กระดานสุขภาพ
อสุจิปนเลือด(มีสีชมพู)+แสบปลายอวัยวะเพศหลังออรัลเซ็กส์ | |
---|---|
31 มีนาคม 2562 15:21:16 #1 ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แบบป้องกัน แต่ตอนออรัลไม่ได้ป้องกันครับ
1.หลังเสร็จกิจกรรม สังเกตเห็นว่า อสุจิเป็นสีชมพู คือมีเลือดปนไม่เคยเป็นมาก่อนเลยครับ เกิดจากสาเหตุใดบ้างครับ 2.หลังจากมีเพศสัมพัน รู้สึกระคายเคืองที่ปลายอวัยวะเพศ และมีรอยแดงๆ เสี่ยงเป็นโรคอะไรมั้ยครับ
http://haamor.com/media/images/webboardpics/maxisis-47769.jpg
ลิ้งรูปปลายอวัยวะเพศครับ |
|
อายุ: 23 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.20 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
1 เมษายน 2562 04:37:25 #2 น้ำอสุจิ (Semen) ประกอบด้วยตัวอสุจิและน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆ เป็นของเหลวลักษณะสีขาวข้นที่หลั่งออกโดยผู้ชาย เมื่อถึงจุดสุดยอดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือจากการสำเร็จความใคร่ หรือขับมาตามธรรมชาติที่เรียกว่าฝันเปียก จะมีส่วนประกอบของโปรตีนและน้ำตาล โดยการหลั่งน้ำอสุจิแต่ละครั้งประมาณ 3-4 ซีซี มีจำนวนตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 300-500 ล้านตัว ส่วนประกอบที่สำคัญในน้ำอสุจิคือน้ำหล่อเลี้ยงต่างๆที่ช่วยให้ตัวอสุจิมีชีวิตและแหวกว่ายไปผสมกับไข่ที่ท่อรังไข่ของผู้หญิง โดยทั่วไปจะมีสีขาวขุ่น อาจมีสีแตกต่างกันไปได้ ถ้าอยู่นอกร่างกายจะตายอย่างรวดเร็วภายใน 5 นาที ในกรณีของคุณที่สังเกตุว่าอาจจะมีเลือดปนนั้น อาจจะเกิดจากการร่วมเพศที่รุนแรงหรือบ่อยหรือนาน ซึ่งอาจจะทำให้เส้นเลือดฝอยฉีกขาดและมีเลือดออก ให้หยุดกิจกรรมทางเพศ 2 อาทิตย์ น่าจะหาย ส่วนเรื่องท่อปัสสาวะ ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นรอยแดงๆ ถ้าก่อนหน้านี้ คุณไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์มาก่อนคือใช้ถุงยางทุกครั้ง ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อ รวมทั้งแฟนคุณก็ไม่มีความเสี่ยงด้วย อาการที่เป็นก็อาจจะเกิดจากความรุนแรงของการรร่วมเพศได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเสี่ยง ก็อาจจะเป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะ แบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น โดยสรุป ขึ้นกับความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ แนะนำหาหมอครับ |
Maxi*****s |
1 เมษายน 2562 15:18:13 #3 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับคุณหมอ
แต่ที่ผมกังวลเพราะ ผมกับแฟนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเลยครับ 1.ออรัลเซ็ก ก็ไม่รุนแรง แต่ไมไ่ด้ใส่ถุง 2.การสอดใส่ (สวมถุงยาง) ก็แปปเดียวเพราะผมเสร็จไว
แต่ไม่รู้ทำไมอสุจิ ปนเลือด ผมเองก็ไม่เคยไปเสี่ยงมาก่อนครับ เคยช่วยตัวเองก่อนหน้านี้ก็ไม่มีเลือดปนครับ อยากสอบถามเพิ่มเติมครับ 1. ออรัลเซ็กส์ เสี่ยงต่อโรคใดบ้างครับ นอกจาก หนองในแท้และเทียม 2.เคยได้ยินว่า เริมสามารเกิดในท่อปัสสาวะได้ด้วยจริงมั้ยครับ แล้วเราจะตรวจว่าเป็นเริมได้ไงครับ ใช้วิธีการสังเกตุรอยโรคอย่างเดียวใช่หรือไม่ครับ |
Maxi*****s |
1 เมษายน 2562 15:29:57 #4 ขออนุญาตแนบรุปเพิ่มเติมครับหมอ ขอถามอีกข้อ ปลายอวัยวะตามรูปนี่ปกติมั้ยครับ เหนมันมีรอยบวมๆแดงๆ
http://haamor.com/media/images/webboardpics/maxisis-47769-1.jpg http://haamor.com/media/images/webboardpics/maxisis-47769-2.jpg |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
2 เมษายน 2562 07:08:33 #5
|
Maxi*****s