ดาริเฟนาซิน (Darifenacin)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาดาริเฟนาซิน (Darifenacin) เป็นยาที่ใช้บำบัดอาการกระเพาะปัสสาวะทำงานไวเกิน/บีบตัวมากเกินปกติ โดยที่ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะถี่และไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ยาดาริเฟนาซินเป็นสารเคมีจัดอยู่ในกลุ่ม Antimuscarinics มีกลไกทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะเกิดการคลายตัว รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยานี้จะเป็นยาชนิดรับประทาน

ยานี้จะถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารเพียงประมาณ 15 - 19% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของยาที่รับประทานด้วย ด้วยเหตุที่ยาดาริเฟนาซินมีการดูดซึมต่ำจึงต้องใช้เวลาถึงประมาณ 6 วัน ปริมาณยาในกระแสเลือดจึงจะมีระดับคงที่ ปกติยานี้ที่อยู่ในกระแสเลือดจะเข้าจับกับพลาสมา โปรตีนได้ถึงประมาณ 98% ก่อนจะถูกส่งไปเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีที่ตับ และร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 13 - 19 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยา 50% ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านไปกับปัสสาวะและน้ำดี

เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันดีขึ้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยานี้ตรงตามเวลาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น

ดาริเฟนาซินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

ดาริเฟนาซิน

ยาดาริเฟนาซินมีสรรพคุณรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะทำงานไวเกินร่วมกับบรรเทาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ดาริเฟนาซินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาดาริเฟนาซินคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์แข่งขันกับสารสื่อประสาทของร่างกาย โดยจะออกฤทธิ์ตรงบริเวณตัวรับที่มีชื่อว่า Muscarinic receptor ทำให้เกิดการคลายตัวของกระเพาะปัสสาวะส่งผลให้ร่างกายควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ดีขึ้น

ดาริเฟนาซินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาดาริเฟนาซินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาเม็ดชนิดรับประทานประเภทออกฤทธิ์ยาวนาน ขนาด 7.5 และ 15 มิลลิกรัม/เม็ด

ดาริเฟนาซินมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาดาริเฟนาซินมีขนาดรับประทานดังนี้เช่น

  • ผู้ใหญ่: รับประทาน 7.5 มิลลิกรัมวันละครั้ง หากจำเป็นแพทย์อาจเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 15 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
  • เเด็ก: ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลทางการศึกษาที่แน่ชัดถึงการใช้ยานี้ในเด็ก ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็กจึงต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา

*****หมายเหตุ:

  • • ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาดาริเฟนาซิน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาดาริเฟนาซินอาจส่งผลให้อา การของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาดาริเฟนาซินสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

ดาริเฟนาซินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาดาริเฟนาซินสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้ เช่น มีอาการปากแห้ง คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องผูกหรือไม่ก็ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย วิงเวียน ปวดศีรษะ ปวดตามร่างกาย น้ำหนักเพิ่ม ผิวแห้ง มีผื่นคันตามผิวหนัง ตาแห้ง การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน/ตาพร่า หลอดลมอักเสบ คออักเสบ จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ มีอาการคล้ายเป็นโรคหวัด ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ ปัสสาวะไม่ออก/ปัสสาวะขัด ความดันโลหิตสูง มือ - เท้าบวม

สำหรับอาการผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาดจะพบเห็นอาการที่เรียกว่า Antimuscarinic effect (เช่น ปากแห้ง คอแห้ง กลืนลำบาก กระหายน้ำมาก รูม่านตาขยาย หัวใจเต้นช้า ท้องผูก) อย่างรุนแรงร่วมกับมีอาการมองเห็นที่ผิดปกติ การบำบัดรักษาจะต้องควบคุมค่าการทำงานของหัวใจ (เช่น การตรวจติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ/ECG) ของผู้ป่วยให้อยู่ในระดับปกติ พร้อมกับรักษาตามอาการโดยใช้หัตถการทางการแพทย์ที่เหมาะสมมาช่วยสนับสนุน

