ซิลิโคน (Silicone)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

สารซิลิโคน(Silicone) หรือจะเรียกว่า โพลีไซล็อกเซน(Polysiloxane) มีโครงสร้างเคมีพื้นฐานประกอบด้วยธาตุซิลิคอน (Si หรือ Silicon), ออกซิเจน (O หรือOxygen ), คาร์บอน (Cหรือ Carbon) และไฮโดรเจน(H หรือ Hydrogen)

ในยุคปัจจุบัน ในการนำซิลิโคนไปใช้งาน อาจมีธาตุอื่นปนอยู่ในโครงสร้างของซิลิโคน เพื่อสามารถนำซิลิโคนไปใช้ประโยชน์ในลักษณะต่างๆได้มากยิ่งขึ้น

คุณสมบัติของซิลิโคนโดยทั่วไปเป็นดังนี้

  • นำความร้อนได้ต่ำ หรืออาจกล่าวว่าซิลิโคนจะป้องกันความร้อนได้ระดับหนึ่ง
  • เป็นสารประกอบที่ไม่ค่อยเกิดปฏิกิริยาเคมีกับสารประกอบอื่นๆ
  • มีความเป็นพิษต่ำ
  • เป็นสารประกอบที่ป้องกันการซึมผ่านของน้ำ
  • ไม่ใช่สารอาหาร จึงไม่พบเห็นการเติบโตของทั้ง เชื้อราและแบคทีเรีย บนสารซิลิโคน
  • ซิลิโคนทนต่อ ออกซิเจน โอโซน รังสียูวี จึงเป็นเหตุผลทำให้มีการใช้ซิลิโคน ในงานอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง
  • มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า จึงนำมาใช้ในส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ประเภท
  • ซิลิโคนมีช่องอากาศระหว่างโมเลกุล เมื่อนำมาผลิตถุงมือยาง จะทำให้มีอากาศไหลเวียนเข้า-ออกได้ดีกว่าถุงมือยางสังเคราะห์(Butyl rubber) ประโยชน์ด้านนี้เองทำให้อุตสาหกรรมยา นำซิลิโคนไปผลิตเป็นเจลทาผิวหนังเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นนูน

ดังนั้น สามารถสรุปประโยชน์ของซิลิโคนที่พบเห็นการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันดังนี้ เช่น

1. ใช้ซิลิโคนมาผลิตเป็นจาระบีและสารหล่อลื่นที่ใช้กับอุตสาหกรรมยานยนต์

2. ใช้กับอุตสาหกรรมเส้นใย โดยใช้ซิลิโคนมาผสมกับไนล่อนทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ เป็นผืนผ้าที่กันน้ำได้

3. ใช้ทำพิมพ์ยางซิลิโคนสำหรับขึ้นรูปพิมพ์ของขนมหวาน

4. ใช้เป็นสารลดฟองในอุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง

5. ซิลิโคนเหลว ใช้เป็นสารไล่ความชื้นบนวัสดุอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรม

6. ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องไฟฟ้า โดยทำเป็นฉนวนของอุปกรณ์เพื่อป้องกัน ไฟฟ้ารั่ว

7. ผลิตเป็นโฟม(Foam)สำหรับดับเพลิง ซึ่งพบเห็นการใช้ซิลิโคนในอุปกรณ์ดับเพลิงกับธุรกิจการบิน

8. ใช้ซิลิโคนเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนัง รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม หรือเป็นองค์ประกอบของเครื่องสำอางที่เน้นจุดขายด้วยสีสันต่างๆ

9. ใช้ซิลิโคนเป็นสารป้องกันการซึมของน้ำในงานเดินท่อประปา

10. ใช้เป็นวัตถุดิบผลิตของเล่นในเด็ก

11. ใช้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ท่อช่วยหายใจ ใช้ซิลิโคนเพื่อเคลือบสายสวน ปัสสาวะ ใช้ทำศัลยกรรมพลาสติก เช่น เสริมดั้งจมูก

อนึ่ง ในบทความนี้จะกล่าวถึง ซิลิโคน ในแง่มุมของ’ยา’เท่านั้น ซึ่งคือเภสัชภัณฑ์ ’ซิลิโคนเจล’ ที่ใช้เป็นยาป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนของผิวหนัง นอกจากนั้น ยังจะไม่กล่าวถึงซิลิโคนในด้านศัลยกรรมพลาสติกด้วย

ซิลิโคนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

ซิลิโคน

การใช้ซิลิโคน/สรรพคุณในด้านยารักษาโรคของซิลิโคนที่พบเห็นการใช้ในสถานพยาบาลของไทยคือ

  • ใช้ป้องกันการเกิดแผลเป็นนูน(Keloid)ที่เกิดจาก รอยมีดผ่าตัด แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ และแผลไหม้

ซิลิโคนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามคิดค้นประดิษฐ์และใช้กลไกของซิลิโคนเพื่อยับยั้งการเกิดแผลเป็นนูน โดยมีคำอธิบายดังนี้

