• ถ้ามีหนองหรือมูกไหลจากท่อปัสสาวะร่วมกับอาการปัสสาวะแสบขัด แสดงว่าอาจจะเกิดการอักเสบของท่อปัสสาวะ ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือมีคู่นอนหลายคน เที่ยวหญิงบริการ ไม่ใช้ถุงยาง น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค มักจะเป็นหลังมีความเสี่ยง 3-7 วัน สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับหรือกินยา cefixime 100 มิลลิกรัม 4 เม็ด ร่วมกับ azithromycin 250 มิลลิกรัม 4 เม็ด พร้อมกัน ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กิน
• ประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น
• มนกรณีของคุณ ถ้ามีความเสี่ยงก็อาจจะรักษาทั้งหนองแท้และหนองเทียม ถ้ามีคู่นอนก็ต้องรักษาด้วย แนะนำหาหมอครับ

ถ้าแน่ใจว่าหนองที่เห็นไหลออกจากทีอปัสสาวะ ก็แสดงว่าเป็นการอักเสบในทางเดินปัสสาวะ สาเหตุตามที่ได้กล่าวไปแล้ว บางครั้งถ้าเป็นหนองเทียม ปัสสาวะจะไม่แสบมาก แต่ถ้าเป็นหนองที่อยู่ที่บริเวณผิวของหนังหุ้ม อาจจะเกิดจากการแพ้หรือการรคายเคืองต่อสารที่ใช้หรืออาจะแพ้ยากิน แนะนำหาหมอหรือถ่ายรูปชัดๆบริเวณที่เป็นมาให้ดูเพิ่มเติมครับ