มีข้อควรระวังการใช้ดาริเฟนาซินอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาดาริเฟนาซินดังนี้เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยอาการปัสสาวะไม่ออก/ปัสสาวะขัด ผู้ป่วยโรคตับขั้นรุนแรง ผู้ ป่วยโรคต้อหิน (Uncontrolled narrow-angle glaucoma) และผู้ป่วยที่มีภาวะ Gastric reten tion/การเพาะอาหารไม่บีบตัว
  • ระหว่างการใช้ยานี้ให้เฝ้าระวังอาการปัสสาวะไม่ออกและภาวะกระเพาะลำไส้เคลื่อนตัวน้อยผิดปกติ หากพบอาการเหล่านี้ให้รีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทาง การรักษา
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน/ลำไส้อุดตัน ผู้ที่มีอาการท้องผูกอย่างรุนแรง ผู้ที่มีลำไส้ใหญ่เป็นแผลอักเสบ/ลำไส้อักเสบ และผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • การใช้ยาดาริเฟนาซินกับผู้ป่วยในแถบพื้นที่ที่มีอากาศร้อนต้องเฝ้าระวังการเกิดภาวะหมดแรงจากความร้อน (Heat prostration, อาการระยะแรกของภาวะอากาศร้อน/ขาดน้ำ แต่ถ้าอาการรุนแรงมากขึ้นเรียกว่า ลมแดด)
  • ยาดาริเฟนาซินสามารถก่อให้เกิดอาการวิงเวียน ตาพร่า ผู้ป่วยจึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร
  • ทางคลินิกยังไม่มีการศึกษาขนาดการใช้ยานี้กับเด็กจึงควรเลี่ยงการใช้ยากับผู้ป่วยกลุ่มนี้
  • ระวังการใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาดาริเฟนาซินด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ดาริเฟนาซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาดาริเฟนาซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นดังนี้เช่น

  • การใช้ยาดาริเฟนาซินร่วมกับยาบางกลุ่มเช่น Ketoconazole, Itraconazole, Clarithromycin, Nefazodone/ยาทางจิตเวช, Troleandomycin/ยาปฏิชีวนะ, Ritonavir, Nelfinavir/ยาต้านไวรัส, Quinidine, Paroxetine/ยาทางจิตเวช อาจทำให้ระดับยาดาริเฟนาซินในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้นจนผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากอาการข้างเคียง จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกันหรือแพทย์จะต้องปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
  • การใช้ยาดาริเฟนาซินร่วมกับยา Barbiturates, Phenytoin, Rifampicin อาจทำให้ระดับยา ดาริเฟนาซินในร่างกายลดต่ำลงจนส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
  • การใช้ยาดาริเฟนาซินร่วมกับยา Antimuscarinic durgs ตัวอื่นๆจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงของยาดาริเฟนาซินมากยิ่งขึ้น หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน

ควรเก็บรักษาดาริเฟนาซินอย่างไร?

ควรเก็บรักษายาดาริเฟนาซินภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ในทางปฏิบัติอาจเก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียสก็ได้ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือรถยนต์

ดาริเฟนาซินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาดาริเฟนาซินที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นๆและบริษัทผู้ผลิตเช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Enablex (อินาเบรกซ์) Novartis
Emselex (เอมเซเลกซ์) Novartis

บรรณานุกรม

  1. http://en.wikipedia.org/wiki/Darifenacin[2015,May9]
  2. http://www.mims.com/USA/drug/info/Enablex/Enablex%20Tablet%2c%20Extended%20Release?type=full[2015,May9]
  3. http://www.mims.com/USA/drug/info/darifenacin/?type=full&mtype=generic#Dosage[2015,May9]
  4. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a605039.html [2015,May9]
  5. http://www.diagnosia.com/en/drug/emselex-7-5-mg-prolonged-release-tablets[2015,May9]