12. ตลาดคลินิกเสริมความงาม-ชะลอวัย - ตอนที่ 4
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 22 เมษายน 2566
- Tweet

แรงกดดันประการที่ 2 คือ ความรุนแรงของการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม (Competitive rivalry) จากการสืบค้นเว็บไซด์ของนิติพลคลินิก [ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของผู้นำตลาดคลินิกเสริมความงาม] พบว่า จำนวนผู้เล่นในอุตสาหกรรม (Number of competitors) ที่เป็นสถานพยาบาลเสริมความงามในตลาดประเทศไทยมีอยู่มากมาย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม กล่าวคือ กลุ่มโรงพยาบาลกับกลุ่มคลินิก (Hospital vs. clinic)
ในกลุ่มแรก มีคู่แข่งขันหลักมากกว่า 20 ราย เช่น โรงพยาบาลยันฮี, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, โรงพยาบาลพญาไท, และโรงพยาบาลผิวหนังอโศก เป็นต้น [ตามรายงานของนิตยสารผู้จัดการ] ส่วนในกลุ่มหลัง คลินิกเสริมความงามที่มีผู้เล่นทั้งในตลาดระดับบน, ระดับกลาง, และระดับล่าง มากกว่า 3,000 ถึง 4,000 แห่ง ทั่วประเทศ
การแข่งขันที่ทวีความรุนแรง (Intense competition) ในทั้ง 2 กลุ่ม ส่งผลให้คลินิกหน้าใหม่ที่เข้ามาในอุตสาหกรรม ต้องสร้างกลยุทธ์ (Strategy) ที่ชัดเจนเพื่อต่อสู้กับผู้เล่นหน้าเดิมในตลาด กลุ่มผู้เล่นหน้าเดิมระดับคลินิก ต่างเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกพื้นที่ของประเทศ ในขณะที่กลุ่มผู้เล่นหน้าเดิมระดับโรงพยาบาล ก็ต้องเผชิญกับผู้เล่นหน้าใหม่ [โรงพยาบาลใหม่] ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด (Market share) เช่นกัน
ภาพรวมตลาดคลินิกเสริมความงามของทั้งประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตทั้งอุตสาหกรรม (Industry growth) ไม่ต่ำกว่า 10% อย่างต่อเนื่องตลอดทุกๆ ปี ดังนั้น ธุรกิจที่แข็งแรง (ไม่ว่าจะเป็นคลินิก หรือโรงพยาบาล) ต่างก็มีโอกาสเติบโตทุกปีสอดคล้องกับแนวโน้มของทั้งอุตสาหกรรม
ในมิติของความหลากหลายในกลยุทธ์ของคู่แข่งขัน พบว่า คลินิกเสริมความงานจำนวนมาก อยู่ในตลาดระดับกลางถึงระดับล่าง ซึ่งมักต้องแข่งขันด้วยการส่งเสริมการตลาด (Promotion) ในรูปแบบ ลด, แลก, แจก, แถม หรือการเหมาจ่าย (Package) เพื่อช่วงชิงลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการให้ได้มากที่สุด
ในขณะที่กิจการในตลาดระดับบน ผู้ประกอบการจะเน้นจุดขาย (Selling point) ด้านนวัตกรรม (Innovation) และเทคโนโลยีเป็นสำคัญ [ตามรายงานจาก ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย] ทำให้กำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แต่ก็ส่งผลในเชิงลบแก่กิจการที่อยู่ในตลาดระดับกลางถึงระดับล่าง ที่มักช่วงชิงลูกค้าเป้าหมายด้วยกลยุทธ์ด้านราคา (Pricing)
คลินิกระดับกลางตั้งใจที่จะใช้เครื่องมือดีมีมาตราฐาน มักต้องเผชิญกับเครื่องมือที่มีราคาแพง ในขณะเดียวกันแรงกดดันจากแข่งขันในท้องตลาด ทำให้คลินิกระดับกลางต้องเพิ่มการส่งเสริมการตลาด เพื่อดึงดูด (Attract) ลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อคนและกำไรลดลง ในขณะที่การคืนทุน (Return on investment) ของธุรกิจมีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น
ในมิติของความแตกต่างของบริการ (Service differentiation) พบว่า คลินิกเสริมความงามส่วนมากนำเสนอบริการด้วยเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน เพราะประสิทธิผล (Effectiveness) ในการรักษาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกใช้บริการของลูกค้า ส่วนปัจจัยรองได้แก่ การได้รับคำแนะนำปากต่อปาก (Words of mouth) จากคนรู้จัก และจุดเด่นด้านบุคลากร (Personnel) ในการให้บริการ ซึ่งเพิ่มความเชื่อมัน (Confidence) ให้แก่ผู้รับบริการ
แหล่งข้อมูล
- https://en.wikipedia.org/wiki/Michael_Porter [2023, April 21].
- https://archive.cm.mahidol.ac.th/bitstream/123456789/4256/1/TP%20050%202564.pdf [2023, April 21].