12.ตลาดคลินิกเสริมความงาม-ชะลอวัย – ตอนที่ 37
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 8 สิงหาคม 2567
- Tweet
ปัจจุบัน เดอะคลีนิกค์ (The Klinique) ให้บริการมากว่า 14 ปี ครอบคลุมทั้งสุขภาพ (Health), ความงาม (Beauty), และสุขภาวะสมบูรณ์ (Wellness) ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง (Skin), ดูแลรูปร่าง (Shape) และ ศัลยกรรม (Surgery) ชะลอวัย ภายใต้ 3 ยี่ห้อ (Brand) อันได้แก่
- The Klinique ดูแลเรื่องผิว, ชะลอวัย, ดูแลรูปร่าง โดยจับตลาดกลุ่มตลาดหรูหรา (Luxury)
- The Klinique Surgery Center ดูแลเรื่องของศัลยกรรมโดยเฉพาะ (Specialty)
- LABX ดูแลเรื่องผิว, ชะลอวัย, และดูแลรูปร่าง โดยจับตลาดกลุ่มมมวลชนระดับบน (Premium mass) มีสัดส่วน (Proportion)
ในภาพรวม (Overall) ลูกค้าคนไทย 95% และต่างชาติอีก 5% ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief executive officer: CEO) บริษัท เดอะคลีนิกค์ (The Klinique) คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ต่อไปว่า เหตุผลที่ต่างชาติยังเป็นสัดส่วน (Proportion) ที่น้อยเพราะ The Klinique Surgery Center ซึ่งดูแลเรื่องศัลยกรรม เพิ่งเปิดตัว (Launch) เมื่อเมษายนปีที่แล้ว
แต่เมื่อแยกดูในส่วนของศัลยกรรม พบว่า มีสัดส่วนลูกค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% และหลังจากเปิดประเทศหลังการแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัสโควิด-19 ประเทศไทยได้อานิสงส์ (Benefit) จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Foreign tourist) เข้ามาด้วย โดยเฉพาะแผนกผิวหนังและศัลยกรรม
นักท่องเที่ยวแต่ละประเทศมีความนิยม (Popularity) ที่แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น กลุ่ม CLMV (C = Cambodia, L = Laos, M Myanmar, V = Vietnam) และ จีน จะนิยมเสริมจมูก (Nose enhancement), ทำตา 2 ชั้น (Blepharoplasty), เสริมหน้าอก (Breast enhancement) ส่วนลูกค้าจากออสเตรเลีย จะนิยมดูดไขมัน (Liposuction)
เหตุผลที่ต่างชาตินิยมเข้ามาทำศัลยกรรมในไทยนั้น เนื่องจากผลงาน (Performance) และราคาที่สมเหตุสมผล (Reasonable pricing) ความจริงประเทศไทยมีชื่อเสียง (Famous) ในต่างประเทศ ในเรื่องศัลยกรรมมานานมากแล้ว โดยเฉพาะการแปลงเพศ (Trans-gender) และการดูดไขมัน
ในส่วนของคนไทยที่นิยมรับบริการ คือ เสริมจมูก, เสริมหน้าอก, ดูดไขมัน, ดึงหน้า (Face-lift), ดึงคิ้ว (Brow-lift), และทำตา 2 ชั้น ซึ่งแต่เดิมศัลยกรรมตกแต่ง (Cosmetic surgery) เหล่านี้จะเข้าถึงยาก เนื่องจากคนจะยังกลัว (Fear) แต่ปัจจุบัน มีสื่อสังคม (Social media) ที่แพร่หลายในหลายๆ กรณี ทำให้คนเข้าถึงง่าย (Accessible) และกล้า (Brave) ทำมากขึ้น
สำหรับในปี 2566 เดอะคลีนิกค์ บรรลุ (Achieve) เป้ารายได้ที่ตั้งไว้ ณ 2,000 กว่าล้านบาท โดยเติบโตจากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ราว 1,600 ล้านบาท ขยายตัวจาก 44 สาขา เป็น 50 สาขา ณ สิ้นปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็น The Klinique จำนวน 38 สาขา LABX จำนวน 11 สาขา และ THE KLINIQUE Surgery Center จำนวน 1 สาขา ขณะนี้มีแพทย์รวม 70 คน แพทย์เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม (Surgery specialist) 10 คน
“ปัจจัยที่จะทำให้เติบโตได้ในปีที่แล้ว จากการขยายสาขา, การลงเครื่องมือแพทย์ (Medical device) และความต้องการ (Demand) จากการที่มีลูกค้าต่างชาติเข้ามากขึ้น ในทางด้านศัลยกรรม และแผนกผิวหนัง ขณะเดียวกัน ตลาดสุขภาวะสมบูรณ์ก็โตมากขึ้นเรื่อยๆ พอคนเริ่มดูแลตัวเองจากภายนอก (External) ก็จะเริ่มดูแลจากภายใน (Internal) แม้ตลาดจะเผชิญกับความท้าทาย (Challenge) แต่มองว่าเป็นสิ่งที่ดี (Optimistic) เพราะทำให้มีเพิ่มการใช้งานเทคโนโลยีและเพิ่มความรู้ใหม่ ๆ ตลอดเวลา แสวงหาวิธีการรักษาเพื่อให้ได้ผลดีขึ้น นับเป็นเรื่องที่ท้าท้ายและเป็นผลดีต่อคนไข้ด้วย” CEO กล่าวทิ้งท้าย
แหล่งข้อมูล –