คาร์ทีโอลอล (Carteolol )

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาคาร์ทีโอลอล(Carteolol) เป็นยาในกลุ่มปิดกั้นเบต้า (Nonselective beta blocker) ทางคลินิกนำมาใช้เป็นยาหยอดตาโดยมีขนาดความเข้มข้น 1 – 2% เพื่อบำบัดอาการของโรคต้อหิน (Glaucoma) และใช้เป็นยาลดความดันในลูกตา/ความดันตา(Intraocular hypertension) คุณสมบัติโดยทั่วไปของยาปิดกั้นเบต้าจะส่งผลลดปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดออกจากหัวใจ เพิ่มแรงต้านทานในการทำงานของหลอดลม ด้วยกลไกดังกล่าวทำให้เกิดข้อจำกัดของการใช้ยาคาร์ทีโอลอลดังนี้ เช่น

  • ห้ามใช้ยาคาร์ทีโอลอลกับผู้ที่ป่วยด้วยโรคหืด หรือมีประวัติเป็นหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง(COPD)ในระดับรุนแรง ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า(Sinus bradycardia) ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว (Overt cardiac failure) ผู้ที่มีภาวะ หัวใจช็อก (Cardiogenic shock) ผู้ที่มีภาวะนำไฟฟ้าของหัวใจช้าผิดปกติ (2nd and 3rd degree AV block)
  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้ หรือแพ้ส่วนประกอบต่างๆในสูตรตำรับยานี้
  • หลีกเลี่ยงและระวังการใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ด้วยผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกจากยาต่างๆหลายประเภทซึ่งรวมยาคาร์ทีโอลอลด้วย
  • ระวังเรื่องการเกิดยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา) ด้วยยาคาร์ทีโอลอลสามารถก่อปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นได้หลายชนิด เช่นยา Propranolol, Bupivacaine, Calcium channel blockers, Reserpine, Digoxin, Disopyramide, Flecainide, ยาInsulin, Ketanserin, Phenothiazines, Quinazolines, Verapamil, Clonidine, จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้ป่วยต้องแจ้งให้ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ทราบว่า ตนเองมีการใช้ยาชนิดใดอยู่ก่อน

นอกจากนี้ยังมีหลักการง่ายๆของการใช้ยาหยอดตาทุกชนิดรวมยาคาร์ทีโอลอล ที่ผู้บริโภคควรเรียนรู้และนำมาปฏิบัติ ด้วยจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาต่อตัวผู้ป่วยเอง อาทิเช่น

  • ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ขณะที่ต้องหยอดตาด้วยยาคาร์ทีโอลอล แพทย์จะให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดีว่า หลังการหยอดตาแล้วสามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้เมื่อใด
  • ล้างมือก่อนทำการหยอดตาทุกครั้ง หยอดยาลงบริเวณด้านในของเปลือกตา/หนังตาล่าง แล้วหลับตา ใช้นิ้วคลึงบริเวณหัวตาอย่างแผ่วเบาเพื่อให้ตัวยากระจายได้ทั่วตา โดยหลับตาประมาณ 1 – 2 นาที และหลีกเลี่ยงการกระพริบตาถี่ๆ
  • เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของเชื้อโรคลงในตัวยา ห้ามมิให้ปลายหลอดหยดยา สัมผัสกับเปลือกตา นิ้วมือ หรือ กับอวัยวะอื่นใดของร่างกาย และปิดขวดยาอย่างมิดชิด หลังการหยอดตาเสร็จทันที
  • ถึงแม้อาการดีขึ้น ควรใช้ยานี้ต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์
  • หลีกเลี่ยงการลืมหยอดตา

อนึ่ง สำหรับข้อมูลด้านความปลอดภัยของการใช้ยาคาร์ทีโอลอล ที่ผู้บริโภคควรทราบและนำไปปฏิบัติมีดังนี้ เช่น

