กระดานสุขภาพ

มีสิวขึ้นบริเวณโคนอวัยวะเพศครับ
Anonymous

20 ตุลาคม 2560 04:22:49 #1

ลักษณะคล้ายไขมันเป็นก้อนครับ เวลา บีบ แต่บีบทุกวันนะครับ ยังไม่หายครับ เป็นได้4วันแล้วครับ เวลาปัสสาวะก็จะรู้สึกแสบ แต่ไม่มีเลือดและหนองไหลนะครับ เมือกหรือหนองที่ปลายอวัยวะก็ไม่ไหลออกมาครับ
อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 61 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

20 ตุลาคม 2560 19:08:44 #2

ตุ่มที่เกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ยังไม่เคยร่วมเพศหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ อาจจะเกิดจาก 1. การอักเสบของต่อมใต้ผิวหนังคล้ายกับการเกิดสิว ให้กินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอนประมาณ 2 อาทิตย์ 2. ซีสต์หรือถุงน้ำหรือถุงไขมันใต้ผิวหนัง ถ้าไม่เจ็บ ไม่มีเลือดออกหรือไม่มีการอักเสบ ก็ไม่ต้องทำอะไร อาจจะยุบเองได้ แต่ถ้าใหญ่ขึ้น เจ็บ อักเสบ อาจจะต้องเลาะออก 3. โรคผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ เกา จนเป็นตุ่ม หรือโรคผิวหนังอื่นๆ แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ก็อาจเป็นเป็นโรคติตต่อ เช่น หูดหงอนไก่ หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ที่พบได้บ่อยขึ้น เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papilloma Virus (HPV) การรักษาคือใช้ยา podophyllin หรือ trichloracetic acid จึ้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 4-6 อาทิตย์ จี้หรือใช้ไฟฟ้า หรือเลเซอร์ ส่วนเรื่องปัสสาวะแสบนั้น ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ1- 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้งสองโรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะของตุ่มที่เป็นร่วมกับพฤติกรรมเสี่ยง แนะนำหาหมอครับ