การถ่ายเวลาไหน หรือถ่ายในแต่ละวันต่างเวลากัน เป็นเรื่องปกติ ส่วนการกินอะไรไปแล้วมีกลิ่นออกทางทวารหนักตามสิ่งที่กินก็เป็นเรื่องปกติ (ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย หรือมีแผลในบริเวณก้น อวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก) เป็นเพราะแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ย่อยเศษอาหารที่กิน ทำให้เกิดแก๊สที่เกิดเป็นกลิ่นขึ้น เมื่อมีกากอาหารมาก(กินปริมาณมาก) แก๊สก็มาก กลิ่นก็ระเหยออกมาทางทวารหนักมาก ส่วนกลิ่นที่ติดตัวหลังอุจจาระเสร็จ น่าจะเกิดจากกลิ่นติดตามเสื้อผ้า กางเกงใน ที่อับชื้น หรือจากการทำความสะอาดไม่หมด ควรให้น้องคุณปรับตัว กินแต่ละมื้อให้ปริมาณน้อยลง เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ลดประเภทอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น และสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดเกินไป คือมีการระบายได้ดีคะ

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

1.คุณหมอพวงทอง ทีบอกว่า "แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ย่อยเศษอาหารที่กิน" หมายความว่ากระเพาะอาหารย่อยไม่หมดใช่มั้ยครับ หรือว่ากระเพาะอาหารของมันทำงานไม่เต็มที่ แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ก็เลยย่อยเศษอาหารที่กินถูกต้องมั้ย หรือมันเป็นเรื่องปกติ ทีทุกคนต้องมีเศษอาหารที่เหลือถูกแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ย่อยกิน แล้วเราสามารถลดแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ได้หรือเปล่าครับ

2.ยกตัวอย่างสักนิสสสสนึงได้มั้ย ผมนึกไม่ออกว่า อาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย ที่หมอยกตัวอย่างมา ตรงอวัยวเพศ กับ ทวารหนัก มันทำให้เกิดกลิ่นได้อย่างไร

3.เรื่องกลิ่นที่ติดตัวหลังอุจจาระเสร็จ ผม confirm ได้เลยว่า กลิ่นที่ติดตามเสื้อผ้า กางเกงใน ที่อับชื้น หรือจากการทำความสะอาดไม่หมดไม่มีแน่นอน เพราะผมพิสูจน์ด้วยรูจมูกของผมแล้ว มันยังมีสาเหตุอื่นอีกมั้ยครับคุณหมอ หรือผมควรสวนทวารมันดี

1. ที่คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว ส่วนวิธีลดปริมาณแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ไม่แนะนำ เพราะเป็นแบคทีเรียที่มีเป็นปกติในลำไส้ทุกคน ไม่ได้ก่อโทษ และยังช่วยให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคกับลำไส้ด้วย ดังนั้นวิธีลดกลิ่นและแก๊ส คือ ลดปริมาณอาหาร และ เลือกประเภทอาหารที่ไม่ทำให้เกิดกลิ่นและแก๊ส ซึ่งคุณต้องสังเกต และลองปฏิบัติเอง เพราะแต่ละคนต่างกัน
2. ได้ยกตัวอย่างอาการผิดปกติไปแล้วในคำตอบครั้งแระ ส่วนที่แผล ทำให้เกิดกลิ่นได้ เพราะแผลมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และแบคทีเรียก็สร้างสารที่ให้กลิ่น
3. ตอบคำถามคุณไม่ได้คะ แต่การสวนทวารไม่ช่วยอะไร

ทั้งนี้ การที่จะวินิจฉัยหาสาเหตุได้ อย่างน้อยต้องประกอบด้วย อาการของคุณ ร่วมกับการตรวจร่างกาย ดังนั้นจึงเป็นข้อจำกัดของแพทย์ทางเว็บฯ ที่เพียงแนะนำคุณได้เป็นเบื้องต้น ซึ่งถ้าคุณได้ดูแลตนเองตามที่แนะนำแล้วไม่ดีขึ้น หรือคุณคิดว่า ไม่น่าใช่กรณีของคุณ แนะนำคุณพบแพทย์ เป็นแพทย์ทั่วไปได้คะ ซึ่งจะช่วยหาสาเหตุได้ดีกว่าการตอบคำถามโดยไม่ได้ตรวจคุณคะ

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

ขอบคุณมากครับ