คิวราเร (Curare)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 12 เมษายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- คิวราเรมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- คิวราเรมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- คิวราเรมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- คิวราเรมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- คิวราเรมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้คิวราเรอย่างไร?
- คิวราเรมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาคิวราเรอย่างไร?
- คิวราเรมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ไฟโสสติกมีน (Physostigmine)
- อะซิติลโคลีนเอสเทอเรส อินฮิบิเตอร์: เอซีเฮชอีไอ (Acetylcholinesterase inhibitor: AChEI)
- บาดทะยัก (Tetanus)
- ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle relaxants drugs)
บทนำ
ยาคิวราเร (Curare) เป็นสารประเภทอัลคาลอยด์ (Alkaloid) มีฤทธิ์เป็นพิษต่อกล้ามเนื้อ สกัดได้จากพืชที่อยู่ในวงศ์ (Family) เมนิสเปอร์มาซี (Menispermaceae) ซึ่งมีถิ่นฐานต้นกำเนิดในประเทศแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มนุษย์นำมาใช้เป็นยาพิษอาบลูกดอกหรือธนูและใช้ล่าสัตว์ โดยยาจะออกฤทธิ์ต่อระบบการทำงานของกล้ามเนื้อมากกว่าต่อระบบประสาท และต่อหัวใจ ตัวยานี้ไม่ทำให้สัตว์ที่ได้รับพิษจากคิวราเรถึงกับเสียชีวิต และมนุษย์ที่กินสัตว์ที่ได้รับสารคิวราเรจะไม่เกิดอาการพิษแต่อย่างใด
ด้วยยาคิวราเรเป็นสารประกอบประเภทอัลคาลอยด์ที่มีโครงสร้างทางเคมีใหญ่มากทำให้ยากต่อการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด รูปแบบผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้ในปัจจุบันจึงเป็นยาชนิดฉีดไม่มียาชนิดรับประทาน
สำหรับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยาคิวราเรพบว่า ยาคิวราเรมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยปิดกั้นตัวรับ (Receptor) ประเภท Acetylcholine receptors ที่บริเวณเชื่อมต่อระหว่างเส้นประสาทกับกล้ามเนื้อ
ยาคิวราเรมีส่วนประกอบหลักๆที่เป็นตัวทำให้เกิดพิษที่เรียกว่า D-tubocurarine ตัวยาที่สามารถต้านพิษของยาคิวราเร (Antidode of curare poisoning) หรือ D-tubocurarine ได้นั้นคือ ยาในกลุ่ม Acetylcholinesterase inhibitors เช่น Physostigmine หรือ Neostigmine
นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ได้พยายามค้นคว้าจนถึงขั้นใช้สารสกัดของคิวราเรจากพืชมา ทำเป็นยาชา ช่วยให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวและถูกใช้ในห้องผ่าตัด นอกจากนี้ยังนำมาประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยด้วยโรคบาดทะยักโดยทำให้การชักเกร็งของผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น
รูปแบบที่ใช้เป็นยาแผนปัจจุบันของยาคิวราเรคือยาฉีด ผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดยาจากยา/สาร สกัดคิวราเรจะทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อลายอย่างรวดเร็วโดยเริ่มที่นิ้วเท้า ใบหู ตา จาก นั้นการออกฤทธิ์จะเกิดต่อเนื่องไปถึงคอจนถึงแขน-ขา และการออกฤทธิ์จะสิ้นสุดที่ระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังพบว่าฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยาคิวราเรยังปิดกั้นการทำงานสารสื่อประสาทประเภทเซโรโทนิน (Serotonin) ลดอาการอาเจียน บรรเทาอาการวิตกกังวล ลดความดันโลหิต ด้วยเกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ผนังหลอดเลือด
อย่างที่เคยกล่าวไว้แล้วว่าสารสำคัญตัวหนึ่งที่โดดเด่นในสารคิวราเรคือ สารTubocurarine ได้ถูกนำมาผลิตเป็นยาฉีด โดยใช้ในรูปแบบโครงสร้างเป็น Tubocurarine chloride มีความแรงขนาด 3 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ยากลุ่มนี้จะมีใช้แต่ในสถานพยาบาลเท่านั้นและซื้อหาไม่ได้จากร้านขายยาทั่วไป และการใช้ยาจากสารสกัดคิวราเรจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ผู้รักษาแต่เพียงผู้เดียว
คิวราเรมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาคิวราเรมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เช่น
- เป็นยาชาที่ใช้ในการผ่าตัด
- เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่ใช้ประกอบหัตถการในการใส่ท่อช่วยหายใจหรือใส่หลอด/ท่อให้อาหารผ่านทางช่องจมูก
คิวราเรมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
สาระสำคัญในยาคิวราเร มีกลไกการออกฤทธิ์ที่ปิดกั้นตัวรับในบริเวณรอยเชื่อมต่อของเส้นประสาทและของกล้ามเนื้อซึ่งมีชื่อว่า Acetylcholine receptor ส่งผลให้กระแสประสาทไม่สามารถส่งผ่านมายังกล้ามเนื้อได้ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัวและเป็นอัมพาต ด้วยกลไกเหล่านี้จึงก่อให้เกิดฤทธิ์การรักษาตามสรรพคุณ
คิวราเรมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาคิวราเรมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาฉีดที่มีตัวยาสำคัญคือ Tubocurarine chloride ขนาด 3 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
คิวราเรมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ขนาดการใช้ยาคิวราเรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ที่ทำการรักษา สามารถหารายละเอียดขนาดการใช้ยานี้ได้จากเอกสารกำกับยาที่แนบมากับตัวผลิตภัณฑ์
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาคิวราเร ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาคิวราเรอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
คิวราเรมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ที่สามารถพบได้จากสาร/ยาประเภทคิวราเร เช่น ความดันโลหิตต่ำ การเป็นอัมพาตของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจที่การช่วยเหลือสามารถใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อบำบัดอาการ
มีข้อควรระวังการใช้คิวราเรอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาคิวราเรเช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยา/แพ้สารสกัดคิวราเร
- ห้ามใช้กับสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม
- ระหว่างการใช้ยานี้ต้องมีการตรวจวัดสัญญาณชีพต่างๆของผู้ป่วยให้อยู่ในระดับที่เป็นปกติเสมอ
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมสารสกัดคิวราเรด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
คิวราเรมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ปัจจุบันยังไม่มีรายงานพบปฏิกิริยาระหว่างยาคิวราเรกับยารับประทานชนิดใดๆ
ควรเก็บรักษาคิวราเรอย่างไร?
ควรเก็บยาหรือผลิตภัณฑ์จากยาคิวราเรตามข้อแนะนำของเอกสารกำกับยาเก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
คิวราเรมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาคิวราเรที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิตเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Tubarine (ทูบารีน) | BURROUGHS WELLCOME & CO., LONDON |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Curare [2016,March26]
- http://www.rain-tree.com/curare.htm#.VtZS-H196Ul [2016,March26]
- http://www.drugs.com/dict/curare.html [2016,March26]
- http://www.livestrong.com/article/29650-curare-work/ [2016,March26]
- http://www.drugbank.ca/drugs/DB01199 [2016,March26]
- http://www.sciencemuseum.org.uk/hommedia.ashx?id=93766&size=Large [2016,March26]