คาโบแซนทินิบ (Cabozantinib)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 28 มีนาคม 2561
- Tweet
- บทนำ
- คาโบแซนทินิบมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- คาโบแซนทินิบมีมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- คาโบแซนทินิบมีมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- คาโบแซนทินิบมีมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- คาโบแซนทินิบมีมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้คาโบแซนทินิบมีอย่างไร?
- คาโบแซนทินิบมีมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาคาโบแซนทินิบอย่างไร?
- คาโบแซนทินิบมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer)
- มะเร็ง (Cancer)
- ไทรอยด์: โรคของต่อมไทรอยด์ (Thyroid: thyroid diseases)
- คาร์ซิโนมา มะเร็งคาร์ซิโนมา (Carcinoma)
- ยายับยั้งไทโรซีนไคเนส (Tyrosine kinase inhibitors: TKI)
บทนำ
ยาคาโบแซนทินิบ(Cabozantinib) เป็นยารักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด เมดัลลารี (Medullary thyroid cancer) และมะเร็งไตชนิดคาร์ซิโนมา (Renal cell carcinoma) มีการวางจำหน่ายยานี้เมื่อปี ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) เภสัชภัณฑ์ของยาคาโบแซนทินิบ เป็นยารับประทาน หลังการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ตัวยานี้จะถูกทำลายโดยตับ ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 55 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยาคาโบแซนทินิบออกจากกระแสเลือดโดยทิ้งไปกับอุจจาระและปัสสาวะ
โดยทั่วไป แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาคาโบแซนทินิบวันละ 1 ครั้ง ตอนท้องว่าง และต้องรับประทานยานี้ต่อเนื่องเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง แพทย์จะสั่งหยุดรับประทานยานี้ก็ต่อเมื่อตรวจพบบาดแผลของอวัยวะภายใน หรือเกิดฝีคัณฑสูตรหรือมีภาวะเลือดออกในร่างกาย เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย เนื้อสมองตายด้วยเหตุขาดเลือด เกิดภาวะไตรั่วคือมีโปรตีนปนมากับปัสสาวะ มีภาวะความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง มีการตายของกระดูกขากรรไกร อาการดังกล่าวล้วนมีสาเหตุจากการใช้ยาคาโบแซนทินิบทั้งสิ้น ดังนั้นระหว่างที่ได้รับยาชนิดนี้/นี้ แพทย์จะขอนัดตรวจร่างกายของผู้ป่วยเป็นระยะๆ เพื่อดูระดับของเม็ดเลือด ตลอดจนกระทั่งดูการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต หัวใจ เป็นต้น
ทั้งนี้ มีข้อควรระวังและข้อพึงปฏิบัติที่ผู้บริโภค/ผู้ป่วยควรทราบขณะที่ได้รับยาคาโบแซนทินิบ ดังนี้
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
- ต้องแจ้งแพทย์ผู้ที่ทำการรักษาทราบว่า ตนเองมีโรคประจำตัวอะไร และใช้ยา ชนิดใดอยู่บ้าง ทั้งนี้เป็นการป้องกันภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)
- ห้ามรับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันฯ(ภูมิคุ้มกันต้านทานโรค)ต่างๆจากการฉีดวัคซีน ขณะที่ได้รับยาคาโบแซนทินิบ เพราะการกระตุ้นภูมิคุ้มกันดังกล่าวจะไม่เป็นผลสำเร็จ
- ระหว่างที่ได้รับยาคาโบแซนทินิบ ทั้งบุรุษและสตรี จะต้องระวังมิให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยชายทุกครั้งที่ต้องมีเพศสัมพันธ์
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรืออยู่ในภาวะให้นมบุตร กรณีต้องใช้ยานี้กับสตรีในภาวะให้นมบุตร ต้องเปลี่ยนให้เลี้ยงบุตรด้วยนมผงดัดแปลงแทนน้ำนม มารดา
- หากเกิดอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ต้องรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลโดยเร็ว เช่น ท้องเสียวันละ 4–6 ครั้ง คลื่นไส้ทุกครั้งเมื่อรับประทานอาหาร อาเจียนวันละ 4–5 ครั้ง ผิวหนังหรือตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ปัสสาวะมีสีคล้ำเข้ม ปวดท้องใต้ชายโครงด้านขวา เกิดผื่นคันตามร่างกาย มีภาวะเลือดออกง่าย ไอแห้งๆหรือไอแบบมีเสมหะบ่อย เกิดแผลในช่องปาก เจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ
