กระดานสุขภาพ
เริมอวัยวะเพศ | |
---|---|
7 พฤศจิกายน 2560 03:17:52 #1 ผมเคยเป็นเริมอวัยวะเพศเมื่อห้าปีที่แล้ว แล้วมันก็หายไปเลย ไม่รู้สึกว่าเป็นอีก ผมมีแฟน จะแต่งงาน ผมอยากทราบว่าผมมีอะไรกับแฟนได้ไหม ถ้ามันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมสามารถมีอะไรกับแฟนปกติได้ไหมครับ และถ้าตอนเป็นนี้ ก็ไม่ควรมีอะไรกับแฟนใช่ไหมครับ แล้วแฟนผมมีโอกาสติดโรคไหม และ สามารถมีลูกได้ปกติใช่ไหมครับ และจะทำยังไงไม่ให้แฟนติดโรคนี้ครับ |
|
อายุ: 30 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 74 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
7 พฤศจิกายน 2560 15:41:37 #2 เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล ในกรณีของคุณถ้าคุณเป็นเริมบ่อยกว่า 8-10 ครั้งต่อปี แนะนำว่าควรจะกินยาเพื่อลดให้เป็นน้อยครั้งลง และเวลาเริ่มรู้สึกว่าจะเป็นเริม ให้ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศกับแฟน แต่ถ้าแฟนเป็นแล้ว เวลาตั้งครรภ์ให้บอกสูติแพทย์ด้วยว่ามีประวัติเป็นเริม ซึ่งถ้าระหว่างที่ใกล้คลอดแล้วเป็นเริม ก็อาจจะพิตารณรผ่าท้องคลอดเพื่อไม่ให้เด็กทารกสัมผัสเชื้อเริม เด็กก็จะไม่ได้ติดเชื้อเริม โดยสรุป สามารถป้องกันได้โดยการใช้ถุงยางเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าจะเป็นเริมและเมื่อตั้งท้องให้บอกประวัต้การเป็นเริมให้หมอสูติแพทย์ทราบด้วย |
Love*****7