กระดานสุขภาพ

มีตุ่มเล็กๆ ที่เนินหัวหน่าวบริเวณขนอวัยวะเพศครับ
Sant*****_

17 กันยายน 2562 21:48:45 #1

สวัสดีครับหมอ

พอดีผมมีตุ่มเล็กๆ แข็งๆ จุดเดียว สีแดงอ่อนๆ เป็นมานานแล้วครับ

คิดว่าเกิน 3 อาทิตย์แล้วครับ ไม่เจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ตอนกดก็ไม่เจ็บเช่นกันครับ

เดี่ยวผมแนบรูปภาพให้ดู รบกวนดูให้หน่อยนะครับ ว่าเป็นอะไรกันแน่

 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/santirat_-48764-1.JPG

http://haamor.com/media/images/webboardpics/santirat_-48764-2.jpeg

 

อายุ: 26 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 59 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.42 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

19 กันยายน 2562 06:48:38 #2

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นตุ่มขนาดเล็กที่บริเวณหัวเหน่า ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ยังไม่เคยร่วมเพศหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ อาจจะเกิดจาก 1. การอักเสบของต่อมใต้ผิวหนังคล้ายกับการเกิดสิว ให้กินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอนประมาณ 2 อาทิตย์ 2. ซีสต์หรือถุงน้ำหรือถุงไขมันใต้ผิวหนัง ถ้าไม่เจ็บ ไม่มีเลือดออกหรือไม่มีการอักเสบ ก็ไม่ต้องทำอะไร อาจจะยุบเองได้ แต่ถ้าใหญ่ขึ้น เจ็บ อักเสบ อาจจะต้องเลาะออก 3. โรคผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ เกา จนเป็นตุ่ม หรือโรคผิวหนังอื่นๆ แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ก็อาจเป็นโรคติตต่อ เช่น หูดข้าวสุก เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum เป็นตุ่มมีรอยบุ๋มตรงกลาง บีบดูจะมีสารสีขาวขุ่นคล้ายข้าวสุก รักษาโดยการบีบเอาสารตรงกลางตุ่มออก แล้วทายาฆ่าเชื้อ โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะของตุ่มที่เป็นร่วมกับพฤติกรรมทางเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่มีความเสี่ยง อาจจะเป็นการอักเสบ แต่ถ้ามีความเสี่ยง แนะนำหาหมอครับ

Sant*****_

19 กันยายน 2562 13:28:26 #3

ไม่เคยแวะเที่ยวสถานบริการเลยครับ เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็มีแค่คนเดียวตลอดสองปีมานี้ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งครับ แบบนี้ผมไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ก็ได้ใช่มั้ยครับ แค่ซื้อ dicloxacillin มากินเองตามที่หมอบอก

Sant*****_

19 กันยายน 2562 13:57:08 #4

เพิ่มเติมก่อนหน้านั้น 2 ปี ก็ไม่ได้มีคู่นอนหลายคนครับ ใช้ถุงยางทุกครั้งด้วยครับ เพราะผมไม่ได้ให้แฟนกินยาคุมกำเนิดครับ 

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

20 กันยายน 2562 15:19:28 #5

ถ้าแน่ใจว่าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุน่าจะเกิดจากการอักเสบของต่อมใต้ผิวหนัง แต่ถ้ากินยาแล้วไม่ดีขึ้นหรือเป็นมากขึ้น แนะนำหาหมอครับ

Sant*****_

20 กันยายน 2562 18:32:48 #6

ขอบคุณครับ

Sant*****_

23 กันยายน 2562 13:52:18 #7

ถามเพิ่มหน่อยครับ เหนคุณหมอบอกมา ว่าเป็นหูดข้าวสุด แต่ผมมั่นใจมากๆ ว่าไม่เสี่ยงเลย เพราะผมมีแฟนแค่คนเดียว แล้วผมมั่นใจด้วยว่าแฟนไม่ได้มีหลายคน และผมก็ใช้ถุงยางทุกครั้งด้วยครับ แต่พอดีผมเห็นคุณหมอบอกเรื่องหูดข้าวสุก ผมเลยไปค้นหาเพิ่มเติม และได้รู้จักกับมัน เลยสงสัยว่า แกติแล้วหูดข้าวสุกจะเป็นตุ่มเดียวได้ไหมครับเพราะ ในรูปทางอินเตอร์เน็ตมีหลายตุ่มทั้งนั้น บางรูปก็คล้ายของผม บางรูปก็ไม่เหมือนเลย แต่ส่วนใหญ่ไม่เหมือน ผมเลยกังวลนิดๆ ว่าอาจจะใช่หรือเปล่า แต่ผมไม่เคยเปลี่ยนคู่นอนเลยครับ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ของผมคือ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมมีครั้งแรกครับ กับสถานบริการ แต่ก็ใส่ถุงนะครับ ไม่รั่วด้วย และก็หลังจากนั้นไม่ได้มีอีกเลยครับ จนมาถึงอายุ 24 ที่มีแฟน และมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็มั่นใจว่าแฟนไม่เปลี่ยนคุ่นอนด้วย (อันนี้ชัวๆ เลยครับ) ​และใส่ถุงทุกครั้งอีกเหมือนกันครับ เลยกังวลว่าจะเป็นหูดข้าวสุกหรือเปล่า แต่พฤติกรรมเปลี่ยนคู่ 9 ปีหลัง ไม่มีเลยครับ ตุ่มถ้ากดจะรุ้สึกปวดนิดๆ แต่ไม่เจบแบบชัดเจนครับ ตุ่มเดียวนี่เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ ความสะอาดผมก็ทำความสะอาดดีนะครับ
Sant*****_