- มีอาการบางอย่างที่เป็นสัญญาณเตือนว่า ร่างกายได้รับผลกระทบ(ผลข้างเคียง)จากการใช้ยาคาโบแซนทินิบอย่างรุนแรง เช่น มีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส(Celsius)ขึ้นไป เกิดภาวะเลือดออกตามร่างกายอย่างผิดปกติ ขับถ่ายอุจจาระแล้วมีเลือดปน/อุจจาระเป็นเลือด ปวดศีรษะรุนแรง หรือเกิดอาการชาตามร่างกาย เป็นเหน็บชา พูดจาติดขัด เจ็บหน้าอก/แน่นหน้าอก หายใจลำบาก กรณีนี้ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลทันที
ยาคาโบแซนทินิบจัดว่าเป็นยารักษามะเร็งรุ่นใหม่ การผลิตและจัดจำหน่ายจึงอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทที่พัฒนายาชนิดนี้ขึ้นมา และอาจพบเห็นการใช้ยาชนิดนี้ในวงจำกัดแต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น โดยจัดจำหน่ายภายใต้ยาชื่อการค้าว่า Cabometyx และ Cometriq
คาโบแซนทินิบมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาคาโบแซนทินิบมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- ใช้รักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี (Medullary thyroid cancer)
- ใช้รักษามะเร็งไตชนิดคาร์ซิโนมา (Renal cell carcinoma)
คาโบแซนทินิบมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาคาโบแซนทินิบมีกลไกการออกฤทธิ์คือ ตัวยาจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีชื่อเรียกว่า Tyrosine kinase เอนไซม์ชนิดนี้มีความสำคัญต่อการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง โดยตัวยาจะเข้ารวมตัวกับตัวรับ(Receptor)ชนิด Tyrosine kinase receptor ส่งผลเกิดการปิดกั้นการทำงานของTyrosine kinase ทำให้เซลล์มะเร็งหยุดการแบ่งตัว และเป็นที่มาของสรรพคุณ
คาโบแซนทินิบมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
คาโบแซนทินิบมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Cabozantinib 20, 40 และ 60 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Cabozantinib 20 และ 80 มิลลิกรัม/แคปซูล
คาโบแซนทินิบมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาคาโบแซนทินิบมีขนาดรับประทาน เช่น
ก. สำหรับมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยาขนาด 140 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง (80 มิลลิกรัม 1 แคปซูล และ20 มิลลิกรัม 3 แคปซูล) ในขณะท้องว่าง
ข. สำหรับมะเร็งไตชนิดคาร์ซิโนนา:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยาขนาด 60 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง (ยาเม็ดขนาด 60 มิลลิกรัม)ในขณะท้องว่าง
อนึ่ง:
- เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยการใช้ยานี้ในเด็ก
- ควรรับประทานยานี้ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมงขึ้นไป
- ห้ามรับประทานยาชนิดเม็ดสลับไปมากับชนิดแคปซูล
- ห้ามปรับขนาดรับประทานยาด้วยตนเอง
- ห้ามรับประทานยานี้พร้อมน้ำผลไม้จำพวก เกรปฟรุต (Grape fruit juice) ด้วยจะทำให้ระดับตัวยาคาโบแซนทินิบในกระแสเลือดเปลี่ยนแปลงไป
- กลืนยานี้พร้อมน้ำดื่มอย่างเพียงพอ (240 มิลลิลิตรขึ้นไป) ห้ามกัด หัก แบ่ง เม็ดยาหรือเปิดแกะยานี้ออกจากแคปซูล
- รับประทานยานี้ต่อเนื่องตามคำสั่งแพทย์ และไม่หยุดรับประทานยานี้เอง
*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาคาโบแซนทินิบ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาคาโบแซนทินิบอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ ที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาคาโบแซนทินิบ น้อยกว่า 12 ชั่วโมง สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป(นานเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไป) ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติ
คาโบแซนทินิบมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาคาโบแซนทินิบสามารถกระตุ้นให้เกิด ผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆใน ร่างกายดังนี้ เช่น
- ผลต่อตับ: เช่น ค่าเอนไซม์การทำงานของตับในเลือดเพิ่มขึ้น
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ท้องเสียหรือท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก คลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดผื่นคัน ผิวแห้งหรือบวม แดง สีผมเปลี่ยนไป ฝ่ามือลอก กรณีนี้แพทย์อาจลดขนาดรับประทานลงตามความเหมาะสมเพื่อลดความรุนแรงที่เกิดต่อผิวหนัง