  • หากพบว่ามีอาการ ตาพร่า ง่วงนอน เวียนศีรษะ หลังหยอดตาด้วยยาคาร์ทีโอลอล ผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะทุกชนิด และ/หรือการทำงานกับเครื่องจักร ด้วยจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
  • ทุกครั้งที่ต้องพบ แพทย์ ทันตแพทย์ ควรต้องแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้ตนเอง อยู่ในช่วงที่ใช้ยาหยอดตาคาร์ทีโอลอล
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ได้รับยาคาร์ทีโอลอล อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย สังเกตจากมีอาการหัวใจเต้นเร็ว เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อปรับขนาดรับประทานของยาเบาหวานด้วย
  • ระหว่างการใช้ยาหยอดตาคาร์ทีโอลอล ผู้ป่วยควรได้รับการวัดความดันในลูกตา เป็นระยะๆ ตามที่แพทย์นัดหมายทุกครั้ง

สำหรับผลข้างเคียงที่พบเห็นบ่อยสำหรับผู้ที่ใช้ยาหยอดตาคาร์ทีโอลอล ได้แก่ มีอาการ ตาพร่า น้ำตามาก รู้สึกแสบคันในตา

กรณีที่ผู้ป่วยหยอดยาคาร์ทีโอลอลเกินขนาด อาจทำให้เกิดอาการ วิงเวียน เป็นลม หัวใจเต้นช้า ซึ่งหากพบอาการดังกล่าว ควรรีบด่วนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ กรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาคาร์ทีโอลอลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้จากจักษุแพทย์ หรือจากเภสัชกรได้โดยทั่วไป

คาร์ทีโอลอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

คาร์ทีโอลอล

ยาคาร์ทีโอลอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • บำบัดรักษาโรคต้อหิน (Open-angle glaucoma)
  • ใช้ลดความดันที่เกิดภายในดวงตา/ความดันตาสูง(Ocular hypertension)

คาร์ทีโอลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคาร์ทีโอลอลคือ ตัวยานี้เป็นยาประเภทเบต้า-บล็อกเกอร์ (Beta-blocker)ที่นอกจากจะออกฤทธิต่อการทำงานของหัวใจและต่อหลอดลมดังได้กล่าวใน”บทนำ”แล้ว ยังออกฤทธิ์ ลดการผลิตของเหลวภายในลูกตา จึงส่งผล ทำให้แรงดันภายในลูกตา/ความดันตาลดลง ด้วยกลไกนี้เองที่ทำให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

คาร์ทีโอลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาคาร์ทีโอลอล มีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็น ยาหยอดตาขนาดความเข้มข้น 1 และ 2%

คาร์ทีโอลอลมีขนาดการใช้ยาอย่างไร?

ยาคาร์ทีโอลอลมีขนาดการใช้ยา เช่น

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: หยอดตาด้วยยาที่มีความเข้มข้น 1 หรือ 2% 1 หยด วันละ 2 ครั้ง
  • เด็กและผู้อายุต่ำกว่า 18 ปี: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่แน่ชัดถึง ขนาดยานี้ ผลข้างเคียง และความปลอดภัยในการใช้ยานี้ในคนกลุ่มวัยนี้ การใช้ยานี้ในคนกลุ่มวัยนี้ จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป

อนึ่ง:

  • เขย่าขวดยาทุกครั้งก่อนใช้
  • กรณีที่ใช้ยานี้แล้วความดันในลูกตายังไม่ลดลง แพทย์อาจต้องใช้ยาอื่น ร่วมในการรักษาด้วย เช่นยา Pilocarpine, Epinephrine, Dipivefrin
  • หยอดตาต่อเนื่องจนกระทั่งอาการดีขึ้นตามคำสั่งแพทย์ และปรึกษาแพทย์ทุกครั้งว่าสมควรหยุดการใช้ยานี้ หรือต้องใช้ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง
  • ทั่วไป การใช้ยานี้ตามคำสั่งแพทย์ 2 ครั้ง/วัน สามารถบรรเทาอาการของต้อหิน หรือภาวะความดันในลูกตาสูงได้เป็นอย่างดี
  • หากพบว่าในขวดยามีสิ่งปนเปื้อนหรือมีสิ่งสกปรกเจือปน ให้ทิ้งทำลายยาขวดนั้นและแจ้งแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาขวดใหม่แทน

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาคาร์ทีโอลอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหืด โรคเบาหวาน รวมถึงกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาคาร์ทีโอลอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมหยอดยาควรทำอย่างไร?

