คุมได้ตามใจอยาก (ตอนที่ 2)

คุมได้ตามใจอยาก-2

      

ข้อห้ามของการใช้ยา (ต่อ)

- ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะที่มีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก (Uterine bleeding)

- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์

- ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นหรือเคยมีประวัติเป็นโรคมะเร็งเต้านม หรือ ผู้ป่วยมะเร็งที่ไวต่อการใช้ยาฮอร์โมน

- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Twirla

- ห้ามใช้ในผู้ที่ใช้ยารักษาไวรัสตับอักเสบซีที่ประกอบด้วย Ombitasvir / Paraparesis / Ritonavir / Dasabuvir ทั้งนี้ หลังการใช้ยาดังกล่าวควรเว้นระยะห่างอีก 2 สัปดาห์จึงค่อยใช้ยา Twirla

กรณีที่ให้หยุดการใช้ยา Twirla

  • มีภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ
  • สูญเสียการมองเห็นโดยไม่ทราบสาเหตุ ตาโปน (Proptosis) เห็นภาพซ้อน (Diplopia) ขั้วประสาทตาบวม (Papilledema) หรือเป็น โรคเส้นเลือดจอตาผิดปกติ (Retinal vascular lesions)
  • หยุดใช้ Twirla อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด และ 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  • มีอาการดีซ่าน (Jaundice)
  • ตรวจเช็คความดันโลหิตอยู่เสมอ หากความโลหิตสูงให้หยุดยา
  • มีอาการปวดศีรษะต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น

คำเตือน

  • ก่อนใช้ Twirla ให้ตรวจสอบประวัติตัวเองหรือคนในครอบครัวว่ามีภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำหรือไม่
  • จากงานวิจัย ยาจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะหรือทำให้อาการแย่ลง
  • ตรวจเช็คระดับน้ำตาลอยู่เสมอ เพราะยาอาจลดความทนทานต่อน้ำตาล (Glucose tolerance)
  • ยาอาจเป็นสาเหตุทำให้ไขมันในเลือดไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) สูงขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงต่อโรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
  • ในผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมเอง ควรใช้ Twirla หลังการคลอดแล้ว 4 สัปดาห์
  • ประจำเดือนอาจมาไม่ปกติในช่วง 3 เดือนแรกของการใช้ยา
  • อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) โรคแองจิโออีดีมา (Hereditary angioedema) และ เกลื้อน (Chloasma)
  • การใช้ Twirla ร่วมกับยาหรือสมุนไพรที่ทำให้เอนไซม์ทำหน้าที่เมตาบอลิซึมได้มากขึ้น (enzyme induction) อาจเกิดปฏิกิริยาที่มีผลให้ประสิทธิภาพของ Twirla ลดลงหรือทำให้มีเลือดออกได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

แหล่งข้อมูล:

  1. FDA Approves Twirla. https://www.drugs.com/newdrugs/fda-approves-twirla-levonorgestrel-ethinyl-estradiol-contraceptive-patch-5161.html [2020, March 24].