23 กันยายน 2562 14:29:42 #8

http://haamor.com/media/images/webboardpics/santirat_-48764-3.jpeg

รูปเพิ่มเติม ถ่ายเมื่อวันนี้ครับ ผมเปิดแฟลชนะครับ สีเลยออกเหลืองๆ
Sant*****_

23 กันยายน 2562 14:49:04 #9

และที่มั่นใจว่าแฟนไม่ได้เปลี่ยนคู่นอนหรือมีประวัติไม่ดีมาก่อนหน้า ก็เพราะผมเป็นคนแรกของแฟนเช่นกันครับ เลยมั่นใจแน่ๆ ว่าแฟนก็ไม่ได้มีคู่นอนหลายคน

รูปเพิ่มเติมที่ถ่ายวันนี้ครับ 

 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/santirat_-48764-4.JPG

ขอบคุณครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

25 กันยายน 2562 02:58:39 #10

ตามที่ได้ตอบไปแล้ว ถ้าแน่ใจว่าทั้งตัวคุณและแฟนต่างก็ไม่มีความเสี่ยง ตุ่มที่เป็นก็ไม่น่าจะเป็นหูดข้าวสุก ดูจากรูปที่ส่งมาเพิ่มเติม น่าจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของต่อมที่อยู่ใต้ผิวหนังคล้ายการเกิดสิวหรือฝี ถ้ากินยาแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำหาหมอ เพิ่มเติมว่าหูดข้าวสุกเป็นโรคที่ติดต่อทางการสัมผัสอย่างใกล้ชิด เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Molluscum contagiosum ลักษณะเป็นตุ่ม อาจจะมีตุ่มเดียวหรือหลายตุ่ม ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เป็นร่วมกับภูมคุ้มกัน เช่นถ้าภูมิคุ้มกันต่ำก็อาจจะมีหลายตุ่มและขนาดใหญ่ได้ ถ้าแกะหรือบีบที่ตุ่มจะมีสารสีขาวขุ่นคล้ายข้าวสุกซึ่งจะเป็นส่วนที่มีเชื้อไวรัสอยู่

Sant*****_

25 กันยายน 2562 20:32:26 #11

ขอบคุณครับ 

งั้นผมจะซื้อยามากินตามคำแนะนำก่อนนะครับ ถ้ายังไม่ดีขึ้นจะไปพบแพทย์ครับ

 

หมอครับ ผมขอคำถามสุดท้ายนะครับ พอดีที่ผมกังวลคือว่า จากที่เล่า ผมได้มีเพศสัมพันธ์กับสถานบริการเมื่อ 10 ปีที่แล้วและใส่ถุงยางด้วยครับ หลังจากนั้นไม่มีอีกเลยจนมามีแฟน ผมกังวลว่า ถ้าติดเชื่อมา 10 ปีจะแสดงอาการได้ไหม เพราะหูดข้าวสุก เกิดจากภูมิต้านทานต่ำได้เช่นกันใช่ไหมครับ แล้วตอนนี้ก็ 10 ปีพอดีด้วย ตอนแรกผมไม่เอะใจอะไร จนมาเห็นข่าวผู้ติดเชื้อทางสื่อ และระยะเวลาการติดเชื้อจะแสดงอาการที่ 10 ปี เลยเกิดอาการคิดมากครับ ตลอด 10 ปีมา ก็ไม่มีอาการอะไรผิดปกติครับ ไม่เคยมีต่อมน้ำเหลืองโตด้วย แต่พอคิดมาก น้ำหนักก็ลง 2 กิโล ใน 2 อาทิตย์ ทั้งๆ ที่ความอยากอาหารปกติ กินอาหารปกติ ไม่ทราบว่า ความกังวล ความเครียดทำให้น้ำหนักลงได้ด้วยไหมครับ 

ขอบคุณครับ 

 

Sant*****_

25 กันยายน 2562 20:35:55 #12

เพิ่มเติมนิดนึงครับ ลืมกล่าวถึง เชื้อที่ว่าคือ HIV ครับ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว 