  • มาสต์เซลล์(Mast cell) เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่พบในหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของผิวหนัง หลังจากเกิดบาดแผล มาสต์เซลล์ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบ ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคจะทำให้เกิดการอักเสบ และกระตุ้นให้เกิดอาการบวมจากอักเสบของบาดแผล ซิลิโคนจะยับยั้งการขยายตัวของหลอดเลือด ส่งผลลดการทำงานของมาสต์เซลล์และยังช่วยชะลอการซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวหนังในเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ รอยบาดแผลที่ปกคลุมด้วยซิลิโคนสามารถควบคุม อุณหภูมิ ความชื้น แรงดันหรือแรงตึงผิวต่างๆให้อยู่ในเงื่อนไขหรือในสัดส่วนที่พอเหมาะต่อการสมานแผล ด้วยกลไกเหล่านี้ จึงทำให้เกิดแผลเป็นนูนน้อยที่สุด

ซิลิโคนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ทางการแพทย์ ซิลิโคนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • ซิลิโคนเจลที่มีส่วนประกอบของ Cyclopentasiloxane และ Silicone crosspolymer 98% + Vitamin C 2%

*หมายเหตุ:

  • อย่าสับสนระหว่างยา Simethicone กับ Silicone
  • ยาSimethicone ที่ใช้เป็นยารับประทานเพื่อขับลมในโรคระบบทางเดินอาหาร จะประกอบด้วย Silicone + Silicon dioxide

ซิลิโคนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ซิลิโคนมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น

  • ผู้ใหญ่: ทาซิลิโคนเจลบนรอยแผลวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยการทาต้องครอบคลุมพื้นที่ของรอยบาดแผล และตามคำสั่งแพทย์
  • เด็ก: ทางคลินิก ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน เรื่องประสิทธิผล ขนาดยา และความปลอดภัยของการใช้ยานี้ การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์เป็นกรณีๆไป

อนึ่ง:

  • ห้ามใช้ซิลิโคนเจล ทารอยแผลสด หรือแผลเปิด

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่ เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวม ซิลิโคน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะซิลิโคนเจล อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรเพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?

หากลืมทายาซิลิโคนเจล สามารถใช้ยาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการใช้ยาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ให้ใช้ยาที่ขนาดปกติ

อย่างไรก็ตาม การลืมใช้ยาบ่อยๆหลายครั้ง ย่อมส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโดยตรง เพราะอาจทำให้แผลเป็นนูนกิดขึ้นได้ง่าย

อนึ่ง ในผู้ป่วยแต่ละราย แพทย์อาจแนะนำวิธีใช้ยาเมื่อลืมทายาในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นกับอาการเจ็บป่วยของโรคแต่ละประเภท ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าไว้ก่อนว่า ควรทำอย่างไรเมื่อตนเองลืมใช้ยานั้นๆ

ซิลิโคนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาซิลิโคนเจล สามารถทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น

  • มีอาการ ปวด แดง หรือรู้สึกระคายเคือง บริเวณผิวหนังที่ทายานี้

มีข้อควรระวังการใช้ซิลิโคนอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาซิลิโคนเจล ดังนี้ เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ซิลิโคนเจลทา แผลเปิด แผลสด
  • ห้ามรับประทาน หรือใช้เป็น ยาหยอดตา ยาหยอดจมูก ยาหยอดหู
  • ห้ามทายาซิลิโคนเจล ตรงรูทวารหนัก หรือช่องคลอด
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพของภาชนะบรรจุฉีดขาด
  • ใช้ยานี้ตามคำสั่งแพทย์
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาซิลิโคนเจลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

ซิลิโคนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ด้วยซิลิโคนเจล เป็นยาทาเฉพาะผิวหนังภายนอก จึงยังไม่มีรายงานพบเห็นการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยารับประทานชนิดใดๆ

ควรเก็บรักษาซิลิโคนอย่างไร?

ควรเก็บรักษายาซิลิโคนเจล ดังนี้ เช่น

  • เก็บยาประเภทซิลิโคนภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น หรือเก็บตามเงื่อนไขที่ระบุใน เอกสารกำกับยา
  • ห้ามเก็บซิลิโคนเจลในช่องแช่แข็งตู้เย็น
  • ไม่เก็บซิลิโคนเจลที่หมดอายุแล้ว
  • เก็บซิลิโคนเจลในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น
  • เก็บซิลิโคนเจลให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เก็บซิลิโคนเจลใกล้แหล่งกำเนิดความร้อน
  • ห้ามทิ้งซิลิโคนทุกชนิดรวมชนิดเจลลงในแม่น้ำลำคลอง หรือในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ

ซิลิโคนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ซิลิโคนเจล มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Clenascar C Gel (คลีนาสการ์ ซี เจล)Bangkok Lab & Cosmetic

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Silicone [2018,Sep15]
  2. http://www.mims.com/thailand/drug/info/clenascar%20c%20gel/?type=brief [2018,Sep15]
  3. http://www.mims.com/thailand/image/info/clenascar%20c%20gel/7%20g?id=8e2fcf9c-15b3-4e48-9532-a60f013468f2 [2018,Sep15]
  4. https://www.researchgate.net/publication/10753619_Silicone_sheet_for_treatment_and_prevention_of_hypertrophic_scar_A_new_proposal_for_the_mechanism_of_efficacy [2018,Sep15]
  5. https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/Simethicone#section=Top [2018,Sep15]