กระดานสุขภาพ

มีตุ่มขึ้นในหนังอวัยวะเพศครับ
Anonymous

16 มกราคม 2561 00:43:49 #1

ช่วยตอบทีนะครับผมกลุ้มใจมากเลยผมเป็นแบบนี้มาเกือบเดือนแล้วครับไม่รู้ว่าเป็นอ่ะไรตอนแรกก็จะเป็นตุ่มเล็กๆเองแต่หลังๆมามันก็ใหญ่ขึ้นครับรู้สึกแข็งๆเวลาบีบจะไม่มีความรู้สึกและเหลือนกับว่าหนังภายนอกมันจะตึงไปหมดเลยตอนแรกมีแค่ตุ่มสองตุ่มตอนนี้มันลายไปมีหลายตุ่มและใหญ่ขึ้นจนมีเกล็ดขาวๆภายนอกครับ โดนเฉพาะเวลาผมมีอะไรกับแฟนมันจะใหญ่ขึ้นๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ผมเคยฉีดยาเพิ่มขนาดด้วย และก่อนจะเป็นผมมีอะไรกับแฟนตอนประจำเดือนมาอ่ะครับแต่ก็เคยหลายครั้งแล้วทุกครั้งก็ทำความสะอาดดไม่รู้ว่าเป็นโรคติดต่อหรือโรคอะไรรบกวนคุณหมอช่วยให้คำแน่ะนำทีและวิธีรักษาครับขอบคุณครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/60802-41160-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/60802-41160-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/60802-41160-3.jpg

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 166ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.77 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

16 มกราคม 2561 00:47:40 #2

https://www.picz.in.th/image/0ChPEZ
Anonymous

16 มกราคม 2561 00:49:41 #3

https://www.picz.in.th/image/0ChnMl รูปเพิ่มเติมครับ
Anonymous

16 มกราคม 2561 01:02:41 #4

รูปมันดูได้เป็นบางรูปนะครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

17 มกราคม 2561 20:12:27 #5

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นตุ่มนูนๆสองแห่งที่บริเวณอวัยวะเพศ ถ้าคุณและแฟนไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือไม่ได้มีคู่นอนหลายคน หรือถ้ามีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ ก้อนที่เป็นอาจจเเกิดจากการฉีดสารแปลกปลอมเพื่อเพิ่มขนาดของอวัยวะเพศ ผลเสียของการฉีดสารในอวัยวะเพศคือสารที่ฉีด เช่น พาราฟิน น้ำมันมะกอก ซิลิโคน ถือว่าเป็นสารแปลกปลอม ร่างกายจะพยายามต่อต้านและมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น เช่น อักเสบ ติดเชื้อเป็นหนอง เป็นฝี หรือทำให้ผิดรูปร่าง ซึ่งทำให้ไม่สามารถสอดใส่ช่องคลอดหรือเกิดการเจ็บในขณะทีมีการร่วมเพศทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง นอกจากนี้พบว่าถ้าทิ้งไว้เป็นเวลานานก็อาจจะเป็นสาเหตุของการเป็นมะเร็งได้ แนะนำหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสาวะเพือ่ตรวจรักษา อาจจะต้องเลาะส่วนที่เป็นสารแปลกปลอมออกและซ่อมแซมอวัยวะเพศให้กลับมาเป็นสภาพเดิม แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง ก็อาจจะเป็นโรคติดต่อทางเพศ
สัมพันธ์ เช่น แผลหรือผื่นของโรคซิฟิลิส ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย จะมีโอกาสพบบ่อยกว่าชายทั่วไป แบ่งเป็น 1.แผลริมแข็งหรือระยะที่ 1 รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว 2. ระยะที่ 2 มีอาการผื่นขึ้นตามตัวไม่คัน ผมร่วงเป็นต้น รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว 3.ระยะแฝง

ไม่มีอาการ รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต 3 ครั้งติดต่อกัน (อาทิตย์ละ 1 เข็ม) สามารถตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าเป็นโรคซิฟิลิสหรือไม่ โดยสรุป ถ้าไม่มีความเสี่ยง อาจจะเกิดจากการอักเสบของสารแปลกปลอมที่ฉีด แนะนำหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ

Anonymous

19 มกราคม 2561 20:36:43 #6

ขอบคุณครับ
Anonymous

19 มกราคม 2561 20:43:18 #7

กรณีที่เกิดจากการฉีดจะมีทางรักษาให้เหมือนเดิมไหมครับ มีทางอื่นนอกจากการผ่าตัดไหมครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 มกราคม 2561 04:11:18 #8

ถ้าเป็นการฉีดสาีแปลกปลอม แนะนำว่าควรจะผ่าตัดออก เพราะถ้าทิ้งไว้อาจจะเกิดการอักเสบหรือทำให้รูปร่างผิดปกติ มีการเจ็บเวลาร่วมเพศ และที่สำคัญอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เป็นมะเร็งได้ แนะนำหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