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น น้ำหนักตัวลด เบื่ออาหาร เกลือโปแตสเซียม และเกลือโซเดียมเลือดต่ำลง
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ โดยเฉพาะชนิดนิวโทรฟิล(Neutrophil)
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น การกลืนอาหารลำบาก
มีข้อควรระวังการใช้คาโบแซนทินิบอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาคาโบแซนทินิบ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
- ห้ามรับการฉีดวัคซีนทุกชนิดขณะใช้ยาคาโบแซนทินิบ
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีคำสั่งแพทย์
- ป้องกันการตั้งครรภ์ขณะได้รับยานี้โดยสวมถุงยางอนามัยชายทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ดื่มน้ำวันละ 2–3 ลิตร/วันระหว่างใช้ยานี้
- กรณีมีอาการอาเจียน ผู้ป่วยสามารถใช้ยาลดอาการอาเจียนได้โดยต้องให้แพทย์ ผู้ที่ทำการรักษาเป็นผู้สั่งจ่ายยาแก้อาเจียน ผู้ป่วยอาจรับประทานอาหารเป็นปริมาณน้อยๆต่อมื้อ แต่รับประทานอาหารบ่อยขึ้น
- ขณะได้รับยานี้ ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบด้วยจะส่งผลเพิ่มผลข้างเคียงรุนแรงของยานี้
- พักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อให้อาการโรคดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
- รับประทานอาหารอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร
- ระวังการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัด
- ล้างมือบ่อยๆและหลีกเลี่ยงการขยี้ตา การแคะจมูก ซึ่งเป็นช่องทางทำให้เชื้อโรค เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลตามร่างกาย ด้วยจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย
- เลี่ยงการออกแสงแดดจัด ด้วยจะทำให้เกิดอาการทางผิวหนังๆตามมา หากจำเป็นต้องออกในที่โล่งแจ้ง/ออกแดด ควรสวมเสื้อผ้ามิดชิด หรือใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 ขึ้นไปทาผิว
- กรณีฝ่ามือ-ฝ่าเท้าลอก อาจบรรเทาด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังบริเวณดังกล่าว
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจร่างกายตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาคาโบแซนทินิบด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
คาโบแซนทินิบมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาคาโบแซนทินิบมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาคาโบแซนทินิบร่วมกับยา Aspirin , Ibuprofen, Urokinase, ด้วยจะเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายมากยิ่งขึ้น
- ห้ามใช้ยาคาโบแซนทินิบร่วมกับ ยาNelfinavir เพราะจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากยาคาโบแซนทินิบมากยิ่งขึ้น เช่น เกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียหรือท้องผูก น้ำหนักตัวลดลง ปวดท้อง และ/หรือเกิดผื่นคันตามมา
- ห้ามรับประทานยาคาโบแซนทินิบร่วมกับ ยาAmiodarone ด้วยจะทำให้มีอาการ หัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา
- ห้ามใช้ยาคาโบแซนทินิบร่วมกับ ยาHydroxyzine เพราะจะทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจจาก Q wave ถึง T wave ยาวนานขึ้นผิดปกติ และเป็นผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา
ควรเก็บรักษาคาโบแซนทินิบอย่างไร?
ควรเก็บยาตามเงื่อนไขที่ระบุในเอกสารกำกับยา ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
คาโบแซนทินิบมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาคาโบแซนทินิบ มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Cabometyx (คาโบเมติกซ์) | Exelixis |
Cometriq (โคมีทริก) | Exelixis |
บรรณานุกรม
- http://chemocare.com/chemotherapy/drug-info/cabozantinib.aspx [2018,March10]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Cabozantinib [2018,March10]
- https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2012/203756lbl.pdf [2018,March10]
- https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2016/208692s000lbl.pdf [2018,March10]