กระดานสุขภาพ
มีแผลที่อวัยวะเพศ | |
---|---|
23 ธันวาคม 2560 05:08:41 #1 เมื่อวานได้สังเกตุว่ามีแผลที่อวัยวะเพศ 3 จุด ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วต้องใช้ยาอะไรถึงจะหายครับ |
|
อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
24 ธันวาคม 2560 05:19:47 #2 ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นแผลตื้นๆ ขนาดเล็กๆ 2 แผลที่บริเวณหนังหุ้มอวัยวะเพศ ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน 1. โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง 2. แผลซิฟิลิส หรือแผลริมแข็ง เกิดหลังมีความเสี่ยง 10- 90 วัน แผลจะมีขอบแข็ง ไม่เจ็บ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum รักษาโดยฉีดยา benzathine penicillin 2.4 ล้านยูนิต โรคนี้พบบ่อยในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (เกย์) โดยสรุป ถ้าก่อนเป็นแผลมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นเริมหรือถ้าเป็นเกย์ก็อาจจะเป็นแผลซิฟิลิส แนะนำหาหมอครับ |
Anonymous |
24 ธันวาคม 2560 06:56:49 #3
ครับ ผมมีแฟนเป็นสาวประเภทสอง อยู่ด้วยกันมา 3 ปีแล้ว แต่เพิ่งเคยเป็นครั้งนี้ครั้งแรก อย่างงี้ต้องหาหมอที่โรงพยาบาลอย่างเดียวเลยใช่มั้ยครับ แล้วต้องพบหมอเฉพาะทางอะไรรึป่าว เพราะว่าโรงพยาบาลไกล้บ้าน ไม่มีหมอเฉพาะทางอะไรเลย ถ้าจะหาหมอเฉพาะทางได้ ก็ต้องไปโรงพยาบาลตัวเมืองอย่างเดียวเลย
|
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
24 ธันวาคม 2560 16:24:20 #4 แนะนำให้ไปที่ รพ. ประจำอำเภอ หรือ รพ. ประจำจังหวัด สามารถหาแพทย์ทั่วไปหรือใช้สิทธิบัตรทองได้ ให้บอกประวัติเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะเรื่องเป็นชายรักร่วมเพศหรือเป็นเกย์ และควรจะตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิสด้วยครับ |
Anonymous |
25 ธันวาคม 2560 05:18:58 #5
ไปหาหมอที่โรงพยาบาลอำเภอมาแล้วครับ ไปบอกหมอว่าขอตรวจเลือดหาโรคซิฟิลิส แต่หมอให้ยากินกับยาทาฆ่าเชื้อ แล้วถึงจะนัดเจาะเลือดวันที่ 8 มกราคม แบบนี้จะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ
http://haamor.com/media/images/webboardpics/da573-40704-1.jpg http://haamor.com/media/images/webboardpics/da573-40704-2.jpg |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
26 ธันวาคม 2560 06:04:47 #6 ยาแก้อักเสบที่ได้เป็นยารักษาเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด ถ้าเจาะเลือด 8 มค. ถ้าผลบวกเป็นซิฟิลิส ก็ต้องรักษาโดยการฉีดยา Benzathine Penicillin 2.4 ล้านยูนิต หรือเป็นยากินคือ Doxycycline 100มิลลิกรัม เช้า เย็น 2 อาทิตย์ และอย่าลืมตรวจเลือดเอดส์ด้วย ใช้สิทธิบัตรทอง ประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ |
Anonymous |
26 ธันวาคม 2560 06:44:36 #7
แฟนผมไปตรวจเลือดมาแล้ว การตรวจ HIV ผลออกมาว่า Negative แต่ผลเลือดซิฟิลิส Reactive หมอก็สั่งฉีดยาไป 2 เข็ม แต่ยาอะไรก็ไม่ได้ดูเหมือนกัน แล้วก็นัดเจาะเลือดอีกทีวันที่ 10 มีนาคม แฟนผมไม่มีอาการอะไรเลย แต่ผลออกมา Reactive อย่างงี้ผมก็ต้องเป็นเหมือนกันใช่มั้ยครับ
|
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
27 ธันวาคม 2560 13:06:50 #8 ถ้าแฟนเป็นซิฟิลิส คุณก็มีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อซิฟิลิสจากแฟน (ถ้าไม่ได้ป้องกันโดยการใส่ถุงยางอนามัย) แนะนำว่าควรจะรีบไปพบแพทย์ และน่าจะไปรักษาที่ รพ. เดียวกันพร้อมทั้งบอกหมอด้วยว่าแฟนเป็นซิฟิลิส จะได้เป็นแนวทางในการรักษาคุณครับ |
Anonymous