กระดานสุขภาพ

จะเพิ่มยาแก้ปวด tramol กับ lylica ได้เองหรือไม่
Suga*****a

27 สิงหาคม 2556 09:09:05 #1

สวัสดีค่ะ จากข้อมูลเบื้องต้นที่เคยตั้งกระทู้ถามคุณหมอไปว่าดิฉันป่วยด้วยโรคน้ำคั่งในโพรงสมองและไขสันหลัง ล่าสุดคุณหมอบอกว่าไม่สามารถรักษาได้เพราะขนาดใส่สาย vp shunt และ ตัดกระโหลกท้ายทอยไปแล้วนั่น น้ำที่คั่งอยู่ในสมองและไขสันหลังนั่นไม่ลด

    สุดท้ายหมอระบบประสาทและสมองที่รักษาอยู่ก็ไม่นัดอีกเลย  จะมีก็แต่หมอระงับปวดเท่านั่นที่ยังนัดอีกครั้งในกลางเดือนตุลาคม ตอนนี้ดิฉันปวดแบบเข็มตำ และปวดแปลบเหมือนไฟช๊อตตลอดเวลา ปวดตั้งแต่บริเวณต้นคอถึงปลายเท้าเลย และจะปวดมากในบริเวณสาย shunt ที่วางอยู่ปวดตามแนวสายไปเลยค่ะ และ ปวดทรมาณมาก ๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน บางครั้งยังเผลอคิดว่าถ้าเราตายไปก็คงไม่ต้องทรมานแบบนี้อีกแล้ว 

      ปัจจุบันดิฉันทานยา tramol 100 mg 1 เม็ด กับ lylica 150 mg 1 เม็ด เวลา 8.00 น. และ 2 ทุ่ม รวมทั้งยาระงับประสาทนอร์ทริปไทลิน ก่อนนอน 1 เม็ด แต่ไม่สามารถระงับปวดได้เลย จนต้องทานยา tramol 50 mg เพิ่มในตอนกลางวัน ก็ยังไม่ดีขึ้นอีก หมอระงับปวดนัดอีกทีก็เดือน ต.ค. เลยคิดว่าคุณหมอพอจะแนะนำปริมาณยาให้ทานเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ค่ะ อีกเรื่องหนึ่งรบกวนถามคุณหมอ พอจะแนะนำแพทย์ที่เชี่ยวชาญในโรคนี้โดยตรงได้ที่ไหนอีกบ้างค่ะ อยากลองไปหาดู ขอบคุณค่ะ

อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.43 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

28 สิงหาคม 2556 03:38:18 #2

ข้อตอบคำถามคุณ ดังนี้คะ

1. เรื่องปรับยาแก้ปวด ดังที่ได้เคยตอบคุณไปแล้วว่า โรคและการรักษาโรคคุณเป็นเรื่องซับซ้อน แพทย์ทางเว็บจะตอบไม่ได้ เพราะจะไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ โดยเฉพาะในการปรับขนาดยา จำเป็นที่ต้องให้คำแนะนำโดยแพทย์ที่ได้ดูแลรักษาและเป็นผู้สั่งยาให้คุณเท่านั้น ที่จะปรับขนาดยาได้ถูกต้อง

ดังนั้นแนะนำให้คุณกลับไปพบแพทย์ก่อนนัดคะ โดยเรียนให้แพทย์ทราบว่า คุณยังมีอาการปวดมากถึงแม้กินยาแล้วก็ตาม

2. เรื่องแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคนี้ ซึ่งคุณได้พบอยู่แล้วทั้ง 2 โรงพยาบาล อย่างไรก็ตามแพทย์ที่ให้การักษาดูแลรักษาโรคของคุณ จะเป็นแพทย์ที่ประจำทำงานอยู่เฉพาะในโรงเรียนแพทย์ (โรงพยาบาลที่ให้การเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน) ซึ่งเท่าที่อ่านที่คุณเล่ามาทั้งในครั้งนี้และใน 2 ครั้งก่อน ดิฉันมีความเห็นว่า คุณมีความวิตกกังวลค่อนข้างสูง จึงไม่แน่ใจว่ามีอาการซึมเศร้าร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 ปัญหาทางด้านอารมณ์/จิตใจส่งผลต่ออาการเจ็บปวดของคุณได้ ดังนั้นการปรึกษาจิตแพทย์ ไม่ใช่การรักษาโรคจิต แต่เป็นการดูแลด้านอารมณ์-จิตใจ จิตแพทย์น่าจะให้คำแนะนำในการดูแลคุณด้านจิตใจได้ดีคะ

ดังนั้น แนะนำคุณปรึกษาจิตแพทย์ เป็นที่โรงพยาบาลเดียวกับที่คุณรักษาอยู่ก็ได้คะ และควรเรียนให้แพทย์ที่รักษาอาการปวดทราบด้วยว่าคุณได้ปรึกษาจิตแพทย์ร่วมด้วย

 

พญ. พวงทอง

Suga*****a

28 สิงหาคม 2556 12:47:28 #3

ขอบคุุณสำหรับคำแนะนำของคุุณหมอค่ะ  เรื่องความวิตกกังวลก็คงจะเป็นมากจริงๆค่ะ เพราะหมอทั้งสองที่ต่างก็บอกว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะเดินไม่ได้ ร่วมกับอาการปวดที่มากขึ้นทุกๆวัน มันยิ่งทำให้เครียด

ส่วนอาการซึมเศร้า คิดว่าไม่น่าจะมีค่ะ เพราะโอกาสที่จะซึมเศร้าอยู่คนเดียวนั้นมีน้อยมาก อีกทั้งงานที่ทำอยู่ ดิฉันนั้นเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กประถม มัธยม ในโรงเรียนรัฐบาล  มีการปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นเยอะ  อยู่กับเด็กสนุกสนานดีค่ะ แต่ที่พยายามหาหมอทุกวิถีทาง  ก็เพราะมันเจ็บมากจริงๆ ตอนสอนมันเพลินไม่ค่อยปวด แต่มันจะเป็นมากๆตอนค่ำค่ะ ยังอยากจะสอนหนังสือเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ยืนนานๆก็ปวด เขียนหนังสือบนกระดาน หันหลังกลับมากก็วูบ  สอนกิจกรรมกลางแจ้งไม่ได้ อีกอย่างนึง มีสิทธิ์เบิกได้ เลยคิดว่าปิดเทอมนี้น่าจะลองหาหมอดูอีกสักครั้ง  อย่างน้อยช่วยบรรเทาความเจ็บปวดสักนิดก็ยังดี ถ้ามีใครที่รู้จักคนเป็นโรคนี้ ช่วยแนะนำให้รู้จักบ้างน๊ะค่ะ อย่างน้อยจะได้คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพราะคนที่ไม่เป็นเค้าไม่รู้หรอกว่าเจ็บยังไง พ่อแม่ของผู้ป่วยจะเครียดแค่ไหนเมื่อเห็นลูกเจ็บ

สุดท้ายนี้ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยให้คำแนะนำดี ๆ น๊ะค่ะ จะติดตามผลงานของคุณหมอต่อไปค่ะ