กระดานสุขภาพ

มีอาการปวดแสบวดร้อนครับ
Anonymous

13 กันยายน 2562 09:14:21 #1

ผมมีอาการร้อนแดงและปวดแสบวดร้อนที่ฝีเย็บระหว่างอัณฑะและทวารหนัก อยู่ใกล้ทางทวารหนักมากกว่า แต่ไม่ถึงรอบหูรูด เป็นมา 4-5 วันแล้ว แตะ ๆ ดูเหมือนจะมีน้ำเหลืองซึ่ม ใช้มือจับเหมือนมันจะบวมทำให้ยื่นเป็นเหนียงจับจากนิ้วมือได้ เวลาเดินรู้สึกเหมือนตรงนั้นเียกตลอดเวลา แต่ไม่ได้เียกอะไร จับดูแล้ว เป็นไม่ทราบสาเหตุ 

ไม่มีประวัติเพศสัมพันธ์ใด ๆ มานานมากแล้ว 

ก่อนหน้านั้นมีอาการท้องผูก

ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาลงเพราะมันอุจาดเกินไป ผมอยากถามคุณหมอว่ามันเป็นจากสาเหตุใดได้บ้าง 

เชื้อรา การอักเสบจากการเสียดสี หรืออะไร เผือจะได้หายามาทาเอง 

ผมใช้ ไตรแอมซิโนโลน 0.02 เอร์เซนต์ ทา มันรู้สึกแสบ 

ผมหยุดทาหลังจากลองไป 2 วัน เพราะยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด กลัวทายาผิด

อายุ: 31 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.58 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

13 กันยายน 2562 09:36:44 #2

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

14 กันยายน 2562 09:44:24 #3

    • เนื่องจากรูปที่ส่งมาไม่ชัด ไม่เห็นรายละเอียดบริเวณที่เป็น จากอาการที่เล่ามา ถ้าคุณมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือเป็นเกย์หรือชายรักชายที่มีการร่วมเพศโดยถูกสอดใส่ทางทวารหนัก ไม่ใช้ัถุงยาง ก็อาจจะเป็นโรคติดต่อ เช่น 1. แผลเริม ซึ่งถ้าเป็นเริม รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดงแล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วันตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ มีน้ำเหลืองจากแผล เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด 2. ถ้าน้ำเหลืองไหลซึมออกจากช่องทวารหนัก ก็อาจจะเป็นการติดเชื้อหนองในแท้หรือหนองในเทียม 3. แผลซิฟิลิส มักจะเป็นแผลแข็งและไม่ค่อยเจ็บ แต่ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยง คือใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็อาจจะมีสาเหตุอื่น เช่น 1. แผลอักเสบจากการเป็นริดสีดวงทวารหนัก สาเหตุของริดสีดวงทวาร มีหลายอย่าง เช่น ลักษณะนิสัยการถ่ายผิดปกติ (ท้องผูก หรือ ท้องเสีย) ออกกำลังกายน้อย รับประทานอาหารที่มีเส้นใยเช่นผักผลไม้น้อย เบ่งอุจจาระนาน อ้วน และนั่งเป็นเวลานานๆถ้าเป็นมากขึ้น เส้นเลือดจะโป่งออก และโผล่ออกมาอยู่ด้านนอกได้ ถ้ามีการรักษาที่ถุกต้อง ตั้งแต่เรื่องสุขอนามัย การกินอาหารประเภทผัก ผลไม้ ดื่มน้ำมากๆ ปรับเรื่องการขับถ่ายซึ่งการฝึกต้องทำบ่อยๆจนเกิดความเคยชิน หรืออาจรักษาด้วยการฉีดยา
    • ให้ยุบ การผูกเส้นเลือด การจี้ด้วยเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ถ้ารักษาแล้วก็จะไม่เห็นจากภายนอก
    • 2. แผลอักเสบจากการะคายเคืองร่วมกับเชื้อรา แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน 3. สาเหตุอื่น โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะที่เป็นร่วมกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ แนะนำหาหมอครับ
Anonymous

15 กันยายน 2562 14:06:47 #4

ผมพอจะทราบสาเหตุแล้วครับ พอดีมันมีสิวที่แก้มก้น ผมเลยลองใช้ครีมตัวหนึ่งทา ตอนมันเหงื่อออก สงสัยมันจะไปกับเหงื่อตอนนอน ผมไม่ทามา 2 วัน อาการดีขึ้นจนจะเป็นปกติละครับ ครีมตัวนี้มันกัดผิวแรง
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

16 กันยายน 2562 03:12:42 #5

ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรจะไปหาหมอครับ