กระดานสุขภาพ

อยากทราบว่าเสี่ยงเป็นอะไรได้บ้าง
Anonymous

17 เมษายน 2562 11:54:35 #1

สวัสดีครับ ผมเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง2คน คนแรกเมื่อ 3-4 ปีก่อนครับ และอีกคน ล่าสุดคือตอนเดือนธันวาปีที่ผ่านมาครับ ทุกครั้งคือสวมถุงยางอนามัยตลอดครับ มั่นใจว่าใส่ถูกวิธีและถุงไม่มีการฉีกขาดใดๆทุกครั้ง ทีนี้ คู่นอนคนที่2ของผม หลังจากมีเพศสัมพันธ์ตอนเดือนธันวา อาทิตย์นึงให้หลัง เขาบอกว่าคันในช่องคลอด แล้วก็มีน้ำกลิ่นคาวๆออกมาครับ ก็เลยไปหาหมอที่คลินิค หมอมี่คลินิคบอกว่า ดูก็รู้เลย ว่าติดพยาธิ ละก็ให้ยามากิน ไม่กี่วันอาการคันในข่องคลอดก็หายครับ ก่อนหน้านั้นก็มีครั้งนึงที่เพศสัมพันธ์แล้วเหมือนติดเชื้อในช่องคลอดด้วย แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นโรคอะไร ไปหาหมอกินยาจบ ผมสงสัยว่า ผมจะมีสิทธิ์ติดหรือเสี่ยงติดโรคอะไรได้บ้างมาจากคู่นอนคนแรกครับ ผมไม่เคยมีอาการอะไรแสดงออกมาเลยว่าติดโรคมา ตอนนี้ผมสงสัยว่าตัวเองจะเป็นเริม กับ ติดพยาธิมาครับ คุณหมอมีความเห็นและคำแนะนำอะไรมั้ยครับ ในเร็วๆนี้คาดว่าจะไปตรวจโรคที่คลินิคนิรนามด้วยครับ แต่ไม่รู้เลยว่าจะให้ตรวจหาโรคอะไรบ้าง และสามารถตรวจได้ทุกโรคเลยใช่มั้ยครับ
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 74 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

17 เมษายน 2562 12:04:12 #2

ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ เหมือนกับว่าจะเคยมีตุ่มน้ำเล็กๆขึ้นที่ปลายอวัยวเพศของผมนะครับ แต่ไม่กี่วันก็หายไปเองครับ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยมีอาการอะไรอีกเลยครับ สงสัยว่าเป็นเริมใช่มั้ยครับ ถ้าใช่อยากรู้วิธีรักษาน่ะครับ ถ้าเป็นเริม มีวิธีวินิจฉัยยังไงครับ และ พอดีไปอ่านเกี่ยวกับโรคมา เห็นบอกโรคนี้รักษาไม่ได้ แล้วทีนี้ถ้าในอนาคต แต่งงาน แล้วจะสามารถมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางแล้วไม่แพร่โรคต่อได้มั้ยครับ
Anonymous

17 เมษายน 2562 12:49:47 #3

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ ทางคู่นอนคนที่2ตอนไปหาหมอ หมอจ่ายยา หลักๆคือ metronidazole , ketoconazole กับ ยาสอดครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

18 เมษายน 2562 09:21:36 #4

ถ้าแน่ใจว่าใช้ถุงยางทุกครั้งรวมทั้งการทำออรัลเซ็กส์ด้วย โอกาสที่จะติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีน้อยมาก อาจจะมีบางโรคที่ติดต่อได้ คือมีการสัมผัสกับโคนอวัยวะเพศหรือบริเวณหัวเหน่าหรือบริเวณหนังถุงอัณฑะซึงเป็นบริเวณที่ถุงยางคลุมไม่ถึง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีทั้งที่เป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ปาราสิต สำหรับการติดเชื้อขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อสาเหตุ แบ่งได้เป็น 1. แผล เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายบริเวณอวัยวะเพศที่เป็นหนังหรือส่วนหัวอวัยวะเพศ เช่น เริม แผลริมอ่อน แผลซิฟิลิส เป็นต้น ซึ่งอาจจะติดบริเวณที่ถุงยางคลุมไม่ถึงก็ได้ 2. เชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินปัสสาวะ เข่นหนองใน หนองในเทียม มีการอักเสบของท่อปัสสาวะ ทำให้มีหนอง ปัสสาวะแสบ และถ้าเป็นเรื้อรังหรือไม่รักษาก็อาจจะลุกลามสู่ต่อมลูกหมาก หรือ ลูกอัณฑะได้ ในกรณีที่ใช้ถุงยาง ก็ไม่ติดทางระบบปัสสาวะ แต่ถ้ามีออรัลเซ็กส์โดยไม่ใช้ถุงยางก็อาจจะติดได้ 3. ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย จะมีโอกาสพบบ่อยกว่าชายทั่วไป แบ่งเป็น 1.แผลริมแข็งหรือระยะที่ 1 รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว 2. ระยะที่ 2 มีอาการผื่นขึ้นตามตัวไม่คัน ผมร่วงเป็นต้น รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว 3.ระยะแฝง ไม่มีอาการ รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต 3 ครั้งติดต่อกัน (อาทิตย์ละ 1 เข็ม) 4.ส่วนโรคอื่นๆ เช่น หูดหงอนไก่ จะทำให้มีติ่งเนื้องอกคล้ายหงอนไก่ มักจะเป็นที่หนังหุ้ม ถ้าเป็นเชื้อรา มักจะเป็นที่หนังหุ้มอวัยวะเพศ เป็นต้น ในกรณีของคุณที่แฟนมีตกขาว ถ้าทั้งตัวคุณและแฟนต่างก็ไม่มีความเสี่ยง คือไม่ได้มีเซ็กส์กับคนอื่นอีกเลย ก็อาจจะเป็นตกขาวจากเชื้อรา ส่วนพยาธิในช่องคลอดถือว่าสามารถติดต่อกันได้ แต่ในผู้ชายพบได้น้อยและมักจะไม่มีอาการ ยาที่คุณบอกมาเป็นยารักษาพยาธิและเชื้อราในช่องคลอด ส่วนเรื่องเริมนั้น เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง ที่คุณเล่ามา ไม่เหมือนอาการของเริม โดยสรุป ถ้าจะตรวจเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หลักๆคือตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิส ตรวจในท่อปัสสาวะเพื้่อหาเชื้อหนองในและหนองในเทียม ส่วนเริมใช้ลักษณะของตุ่มน้ำและแผลที่เป็น ถ้าสงสัยสามารถพบแพทย์เพื่อตรวจและปรึกษาได้ครับ