ขี้แมวขึ้นสมอง (ตอนที่ 4)

ขี้แมวขึ้นสมอง-4

      

กรณีที่แม่มีการติดเชื้อก่อนหรือระหว่างการตั้งครรภ์ ทารกจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มาก เพราะเชื้อสามารถผ่านจากแม่ไปสู่ทารกได้ (Congenital toxoplasmosis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ แม้ว่าแม่จะไม่มีอาการของโรคก็ตาม การติดเชื้อจะทำให้ทารกมีโอกาสตายในครรภ์ (Stillbirth) หรือแท้ง หรือกรณีทารกที่ยังมีชีวิตรอดก็มักจะเกิดปัญหาตามมา เช่น

  • ชัก
  • ตับหรือม้ามโต
  • เป็นดีซ่าน
  • ติดเชื้อที่ตาอย่างรุนแรง

ซึ่งก็เป็นส่วนน้อยที่แสดงอาการให้เห็นชัดตั้งแต่เกิด เพราะส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการจนกว่าจะโตขึ้น เช่น หูหนวก มีความบกพร่องทางจิต (Mental disability) หรือมีการติดเชื้อที่ตาอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ เราสามารถติดเชื้อนี้ได้ หากเรา

  • สัมผัสกับขี้แมวที่มีเชื้อ เช่น การทำสวน การทำความสะอาดกรงหรือกล่องที่สัมผัสกับขี้แมว โดยเฉพาะแมวที่หากินเองหรือถูกเลี้ยงด้วยเนื้อสด
  • กินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อ
  • ใช้ภาชนะอุปกรณ์ เช่น มีด เขียง ที่ติดเชื้อ
  • กินผักผลไม้สดที่ไม่ได้ล้างน้ำก่อน
  • ได้รับเชื้อจากการปลูกถ่ายอวัยวะหรือการถ่ายเลือด (Blood transfusion)

กรณีที่ร่างกายยังแข็งแรง ระบบภูมิต้านทานยังสามารถควบคุมเชื้อปรสิตนี้ได้ เชื้อจะคงอยู่ในร่างกายแต่ไม่แสดงอาการเหมือนมีภูมิต้านทานและจะไม่ติดเชื้ออีก แต่หากภูมิต้านทานอ่อนแอเชื้อก็อาจกลับมาอีก (Reactivate) ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ได้แก่

  • ผู้ที่ติดเชื้อเฮชไอวี/เชื้อเอดส์
  • ผู้ที่อยู่ระหว่างการรับเคมีบำบัด
  • ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิ

แหล่งข้อมูล:

  1. Toxoplasmosis. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pityriasis-rosea/symptoms-causes/syc-20376405 [2020, Jul 19].
  2. Parasites - Toxoplasmosis (Toxoplasmo infection). https://www.cdc.gov/parasites/toxoplasmosis/gen_info/faqs.html [2020, Jul 19].