กระดานสุขภาพ

ผื่นข้ึนปลายอวัยวะเพศ
Anonymous

22 มีนาคม 2561 09:00:29 #1

สวัสดีครับคุณหมอ ผมขอท้าวความหน่อยนะครับคือก่อนหน้านี้4เดือนผมมีผื่นข้ึนที่ปลายอวัยวะเพศเป็นปื้นๆ เลยลองหายามาใช้เริ่มจากไนโซรัลครีม ก็ไม่หาย ไปอ่านเจอเค้าให้ใช้ยาคลอไทมาโซลกับไทรแอมซิโนโลน ก็เลยลองไปซื้อยาคีล่ากับคาเนสเทนมาใช้คู่กัน ใช้ไปซักเดือนก็ดีข้ึน แต่เรื่องของเรื่องคือเมื่อ2เดือนที่แล้วมันมีผื่นข้ึนทั่วปล่ยอวัยวะเพศผมไปหมด(จากที่เคยขึ้นเป็นปื้นๆ)ผมลองใช้คาเนสเทนดูคราวนี้ไม่หาย ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ไมด้า บี ก็ยังไม่หายครับ อาการตอนนี้คือ มีคันบ้างเล็กน้อย มีอาการเจ็บๆเคืองๆบริเวณรอบๆปากท่อปัสสาวะและมีอาการปวดจื๊ดๆที่ปลายอวัยวะในบางครั้งนานๆทีครับ อยากรบกวนคุณหมอช่วยตอบผมหน่อยครับ เครียดจริงๆช่วงนี้ ขอบคุณครับ (ปล.รูปอยู่ด้านล่างนะครับหมอ)

http://haamor.com/media/images/webboardpics/11623-42536-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/11623-42536-2.jpg

อายุ: 37 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 83 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

23 มีนาคม 2561 04:50:53 #2

  • Turn off for: Thai
  • ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆที่บริเวณส่วนหัวอวัยวะเพศ ถ้าทั้งตัวคุณและแฟน ต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยาต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และอาจจะเกิดจากการติดเชื้อราจากแฟน ทำให้เป็นๆหายๆ และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา
  • ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด ส่วนอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ อาจจะมีการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น
Anonymous

28 มีนาคม 2561 12:45:45 #3

คุณหมอครับ ผมได้ใช้ยาทาตามที่คุณหมอแนะนำแล้วครับ ใช้ได้2-3วันแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้นเลย ยังคงมีผื่นแดงทั่วปลายอวัยวะเพสอยู่ ไม่จางลงเลยครับ ผมงดมีอะไรกับแฟนมาเกือบ10วันแล้วด้วยครับ ผมต้องทำยังไงครับคุณหมอ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

29 มีนาคม 2561 06:05:18 #4

ถ้าอาการไม่ดีขึ้น แนะนำหาหมอครับ คงต้องมีการซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ

Anonymous

31 มีนาคม 2561 11:30:38 #5

ไปหาหมอตามโรงพยาบาลทั่วไป หรือ ต้องไปที่ไหนโดยเฉพาะรึเปล่าครับ รบกวนคุรหมอช่วยแนะนำทีครับ 

ตอนแรกจะไปตรวจก็อายน่ะครับ

 

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

1 เมษายน 2561 05:19:44 #6

สามารถหาหมอโรคผิวหนังหรือหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