หากลืมหยอดตาด้วยยาคาร์ทีโอลอล สามารถหยอดตาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการใช้ยาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดการหยอดยาเป็น 2 เท่า

คาร์ทีโอลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาคาร์ทีโอลอลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น

  • ผลต่อตา: เข่น ปวดตา รู้สึกระคายเคืองตา กระจกตาอักเสบ ตาแดงด้วยมีอาการเลือดคั่ง เห็นภาพซ้อน ตาพร่า เปลือกตาบวม ตาแห้ง
  • ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น หายใจติดขัด/หายใจลำบาก ไซนัสอักเสบ หลอดลมหดเกร็/หายใจลำบาก ไอ ภาวะหายใจล้มเหลว
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น อาจเกิดภาวะ Raynaud’s phenomenon หัวใจเต้นช้า หัวใจหยุดเต้น ชีพจรเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก มือ – เท้าเย็น
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน การรับรสชาติผิดปกติ ความจำแย่ลง กล้ามเนื้อไม่มีแรง/กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความรู้สึกสัมผัสเพี้ยน
  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย ปากแห้ง อาหารไม่ย่อย และอาเจียน
  • ผลต่อระบบสืบพันธุ์: เช่น สมรรถภาพทางเพศน้อยลง
  • ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ฝันร้าย
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น ขน/ผมร่วง
  • ผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น เกิดภาวะน้ำตาลน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ

มีข้อควรระวังการใช้คาร์ทีโอลอลอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาคาร์ทีโอลอล เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วย โรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า(Sinus bradycardia) ผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว ผู้ที่มีภาวะคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
  • ห้ามใช้ยาที่สภาพของยาเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น สียาเปลี่ยน หรือในขวดยามีสิ่งแปลกปลอมเจือปน
  • ห้ามใช้เป็นยารับประทานหรือนำไปหยอดหู
  • การใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ควรต้องปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง
  • เพิ่มความระมัดระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยกลุ่มต่อไปนี้ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้เคยมีประวัติหลอดลมหดเกร็งตัว/หายใจลำบาก
  • มาพบจักษุแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง เพื่อการวัดความดันในลูกตา และประเมินผลการรักษา
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาคาร์ทีโอลอลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

คาร์ทีโอลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาคาร์ทีโอลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาคาร์ทีโอลอลร่วมกับยา Reserpine ด้วยอาจทำให้เกิดภาวะ ความดันโลหิตต่ำ หรือหัวใจเต้นช้าตามมา
  • การใช้ยาคาร์ทีโอลอลร่วมกับยา Diltiazem, Verapamil อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการ อ่อนแรง ปวดศีรษะ เป็นลม มือ–เท้าบวม น้ำหนักตัวเพิ่ม หายใจขัด/หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดของยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
  • การใช้คาร์ทีโอลอลร่วมกับยา Methyldopa อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงตามมา หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
  • การใช้ยาคาร์ทีโอลอลร่วมกับยา Aminophylline อาจทำให้ประสิทธิภาพการรักษาของยาคาร์ทีโอลอลด้อยลง และกลับทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากยา Aminophylline มากยิ่งขึ้น โดยสังเกตได้จาก มีอาการ คลื่นไส้อาเจียน นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป

ควรเก็บรักษาคาร์ทีโอลอลอย่างไร?

ควรเก็บยาคาร์ทีโอลอลในช่วงอุณหภูมิ 15 – 25 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือรถยนต์ เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น

คาร์ทีโอลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาคาร์ทีโอลอล ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Arteoptic (อาร์ติออพติก) Otsuka

อนึ่ง ยาชื่อการค้าอื่นของยานี้ที่จำหน่ายในต่างประเทศ เช่น Cartrol, Ocupress, Teoptic, Arteolol, Arteoptic, Calte, Cartéabak, Carteol, Cartéol, Cartrol, Elebloc, Endak, Glauteolol, Mikelan, Poenglaucol, Singlauc

บรรณานุกรม

  1. https://www.drugs.com/pro/carteolol.html [2016,Dec24]
  2. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-16267/carteolol-ophthalmic/details [2016,Dec24]
  3. http://www.mims.com/thailand/drug/info/carteolol/?type=brief&mtype=generic [2016,Dec24]
  4. https://www.drugbank.ca/drugs/DB00521 [2016,Dec24]
  5. https://www.drugs.com/drug-interactions/carteolol-ophthalmic-index.html?filter=3&generic_only=#C [2016,Dec24]