Sant*****_

27 กันยายน 2562 15:13:47 #13

เพิ่มเติมครับ หูดข้าวสุกที่ว่าติดต่ออย่างใกล้ชิดนี่ติดต่อได้ทุกระยะไหมครับ หรือต้องให้หนองโผล่ออกมก่อนครับ ในกรณีสัมผัสกัน 

Sant*****_

27 กันยายน 2562 15:23:32 #14

และที่น้ำหนักลดผมว่าอาจเกิดจากคิดมากก็ได้ครับ ตอนนี้เพิ่มมา 2 กิโลอีกแล้วครับ และพอหยุดรับประทานอาหาร 5-6 ชม ก็จะลดลงเหลือประมาณ 57.8 หลังรับประทานบางวันพุ่งถึง 58.8, 59.2 อยู่อย่างนี้ครับ 

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

27 กันยายน 2562 20:23:52 #15

  • ในกรณีที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงบริการเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถ้าแน่ใจว่ามีการใช้ถุงยางก่อนที่จะมีการสอดใส่และใช้ตลอดการมีร่วมเพศโดยที่ถุงยางไม่รั่วและไม่ฉีกขาดและหลังจากนั้น คุณไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มเติม ก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์หรือเอชไอวี ความเครียดฟรือความวิตกกังวลถือเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งซึ่งอาจทำให้ร่างกายมีความผิดปกติ ตั้งแต่การเบื่ออาหาร หงุดหงิด นอนไม่หลับ น้ำหนักลด เป็นต้น โดยสรุป จากประวัติที่เล่ามา ไม่มีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่สบายใจหรือยังมีความวิตกกังวล ก็สามารถยืนยันว่าติดเชื้อเอดส์หรือไม่โดยการตตรวจเลือดตามที่ได้ตอบไปแล้ว สามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ
  • ----- ข้อความต้นฉบับ -----สำหรับการติดต่อของโรคเอดส์
  • 1.มีการร่วมเพศโดยไม่ใช้ถุงยางกับคนที่ติดเชื้อเอดส์
  • 2.ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคนที่ติดเชื้อเอดส์
  • 3. ได้รับเลือดบริจาคที่มีเชื้อเอดส์
  • และ 4 ติดเชื้อจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ขณะตั้งครรภ์
  • สำหรับการติดต่อนั้นโดยหลักการคือต้องมีการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือเลือดที่มีเชื้อเอดส์อยู่
  • เชื้อเอดส์จะเข้าสู่ร่างกายผ่านเซลล์ที่อยู่บริเวณหนังที่เป็นเยื่อบุอ่อนหรือถ้าเป็นผิวหนังจะต้องมีแผลหรือมีรอยที่เชื้อจะผ่านเข้าไปแล้ว
  • มีการแบ่งตัวเข้าสู่กระแสเลือดทำให้มีการติดเชื้อเกิดขึ้น สำหรับการติดต่อจากกาสัมผัสเลือดนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากการบริการในสถานพยาบาล เช่น การให้เลือดที่มีเชื้อเอดส์กับผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันพบได้น้อยมาก เพราะจะมีการตรวจเลือดบริจาคอย่างละเอียดด้วยวิธีที่ตรวจพบการติดเชื้อได้เร็วขึ้น อีกกรณีคือการติดเชื้อขณะปฏิบัติงานของแพทย์ พยาบาลหรือบุคคลากรอื่นๆ เช่น อุบัติเหตุมีดผ่าตัดบาดมือ เข็มทิ่ม หรือการสัมผัสเลือดโดยตรงในปริมาณที่มาก เช่นในห้องฉุกเฉินเป็นต้น
  • ในกรณีของคุณที่ถามเรื่องความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการติดเชื้อจากการกินข้าวหรือดื่มน้ำร่วมกับผู้ติดเชื้อนั้น ถือว่าไม่มีความเสี่ยงและ
  • ทางการแพทย์ยังไม่เคยมีการรายงานว่ามีการติดเชื้อโดยวิธีนี้ ยกเว้นว่ามีการสัมผัสเลือดสดๆในปริมาณที่มากๆเท่านั้น
  • นอกจากนี้ การใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ เช่นการเรียนหนังสือ การทำงาน
  • การใช้ห้องน้ำ ถือว่าไม่มีความเสี่ยง ถ้าไม่แน่ใจหรือมีความเสี่ยงอื่น ตามข้อ 1-4 สามารถตรวจเลือดได้ ใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ
Sant*****_

28 กันยายน 2562 19:13:42 #16

หลังจากได้อ่านคำอธิบายของหมอ ผมหายคิดมากแล้วครับ ผมมั่นใจเลยครับ ใช้ถุงยางก่อนที่จะมีการสอดใส่และใช้ตลอดการมีร่วมเพศโดยที่ถุงยางไม่รั่วและไม่ฉีกขาดด้วยครับ หลังจากนั้นก็ไม่เคยใช้บริการหญิงบริการอีกเลย

 

หวังว่ากระทู้นี้จะสามารถช่วยอธิบายคนอื่นได้ด้วยเช่นกันครับ