้สูงอายุ – ตอนที่ 53

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ตลาดผู้สูงอายุมีแนวโน้มน่าสนใจมากขึ้น แต่ธุรกิจอาจมีความเสี่ยงจาก 2 เรื่องหลัก ได้แก่

  1. ตลาดแข่งขันรุนแรง (Fierce competition) เพื่อแย่งชิงลูกค้าที่มีศักยภาพ แม้ตลาดผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น (Accelerated) แต่ในช่วง 2 - 3 ปีแรกของการเจาะตลาด (Market penetration) ผู้สูงอายุ ขนาดตลาดจะยังไม่ใหญ่มากตามจำนวนผู้สูงอายุไทยที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 23% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อย ส่งผลต่อกำลังซื้อ (Purchasing power) ที่จำกัด (Limited)

ขณะที่ผู้สูงอายุที่มีรายได้สูง ส่วนมากพบว่ามักกระจุกตัว (Concentrate) อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (Metropolis) และภาคกลาง ทำให้ธุรกิจที่จะเข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ (New comer) ในตลาดนี้อาจต้องเผชิญ (Confront) การแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด (Market share) ที่เข้มข้น (Intense) จากคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน และญี่ปุ่น

นอกจากการปรับตัว (Adjustment) ของธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ (Demand) ของผู้สูงอายุแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องคำนึงถึง คือ การทำกลยุทธ์การตลาด (Marketing strategy) ไปที่ลูก-หลาน (Descendent) ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผู้ตัดสินใจ (Decision-maker) ซื้อสินค้าและบริการแทนผู้สูงอายุ โดยเน้นที่คุณภาพ (Quality) และมาตรฐาน(Standard) ของสินค้าและบริการ รวมถึงความคุ้มค่า (Worthiness) ด้านราคาเป็นหลัก

  1. ธุรกิจมีต้นทุนในการปรับตัวรองรับสังคมสูงวัย นอกเหนือจากต้นทุนหลัก (Primary cost) ที่มีแนวโน้ม (Likelihood) เพิ่มขึ้น โดยช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่าน (Transition) ธุรกิจจะมีต้นทุนส่วนเพิ่ม (Incremental) จากการปรับสาย (Line) การผลิต (Production) และพัฒนารูปแบบ (Design development) สินค้าให้ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ

การปรับตัวดังกล่าวจะยิ่งมีความยากลำบาก (Difficulty) สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (Small and medium-sized enterprise: SME) ที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน (Fund) ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SME ทั้งหมดราว 3.18 ล้านราย โดยธุรกิจที่มีสัดส่วน (Proportion) SME สูง ได้แก่ ค้าส่ง (Wholesale) และค้าปลีก (Retail), การผลิต (Manufacture), การก่อสร้าง (Construction), และธุรกิจการเกษตร (Agriculture) คิดเป็นสัดส่วนรวมกันราว 63% ของจำนวน SME ทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการ SME ในธุรกิจเหล่านี้มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดัน (Pressure) ด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น

แต่เมื่อมองไปข้างหน้า (Outlook) การปรับตัว (Adaptability) รองรับสังคมสูงวัย โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ (Apply) เทคโนโลยีต่างๆ ที่แม้จะใช้เงินลงทุนสูงในช่วงแรก แต่คาดว่าจะสร้างความคุ้มค่าในระยะกลาง-ยาว (Medium- and long-term) จากราคาเริ่มถูกลง (Cheaper)

ตัวอย่างเช่น ราคาหุ่นยนต์ (Robot) ที่ใช้ในอุตสาหกรรม (Industrial) จะลดลงเฉลี่ยปีละ +11% (อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น [Compound annual growth rate: CAGR] ระหว่างปี ค.ศ. 2017 - ค.ศ. 2025) และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) ในธุรกิจจะมีต้นทุนลดลงจากการแข่งขันกันพัฒนารูปแบบ (Model) และความสามารถใหม่ๆ โดยเฉพาะ Gen AI (เช่น ChatGPT, Gemini, Claude-3 ฯลฯ) ซึ่งคงจะช่วยผู้ประกอบการ SME ให้เข้าถึง (Access) เทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น

แหล่งข้อมูล

  1. https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Elderly-Spending-CIS3511-FB-2024-07-10.aspx [2025, March 9].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Silver_economy [2025, March 9].