กระดานสุขภาพ
ปรึกษาอาการบวมที่เท้าครับ | |
---|---|
20 มกราคม 2558 04:02:20 #1 แม่ผมมีโรคประจำตัวหลายโรคน่ะครับ เริ่มแรกก็เป็นมะเร็งต่อมไทรอยทำการรักษาโดยตัดทิ้งและกลืนน้ำแร่รักษาหายแล้วมาเกือบ ๆ 30 ปี ต่อมาก็เป็นเนื้องอกที่มดลูกเป็นเนื้อธรรมดาทำการผ่าตัดแล้ว พอเิร่มมีอายุขึ้นก็มาเป็นความดันโลหิตสูง และประมาณ 7 - 8 ปีก่อนก็เกิดก้อนเนื้องอกในปอดที่ต่อมไทมัสซึ่งไม่สาารถระบุประเภทของชิ้นเนื้อได้ ทำการรักษาโดยการให้เคมีบำบัดและฉายแสง ซึ่งปัจจุบันแพทย์ได้ควบคุมดูแลโดยตลอดและก้อนเนื้อก็สงบลงแล้วแต่ไม่สามารถผ่าออกได้เนื่องจากก้อนเนื้ออยู่ใกล้เส้นเลือดใหญ่ตรงหัวใจ ต่อมาก็มาเป็นเส้นเลือดสมองอุดตันในสมองส่วนที่เกี่ยวกับการประมวลด้านภาษาได้ดำเนินการรักษาและปัจจุบันอาการผิดปกติทางสมองได้หายเป็นปกติแล้ว จนกระทั่งประมาณปีกว่าแม่ผมตรวจพบว่าตนเองเหนื่อยง่ายและน้ำหนักลดลงและขาบวมจึงไปตรวจและพบว่าตนเองเป็นโรคหัวใจเต้นพริ้วซึ่งตอนนั้นมีน้ำในร่างกายมากและเริ่มมีการการน้ำท่วมปอดคุณหมอได้ไล่น้ำออกและหลังจากนั้น คุณหมอได้รักษาโดยให้กินยาวาฟารินตอนนี้กินเม็ดสีฟ้า 1 วัน/เม็ดก่อนนอนและคอยควบคุมดูค่าการแข็งตัวของเลือดมาเป็นระยะ ๆ ระหว่างรักษาแม่มียังอาการขาบวมไปด้วย เดี๋ยวบวมเดี๋ยวยุบ จนกระทั่งเกิดมีการการน้ำท่วมปอดอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นมากกว่าเดิมระหว่างพาไปส่งโรงพยาบาลแม่มีการการหายใจไม่ออกจนเกือบจะช็อก โชคดีที่เข้าโรงพยาบาลได้ทัน ตอนนั้นคุณหมอต้องสอดท่อช่วยหายใจและมีภาวะหัวใจล้มเหลวประกอบกับเริ่มเป็นโรคไตวายแต่ยังไม่ถึงกับต้องทำการฟอกไต หลังพ้นวิกฤตแม่ผมได้พื้นตัวอย่างรวดเร็วและไม่นานก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ซึ่งตอนนี้กำลังหาคุณหมอโรคหัวใจใหม่ให้กับแม่เนื่องจากที่เก่าพวกผมและแม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีเนื่องจากพวกผมรู้สึกว่าไม่ได้สนใจถึงเรื่องน้ำในร่างแม่ผมดีพอเพราะในตอนที่พวกผมและแม่ได้บอกว่ากังวลเรื่องอาการบวมที่ขา คุณหมอคนนั้นเขาพูดคำ ๆ หนึ่งกับพวกผมมาว่า "หมอเป็นหมอรักษาหัวใจไม่ได้รักษาขา" และจนสุดท้ายมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมปอดอีกครั้งจนเกือบจะไม่รอดซึ่งคุณหมอที่รักษาแม่ผมตอนวิกฤตครั้งนี้ได้ต่อว่าเช่นกัน หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วอาการของแม่ผมก็ดีขึ้นเป็นลำดับและได้ไปพบคุณหมอที่รักษาแม่ผมครั้งล่าสุดตามนัดเป็นประจำอาการขาบวมก็ยังมีบ้างแต่ไม่มากเหมือนก่อน คุณหมอได้บอกวิธีการดูแลรักษาตัวเองและแนวทางการใช้ชีวิตกับเรื่องโภชนาการว่าให้กินเค็มให้น้อยถึงน้อยมากและเนื่องจากการทำงานของไตเริ่มจะดีขึ้นตามลำดับแต่ก็ยังไม่เต็มที่เหมือนเดิมเรื่องการสะสมน้ำในร่างกายก็ยังมีอยู่คุณหมอจึงปรับยาและให้ทานยาขับปัสสาวะต่อและคอยดูอย่างต่อเนื่องและคุณหมอก็กำชับมาว่ายังไงก็ต้องหาหมอหัวใจต่อเพราะต้องดูค่าความแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตันในที่ต่าง ๆ ระหว่างนี้ผมก็เร่งหาและจะนัดคุณหมอคนใหม่แต่ไม่นานนี้เมื่อประมาณ 4 วันก่อนผมได้สังเกตุว่าขาของแม่ที่บวมนั้นมันแปลก ๆ เพราะเวลาที่บวมจะบวมจากข้อเท้าไปจนถึงฝ่าเท้าแต่พอตอนที่น้ำลดและขายุบลงกลับยุบแต่ที่ข้อเท้าแต่ตรงฝ่าเท้ากลับปวมอยู่เช่นเดิมไม่ก็ยุบลงแค่เล็กน้อยบางครั้งมีอาการชาและปลายนิ้วเท้าจะเย็นครับ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ฝ่าเท้าจะเริ่มยุบก่อนและค่อย ๆ ไล่ ๆ ขึ้นไปเรื่อย ด้วยความกังวลผมจึงมาปรึกษาครับ |
|
อายุ: 61 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.05 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์) |
25 มกราคม 2558 16:12:22 #2 จากที่คุณเล่ามาทั้งหมด พอสรุปได้คร่าวๆว่า คุณแม่มีโรคทั้งหมดดังนี้ 1. โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ 2. เนื้องอกมดลูก 3. ความดันโลหิตสูง 4. เนื้องอกของต่อมไทมัส 5. หัวใจเต้นพริ้ว 6. ปัญหาการแข็งตัวของเลือด/การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอาจเกิดที่หลอดเลือดที่ขาด้วย 7. โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน 8. น้ำท่วมปอด 9. หัวใจล้มเหลว 10. ไตวาย 11. ขาบวม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการชาและปลายนิ้วเท้าเย็นได้ และที่คุณมีคำถามมาณที่นี้
ซึ่งโรคตั้งแต่ข้อ 1-10 ยกเว้นเนื้องอกมดลูก เป็นสาเหตุให้เกิดขาบวมได้ทั้งสิ้น ในกรณีของคุณแม่ ขาบวมไม่น่าเกิดจากสาเหตุเดียว น่าจากหลายๆสาเหตุร่วมกัน จึงอาจส่งผลให้ลักษณะการบวมและการยุบบวมเกิดได้ตามที่คุณตั้งข้อสังเกต การดูแลรักษาตลอดจนคำอธิบายที่ถูกต้องในกรณีต่างๆที่อาจเกิดกับคุณแม่รวมทั้งเรื่องขาบวม ต้องเป็นแพทย์ที่ดูแลรักษาคุณแม่เท่านั้นที่จะตอบได้ถูกต้อง |
Joch*****r